‘กรีน’ เล่าวิกฤตชีวิต สู้อดทนกว่า 2 ปีถึงขั้นทำงานไปน้ำตาไหลไป ยอมขายรถจัดงานศพพ่อ

ภาพจาก @green_ausadaporn

‘กรีน’ เล่าวิกฤตชีวิต สู้อดทนกว่า 2 ปีถึงขั้นทำงานไปน้ำตาไหลไป ยอมขายรถจัดงานศพพ่อ

กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ผู้ที่รับบทเป็น รำนำ ตัวละครในเรื่อง กระเช้าสีดา จนละครถูกเป็นที่พูดถึงจำนวนมาก ต้องยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงแกร่งคนนึงที่กว่าเธอจะมาดังเปรี้ยงปร้างได้นั้น เจ้าตัวได้มาเล่าเรื่องราวในชีวิตของให้ฟังในรายการ แฉ กับวิกฤตขั้นสุดที่ถาโถมมาพร้อมๆกัน หลังจากคุณพ่อเสียก็ต้องใช้หนี้สิน ซึ่งทุกวันนี้ที่เธอทำงานก็ยังคงใช้หนี้อยู่ เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้เงิน สำหรับกรีนแล้วไม่มีคำว่าฟุ่มเฟือย และมีแฟนที่คอยช่วยเหลืออยู่ตลอด

โดย มดดำ ได้เผยว่า “คนจะเห็นว่ากรีนเป็นผู้หญิงคนนึงที่เล่นละครชีวิตน่าจะดี กล้าพูดเลยว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ คือเอาไปโปะหนี้จริงๆ และเป็นเด็กผู้หญิงที่วัยแบบนี้โดยเฉพาะในวงการบันเทิง มันควรจะได้ใช้อะไรบ้าง แต่ไม่ใช่สำหรับผู้หญิงคนนี้ ได้เงินมาปุ๊บจะต้องรีบไปต่อยอดเปิดร้านเบเกอรี่”

ซึ่งตอนนี้ก็ปิดตัวลงเพราะโควิด กรีนเผยว่าอยากปิดมาสักพักแล้ว เพราะรู้ตัวแต่อยากประคับประคองมันไปก่อน จนสุดท้ายเธอรู้สึกว่าถ้ายังประคับประคองไปมากกว่านี้อาจจะควักเลือดเนื้อของเราเพื่อยื้อมันเอาไว้ ซึ่งตัวเธอเองไม่ไหวเพราะมีภาระอื่น เธอจึงยอมตัดบางอย่างเพื่อให้มีชีวิตต่อไปดีกว่า

Advertisement

ส่วนกับแฟนหนุ่มดีกรีพระเอก ธันวา สุริยจักร ที่คบกันมานานถึง 7-8 ปี ที่ฝ่ายชายไม่เคยหนีไปไหนแม้ยามลำบาก กรีนบอกว่า

“เขาอยู่ในทุกๆสถานการณ์ สิ่งนึงที่เขาทำให้กรีนอยู่ในลู่ทางที่ดีขึ้น ถึงแม้ว่ากรีนจะมีปัญหาก็คือตัวเขา วิธีคิดของเขา เรื่องของการเงิน สิ่งที่พ่อแม่สอนเขามา มันทำให้กรีนเห็น ทำให้ไม่เป๋ และเป็นตัวอย่างให้กรีน ตอนนี้เขาเป็นดาราพระเอกแต่เขายังอยู่คอนโดห้องเล็กๆ 26 ตารางเมตร เขาไม่แคร์เรื่องนั้น เพราะว่าเขารู้ว่าถ้าอยู่คอนโดเล็กๆเขาไม่ต้องเสียค่าเช่าเยอะ”

ซึ่งทั้งสองมีเป้าหมายกันทั้งคู่ อยากจะรวย อยากจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่ตอนนี้ทั้งคู่เลือกดำเนินชีวิตแบบอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เพราะทุกวันนี้ยังมีแรงที่จะสู้อยู่ จึงยอมที่จะลำบากวันนี้ให้สบายวันหน้า เรื่องแต่งงานตอนนี้ยังไม่ได้คิด รอให้เคลียร์ปัญหาหนี้สินทั้งหมดก่อนค่อยคิด

Advertisement

“ฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอ กรีนคิดแบบนั้น 2 ปีเต็มที่เจอเรื่องราวหนักๆในชีวิต กรีนยอมรับว่าบางวันทำงานไปน้ำตาไหลไปก็มีเพราะไม่รู้ว่าจะหาทางออกยังไง”

แต่กรีนก็บอกว่า อยู่ที่มุมมองของเราด้วยว่าจะมองแบบไหนและกำลังใจสำคัญจากครอบครัวทำให้สามารถเดินต่อไปได้ มดดำเผยว่ากรีนต้องขายรถเพื่อจัดงานศพให้คุณพ่อ กรีนบอกว่า

“ตอนนั้นไม่เป็นไรค่ะ หนูสลับใช้กับแม่ได้ แต่ไม่อยากเพิ่มภาระหรือหนี้สิน อะไรที่ตัดได้ก็ตัดไปก่อน อยู่แบบพอเพียงไปก่อนก็ได้”

ทุกวันนี้ที่กรีนสามารถผ่านวิกฤตมาได้เป็นเพราะแม่ของเธอ “แม่สำคัญที่สุด ครอบครัวสำคัญที่สุด สุดท้ายแล้วเราก็กลับมามองที่ตัวเรา กลับมามองคนรอบตัวเรา ก็คือคุณแม่ เขาคือกำลังใจสำคัญและแรงจูงใจที่ทำให้เราอยากจะทำให้เขามีชีวิตที่ดีกว่านี้ เพราะเราจะมานั่งท้อไม่ได้ ท้อได้แต่รีบลุกขึ้นมาสู้ นี้คือสิ่งที่กรีนคิดมาตลอด อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่เป็นไร งั้นเราแค่ต้องรีบลุกขึ้นมาแก้ไขแล้วทำมันทันทีดีกว่า ไม่ควรจะหันไปโทษใคร รีบทำ สร้างแล้วรีบทำให้มันได้ผลลัพธ์เร็วๆ มองไปข้างหน้าไม่มองไปข้างหลัง เพราะทุกปัญหามีทางออก บางทีเราเอาความคิดเราไปจดกับสิ่งอื่นแต่ไม่ได้จับจดกับสติ ณ ตรงหน้ามันทำให้เรามองไม่เห็นแค่นั้นเอง”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image