น.ร.หญิง เปิดใจวินาทีโดนครู ‘ปาแก้ว’ ย้ำดำเนินคดีตาม กม. หลังตกลงค่าเสียหายไม่ได้

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สำหรับกรณีนางสาวนฤดี จอดสันเทียะ หรือน้องทราย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโชคชัยสามัคคี อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ถูกนายไพฑูรย์ แกลงกระโทก อายุ 58 ปี ครูวิชาพละศึกษาของโรงเรียน ขว้างแก้วถูกกกหูด้านซ้าย ทำให้ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ส่งผลให้ใบหน้าเสียโฉม ปากเบี้ยว ตาซ้ายปิดไม่สนิท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2559 โดยเบื้องต้นผู้อำนวยการโรงเรียนได้ชี้แจงว่า ครูพละไม่ได้ตั้งใจปาแก้วไปโดนเด็กนักเรียน เพียงแต่ปาแก้วไปถูกกำแพง แล้วกระเด็นไปถูกเด็กจนได้รับบาดเจ็บ

ล่าสุดวันนี้ (14 ก.ย.) น้องทรายและคุณอาได้มาเปิดใจในรายการ “ปากโป้ง” ทางช่อง 8 โดยน้องทรายกล่าวว่า “วันนั้นเป็นวันที่ 8 สิงหาคม ครูเขาจะให้เล่นตะกร้อ ชั่วโมงนั้นเป็นชั่วโมงพละ ภาคเช้า นักเรียนมีทั้งหมด 34 คน ผู้หญิง 5 คน จากนั้นครูก็ให้นั่งอยู่หน้าห้อง ก็จะมีคนที่นั่งอยู่ในร่มบ้าง โดนแดดบ้าง แล้วพอครูเขาเข้าไปในห้องไปทำสลากจับแบ่งทีม หนูก็เลยลุกขึ้นยืนเพื่อหลบแดด กับเพื่อนอีกประมาณ 5-6 คน แล้วเหมือนครูเขามองผ่านหน้าต่างออกมา เหมือนเราขัดคำสั่งหรือเปล่า พอเขาเห็นเขาเดินออกมาแล้วก็ปาแก้วมาก่อน เป็นแก้วเซรามิก แก้วกาแฟ เขาขว้างมาโดนตรงกกหูซ้าย แก้วพุ่งมาที่หนู กกหูซ้าย ก็แรงนะคะ พอโดนปุ๊บก็เขียว และก็ช้ำค่ะ โดนข้างซ้าย ตอนนั้นก็ช็อกค่ะ พอปาเสร็จอาจารย์ท่านนั้นก็บอกว่าพวกมึงจะยืนกันทำห่าอะไร กูสั่งให้มึงนั่งไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกมึงไม่นั่ง เนี่ยกูกะจะปาให้หัวมึงแตกเลยนะ อาจารย์เกษียณปีหน้าค่ะ”

“จากนั้นหนูก็มานั่ง ตอนนั้นเพื่อนก็ถามว่าเป็นไงโดนไหม หนูก็บอกว่าโดน เขาถามว่าเจ็บไหม หนูก็บอกว่าเจ็บค่ะ จากนั้นก็เรียนตามปกติ เขาก็ให้เก็บแก้วไปคืน หนูก็เก็บแก้วส่งให้เพื่อนข้างหน้าไปคืน ก็กลับบ้านปกติ” น้องทรายกล่าว

และว่า อาการเพิ่งจะมาเริ่มตอนเช้าวันที่ 9 ขณะล้างหน้าแล้วน้ำเข้าตา เวลาบ้วนปากน้ำก็ไหลออกมา ทำให้ตนงงว่าน้ำเข้าตาและไหลจากปากได้อย่างไร จากนั้นจึงส่องกระจกแล้วลองยิ้ม ยักคิ้ว หลับตา แต่ใบหน้าด้านซ้ายไม่ขยับ จึงไปบอกแม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับที่เมื่อวานโดนครูปาแก้วใส่หน้าหรือไม่ ซึ่งแม่ก็บอกว่าเกี่ยวจึงไปพบแพทย์ และแพทย์บอกว่ากล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 เนื่องจากได้รับการกระแทกจากของแข็ง ทำให้มีอาการปากเบี้ยว อย่างไรก็ตาม แพทย์กล่าวว่าต้องรอให้อาการหายเอง แต่ก็ได้ส่งไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดเพื่อใช้เครื่องไฟฟ้ากระตุ้นไม่ให้กล้ามเนื้อตายจากการไม่ได้ใช้งาน โดยตอนนี้เวลายิ้มปากจะเบี้ยว ตาไม่สามารถหลับสนิท และตาเริ่มมีอาการแสบพร่า จอประสาทตาเริ่มเสื่อม

Advertisement

ส่วนกรณีที่ผู้อำนวยการแจงว่าครูพละปาแก้วใส่กระจกแล้วกระเด็นมาโดนหน้านั้น น้องทรายกล่าวว่า “ไม่ค่ะ โดนหน้าหนูเลย คนอื่นก็เห็นค่ะ แต่เพื่อนส่วนใหญ่ไม่กล้ามาเป็นพยานให้ค่ะ”

น้องทราย ปาแก้ว2

ขณะที่คุณอาผู้เสียหายได้กล่าวถึงกรณีการชดใช้ค่าเสียหายว่า ได้มีการเจรจามาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกคือให้รักษาน้องทรายจนหายเป็นปกติ ซึ่งแพทย์กล่าวว่าค่าผ่าตัดนั้นเงิน 300,000 บาทอาจไม่เพียงพอ จึงแจ้งไปทางคุณครูว่าขอค่ารักษา 300,000 เพราะอยากให้เรื่องจบ เนื่องจากน้องก็เรียนอยู่ที่นั่น ทางโรงเรียนได้บอกว่าจะรับไปพิจารณา จากนั้นวันที่ 2 ก.ย. ได้มีการนัดเจรจาอีกครั้ง ข้อตกลงคือให้น้องได้รับการรักษาจนหายดี และขอค่ารักษา 300,000 ซึ่งทางโรงเรียนต่อเหลือ 290,000 แต่ทางโรงเรียนก็ยังไม่ตกลง บอกเพียงแต่จะรับไปพิจารณา ล่าสุดก็เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ได้เจรจาครั้งที่ 3 ทางพวกตนยืนยันว่าให้รับรักษาน้องทรายจนหายเป็นปกติ แต่ทางโรงเรียนยังไม่ตกลง เพราะรู้ว่าค่าใช้จ่ายสูง โดยเสนอให้เงิน 80,000 และค่ารักษาก่อนหน้านี้อีก 40,099 บาท รวมเป็น 120,000 บาท ทางครอบครัวไม่ตกลง โรงเรียนจึงเพิ่มให้อีก 20,000 เป็น 140,099 บาท

Advertisement

“ทางครอบครัวก็ไม่ตกลงค่ะ เพราะเราทราบแล้วว่าค่ารักษามันเกินกว่านั้น ถ้าเขาให้มาแสนหนึ่ง แล้วที่เหลือเราจะเอาจากไหน ต้องหาจ่ายหรอ พอตกลงกันไม่ได้ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมายแล้วกัน” อาน้องทรายกล่าว

และว่า “ตั้งแต่เป็นข่าวเมื่อวานนี้ ทางโรงเรียนยังไม่ได้โทรมาเลยนะคะ ตอนที่น้องเป็นแบบนี้ก็พูดคุยกับอาจารย์ที่ปา ประมาณสองครั้งก่อนที่จะมาถึงโรงพัก อาจารย์พละเขาไม่ได้ออกมาพูดอะไร ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้พูดอะไร ได้เจอเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร และก็เจอตอนที่มาเจรจาที่โรงพักค่ะ สองครั้ง อาจารย์คนที่กระทำนั่งนิ่งอย่างเดียว ไม่พูดอะไร แต่ครั้งที่ 3 อาจารย์คนนี้ไม่ได้มาค่ะ มาแต่ภรรยา ภรรยาเขาพูดมาว่ายิ่งรักษายิ่งหมดเงินไปทั้งหน้าเยอะ คือ ณ ตอนนั้นมันเจรจาตกลงกันไม่ได้แล้ว”

“ณ ตอนนี้ก็ต้องขอขอบคุณทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลฯที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย ติดต่อโรงพยาบาลยันฮีให้ จะรับรักษาน้องจนกว่าน้องจะหาย และกระทรวงยุติธรรมก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยแล้ว ทั้งสองทางเลย ท่านได้ส่งทนายมาสอบถามเรื่องนี้ด้วย” อาน้องทรายกล่าว

ก่อนแจงว่า แพทย์ได้บอกไว้ว่า ถ้าภายใน 6 เดือนถ้าไม่หาย น้องจะอยู่ลักษณะนี้ไปตลอดชีวิต ส่วนเรื่องของคุณครูก็ขอให้เป็นตามข้อกฎหมาย เพราะได้มีการแจ้งความเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ส่วนน้องทรายนั้นจะย้ายไปเรียนที่โรงเรียนใหม่ในเทอม 2

น้องทราย ปาแก้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image