เบื้องหลังการตัดสินใจ ก้าวสู่ถนนการเมือง ‘โจโจ้ ไมอ๊อคชิ’ กับ ความกลัวที่ครอบครัวมี

จากหน้าคอมพ์สู่การเมือง ‘โจโจ้ ไมอ๊อคชิ’ กับความกลัวที่ครอบครัวมี

โจโจ้ ไมอ๊อคชิ ยอมรับกับ ‘มติชนออนไลน์’ ว่า เขาใช้เวลาตัดสินใจอยู่พักใหญ่ตอนที่พรรคทางเลือกใหม่ชักชวนให้มาร่วมงาน

เหตุผลที่ตอบแบบไม่ปิดบังคือ ครอบครัว ‘กลัว’

“ทางพรรคเห็นผมจากที่โพสต์ต่างๆ ว่าผมคือหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด แล้วก็การบริหารผิดพลาดของรัฐบาล” นักแสดงคนดังที่ระยะหลังผันตัวไปทำบริษัททัวร์ ซึ่ง “ปิดตัวไปแบบขาดทุนยับเยิน” ก่อนจะหันมาตั้งหลักทำการเกษตรและปศุสัตว์ มีฟาร์มแกะบนพื้นที่ 12 ไร่ ใน จ.ชลบุรี ซึ่งผลจากการทำงานหลายด้านอีกทั้งยังลงไปคลุกคลีทำทุกอย่างด้วยตัวเองก็ทำให้ตระหนักว่า

“ไม่ว่าจะเป็นอาชีพนักแสดง อาชีพอิสระ หรือว่าจะเป็นการท่องเที่ยวและภาคเกษตรกรรม มันได้รับผลกระทบหมดเลยจากกลไกในการบริหารประเทศ” และก็ได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าว

Advertisement

รวมทั้งเรื่องเหตุบ้านการเมือต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊ก Giorgio Maiocchi จนวันหนึ่ง ราเชน ตระกูลเวียง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ก็ชวนมาคุย พร้อมตั้งคำถามว่า การไปบ่น ไปว่า ในเฟซบุ๊ก เอาจริงๆ มีประสิทธิผลอะไร นอกเหนือไปจากให้คน 4 พัน 5 พันคนที่เป็น ‘เฟรนด์’ ได้อ่าน แล้วแสดงทรรศนะร่วมวิพากษ์วิจารณ์

“หัวหน้าพรรคบอกว่าโจโจ้เป็นคนที่ทำการเกษตร เป็นคนเห็นกลไก แล้วทำไมไม่ออกมาทำเพื่อสังคมแทนเพื่อน 5,000 คนนั้น หรือทำให้กับเกษตรกรทั้งหมดในประเทศ เห็นความยากลำบาก ทำไมไม่มาเคลื่อนไหวแบบถูกกฎหมาย เคลื่อนไหวแบบมีชั้นเชิง เคลื่อนไหวแบบใช้สมอง”

Advertisement

เมื่อนำทั้งหมดที่ได้ฟังมาไตร่ตรอง ตัวเขาในวัย 50 ปีก็เกิดความสนใจ ภายใต้แนวคิดว่าจะเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ให้มากขึ้น ก่อนจะไปลงสนามสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในอนาคต โดยตั้งใจจะอาสาเป็นตัวแทนเขตในคลองสามวา กรุงเทพฯ

ส่วนจะ ‘ถูกเลือก’ หรือไม่ เขาบอกตรงๆ ว่าก็ไม่รู้ แต่ “ผมถือว่าผมได้ทำอะไรเพื่อประเทศชาติแล้ว”

ในช่วงเริ่มต้นเขาบอกว่าได้รับหน้าที่เป็นโฆษกพรรค ขณะเดียวกันก็จะเร่งศึกษาหาความรู้ในเรื่องต่างๆ เรื่องนโยบายและอื่นๆ ให้กว้างขวางเพื่อจะเป็นประโยชน์ต่องานในอนาคต

การก้าวเข้าสู่แวดวงการเมืองครั้งนี้ “ครอบครัวกลัวครับ” เขาบอก

“เพราะอย่างที่รู้ การเมืองบ้านเรามันน่ากลัว มีการดิสเครดิตกันเยอะ มีข่าวสารปลอม ทำให้ประชาชนได้รับข่าวสารที่ผิด แล้วก็เปลี่ยนมาโจมตีคนคนนั้น แต่ในเมื่อเราจะทำเรื่องพวกนี้ แน่นอนมันต้องเจอ แล้วก็เลี่ยงไม่ได้”

“แต่เมืองไทยจะต้องพัฒนาไปข้างหน้า การที่มีพรรคการเมืองเข้าไปเป็นรัฐบาลบริหารประเทศแล้วประชาชนได้รับความเดือดร้อน หัวหน้าพรรคบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าซีเรียสมากกว่าความเข้าใจผิดของประชาชนกับโจโจ้นะ ซึ่งผมก็เห็นด้วย”

ครอบครัวเขาเองเมื่อฟังเหตุผลนี้ก็ตอบตกลงด้วยเช่นกัน

ด้วยเหตุนั้นแทนที่จะเป็นแค่ ‘นักเลงคีย์บอร์ด’ เขียนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลผ่านเฟซบุ๊ก เขาจึงตัดสินใจลุกจากหน้าคอมพ์แล้วก้าวเข้าสู่แวดวงการเมืองเต็มตัว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image