บอย สินเจริญ เล่าพิษโควิดสะเทือนหนัก ตัดใจขายบ้านที่ตั้งใจเก็บไว้ให้ลูกชาย

ภาพจาก @boy_sincharoen

บอย สินเจริญ เล่าพิษโควิดสะเทือนหนัก ตัดใจขายบ้านที่ตั้งใจเก็บไว้ให้ลูกชาย

ศิลปินนักร้องได้รับผลกระทบอย่างหนักในงานบันเทิง เพราะคอนเสิร์ตและทัวร์ที่ไม่สามารถจัดได้ทำให้ขาดรายได้ เช่นเดียวกับ บอย สินเจริญ เจ้าตัวได้เผยเรื่องราวกับทาง ‘มติชนออนไลน์’ ที่โดยปกติแล้วสินเจริญจะต้องมีงานคอนเสิร์ตเดือนนึงเฉลี่ย 15-20 งาน เมื่อถูกผลกระทบของโควิดก็เรียกได้ว่าขาดรายได้หลักของครอบครัวไปเลย จนล่าสุด บอย ประกาศผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวขายบ้านหลังที่เขาตั้งใจซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรง และวางแผนอนาคตไว้ว่าจะเก็บไว้ให้ลูกชาย ตอนนี้ยอมเสียไปก่อนเพื่อลดภาระสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป บอยได้เผยกับมติชนออนไลน์ว่า 

พอมีโควิดขึ้นมาแล้วงานของผม เป็นงานหลักของสินเจริญ มันคืองานเล่นคอนเสิร์ตรายได้ค่าใช้จ่ายของตัวผมเองและของที่บ้านสินเจริญ คือบ้านสินเจริญจะอยู่ด้วยกันทั้งหมดทั้ง 3 คน พี่น้องคุณแม่อยู่บ้านหลังเดียวกันหมด ค่าใช้จ่ายคือค่าใช้จ่ายรวม เพราะฉะนั้นแล้วรายได้หลักที่มาจากคอนเสิร์ตมันก็หยุดลงเลยตั้งแต่มีโควิดมา ในช่วงระลอก 1 แล้วพอคลี่คลายไปตอนนั้นงานกลับมาแล้ว ซักพักนึงระลอก 2 มาก็หยุดอีก พอระลอก 2 คลี่คลายก็เริ่มมีงานกลับมา แล้วก็มาเจอรอบ 4 ที่มันกินระยะเวลายาวนานมันก็เลยทำให้ค่าใช้จ่ายมันเท่าเดิมทั้งเพิ่มขึ้น”

“แต่ว่าตัวรายได้ของเรามันหายไป ในส่วนของผมเองก็มีทั้งค่าใช้จ่ายโดยรวมของที่บ้าน ค่าใช้จ่ายของตัวเองแล้วก็รวมถึงค่าใช้จ่ายของลูกด้วย ลูกยังคงต้องเรียน เรียนออนไลน์ยังต้องมีค่าใช้จ่าย ค่ากินค่าอยู่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่บอยต้องตัดสินใจและต้องทำในตอนนี้ก็คือว่าต้องลดภาระของตัวเอง โดยที่พี่บอยยังคงต้องผ่อนอยู่ เช่น รถและบ้าน ตอนนี้พี่บอยต้องยอมเสียไปก่อน ต้องยอมลดภาระไปก่อน เพื่อจะเซฟเงินเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นจริงๆ

Advertisement

บอยบอกว่า ก่อนหน้านี้เขาก็ปรับตัวและปรับเปลี่ยนมาหลายอย่าง ทั้งขายอาหาร ขายของ เซฟเงิน ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่ด้วยความที่มันกินระยะเวลามานาน และก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปปกติได้เมื่อไหร่ เขาจึงยอมที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายลง 

ผมเลยต้องเซฟโดยการที่ต้องลดภาระค่าใช้จ่าย รถที่ต้องผ่อนอยู่ผมก็ต้องปล่อย บ้านที่ผมซื้อเอาไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรงตั้งใจเก็บไว้ให้กับลูก และต้องบอกว่าสินเจริญไม่ใช่วงดังเ พราะฉะนั้นแล้วพอมันไม่ใช่วงดัง ไม่ใช่วงที่แบบเป็นบิ๊กเนมวงดัง ผมก็จะไม่ได้มีเงินเก็บเยอะ หรือว่ามีมรดกทรัพย์สินอะไรมากมาย ผมก็มีอยู่เท่านี้แหละ มีรถ 1 คัน มีบ้านที่จะเก็บไว้ให้ลูกหนึ่งหลัง แต่คราวนี้เมื่อมันมีภาวะนี้เกิดขึ้น เราก็ต้องยอมปล่อยไปก่อน

Advertisement

แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครหลายๆ คน ซึ่งบอยเองก็ยอมรับว่าเขาคิดอยู่พักใหญ่

คิดว่าจะเก็บไว้เป็นไม้สุดท้ายอย่างงั้นดีกว่า (หัวเราะ) เพราะว่าความตั้งใจคืออยากเก็บไว้ให้ลูก ผมเชื่อว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนที่มีลูก อย่างน้อยถ้าเรามีแรงกำลังพอเราก็อยากจะมีอะไรที่เก็บไว้ให้ลูก เรารู้แหละเดี๋ยวลูกโตขึ้นเขาก็ต้องหาเอง แต่ในความเป็นพ่อเป็นแม่อย่างน้อยที่สุดเราเก็บอะไรไว้ได้มีอะไรไว้ให้เขาก็ดี

ด้านลูกชาย น้องสิล ในวัย 8 ขวบ ก็รับรู้ถึงเรื่องสถานการณ์ในปัจจุบันรวมถึงเรื่องงานของคุณพ่อด้วยเช่นกัน

เขารู้ว่าโควิดคืออะไร เขารู้ว่า ที่เขาเกิดมาแล้วเห็นพ่อออกไปทำงานร้องเพลงทุกวัน แต่ตอนนี้พ่อต้องอยู่บ้าน พ่อต้องพยายามที่จะหาอะไรอย่างอื่นทำ อย่างผมขายของ ลูกก็มาช่วย มาช่วยขายของออนไลน์เลย บอกพ่อเอาของเล่นไปขายเลย ของเล่นที่มีอยู่อันไหนไม่ได้เล่นแล้วเอาไปขายเลย เล็กๆ น้อยๆ เขาก็ช่วยคราวนี้ผมก็มาตัดสินใจเพราะว่าไม่รู้ว่าจะได้กลับไปทำงานตอนไหน และไม่รู้ว่าเมื่อกลับไปแล้วอะไรต่างๆ จะเป็นปกติเหมือนเดิมมากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ผมก็เลยคิดว่าผมคงต้องปล่อยสิ่งที่เป็นภาระไปก่อน

แม้อาชีพคือการต้องจัดคอนเสิร์ตแต่ก็มีอีกหนึ่งอาชีพที่ยังช่วยประคับประคองให้บอยยังมีรายได้นั้นก็คือ จัดรายการวิทยุทางคลื่น Mellow อสมท แต่เขาก็บอกว่ายังคงได้รับผลกระทบเช่นกัน 

ปกติแล้วเขาจ้างสินเจริญไป เขาจะจ้างทำงาน 3 คน เวลาใครจ้างสินเจริญก็ต้องการ 3 คนพี่น้อง (บอม สุทธิศักดิ์, เบิ้ล ธีรยุทธ และบอย ธนัญชัย) ผมก็จัดรายการที่นี่ 3 คนพี่น้องทุกเช้าเลยตื่น 05.00 น.ทุกวันเพราะรายการผม 06.00 น. พอโควิดมาปุ๊บ อสมท ก็เลยได้รับผลกระทบเช่นกัน จากสปอนเซอร์ จากอะไรต่างๆ ก็ขอลดค่าจ้างก่อน ซึ่งผมก็ต้องโอเคกับเขาเพราะถือว่าช่วยกัน เราก็ต้องช่วยองค์กรที่เขาจ้างเรา ลดค่าจ้างจากนั้นตามมาด้วยลดจำนวนคนจากที่จัดกัน 3 คนพี่น้องก็เหลือ 2 คน จนระลอกล่าสุดขอเหลือครั้งละคนเพื่อเขาจะต้องการลดรายจ่าย

“ใช้คำว่าสู้และดูแลตัวเอง ถ้าเกิดเราจะคาดหวังในการบริหารจัดการต่างๆ เนี่ยไม่ต้องไปรอความหวังนั้นเลยเราสู้และดูแลตัวเอง และผมเชื่อเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้กับเรา รวมถึงทั่วโลก ทุกคนจะผ่านไปได้ด้วยใจของเราล้วนๆ ด้วยตัวของเราเอง”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image