ในความ ‘เมขลา’ ความอยากพิสูจน์ของนาว ทิสานาฏ

ในความ ‘เมขลา’ ความอยากพิสูจน์ของนาว ทิสานาฏ

“แตกต่างมากเลยค่ะ” นาว ทิสานาฏ ศรศึก ตอบไวเหมือนไม่ต้องใช้เวลาคิด เมื่อถูกถามถึงความเหมือน ความต่าง ระหว่าง ‘เมขลา’ แห่ง ‘แม่เบี้ย’ กับตัวตนของเธอในโลกแห่งความจริง

“เมขลาเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง เซ็กซี่นิดๆ ซึ่งนาวไม่ได้มีความมั่นใจในตัวเองขนาดนั้น แล้วก็ไม่ได้เซ็กซี่ขนาดนั้น” กับบทผู้หญิงซึ่งไม่ยอมคน , รู้จักผิดชอบชั่วดี แต่เลือกที่จะยึดมั่นในความรักมากกว่า นาวบอกว่ายากทีเดียวเชียว

“ไม่เคยเล่นในคาแรคเตอร์แบบนี้มาก่อน ดราม่าก็หนักมาก เลิฟซีนก็เยอะ” นางเอกคนสวยบอกพลางยิ้ม
แต่กระนั้นเธอก็ชอบ และรู้สึกว่า “มันทำให้เราก้าวข้ามผ่านการแสดงไปอีกขั้น”


ก่อนจะเล่นเรื่องนี้ นาวบอกนอกจากจะต้องเตรียมตัวอย่างดีในฉากที่ต้องคุยกับ ‘คุณ’ งูเจ้าที่ในเรื่อง ซึ่งตอนถ่ายทำมีการนำเทคนิค CG มาใช้ ทำให้ในฉากดังกล่าว

Advertisement

“เหมือนนาวต้องคุยคนเดียว ต้องจำบทเยอะ พูดเยอะ แล้วคุณเขาก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ เราก็ต้องจำบล็อกกิ้งเขา ว่าจะเลื้อยไปทางไหน จำอารมณ์เขาด้วยว่าเริ่มโกรธหรือยัง คือต้องจำทุกอย่างที่เป็นเขา แล้วก็ต้องจำของเราด้วย”

ขณะเดียวกันในเรื่องอารมณ์ของตัวละครที่เธอรับ ก็ต้องทำการบ้านหนักเช่นกัน
“เพราะในทุกๆฉากคือแผ่วไม่ได้เลย” คนสวมบทบอกพลางหัวเราะ

Advertisement

“เข้าไปก็ต้องฟาดฟันกับคุณ แล้วเล่นกับพี่ เอส (กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ ผู้รับบท ‘ชนะชล’) ก็ต้องมีเอนเนอจี มีความเซ็กซี่ ความรัก ความดราม่า จะมาแผ่ว มาเหนื่อยไม่ได้ บางทีวันหนึ่งถ่าย 20 ซีน ร้องไห้ไปแล้ว 18 ซีน มันต้องมีพลังตลอดเวลา”

ก่อนจะมาถึงเวอร์ชั่น 2564 แม่เบี้ยจากบทประพันธ์ของ วาณิช จรุงกิจอนันต์ เคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครมาแล้วหลายครั้งหลายคน แต่ถึงอย่างนั้นนาวก็บอกด้วยความมั่นใจว่าเวอร์ชั่นนี้มีความต่าง เพราะจะมีการเล่ารายละเอียดเรื่องราวมากขึ้น
“ในพาร์ทอดีตจะเล่าเรื่องของคุณ มีที่มาที่ไปว่าทำไมถึงต้องมาดูแลเรา ทำไมต้องคุ้มครองบ้านหลังนี้ แล้วคอยเตือนสติเราให้อย่าออกนอกลู่นอกทาง ทุกคนน่าจะได้เข้าใจในความเป็นคุณมากขึ้น”

“อยากให้ดูกันนะคะ”

นาวในวัย 28 ปี บอกด้วยว่าถึงตอนนี้เธออยู่ในวงการมาได้กว่า 10 ปีทั้งๆที่ไม่เคยนึกว่าจะมาอยู่

“ปฏิเสธมาตลอดที่เขาติดต่อมา ไม่เอา ไม่ไป” นึกถึงตอนนั้นแล้วสาวเจ้าก็ยิ้ม

“แต่สุดท้ายไม่รู้อะไรดลใจ อาจจะเป็นเพราะว่าแม่บอกด้วย ว่าก็ไปลองดูก่อน ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องทำ แล้วพอไปก็รู้สึกสนุก ชอบ”

เธอยังบอกว่า และคงเพราะความที่ไม่เคยนึกถึง ไม่มีภาพของวงการในความคิด ช่วงแรกๆที่เข้ามาจึง “ยังเป็นตัวของตัวเองมาก”

“ยังมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชินกับการที่คนไม่รู้จัก เข้ามาทักทาย มาขอถ่ายรูป แต่ตอนนี้เข้าใจในทุกอย่าง”
เทียบเดี๋ยวนี้กับเมื่อก่อนชีวิตจึงเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะในด้านที่ “เวลาจะทำอะไรต้องคอยระวังตัวเองตลอดเวลา”

“ได้เรียนรู้ว่าจะทำอะไรต้องคิดเยอะๆ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน ที่ยังไม่ได้อยู่ในวงการ เราทำอะไรก็จะมีแค่เพื่อนหรือคนใกล้ๆตัวเห็น แต่พอเข้าวงการแล้ว ทำอะไรปุ๊บ คนเห็นกว้าง แล้วพอเป็นวงกว้างก็จะมีทั้งด้านบวก ด้านลบ เพราะฉะนั้นนาวเลยมีคติประจำใจว่าต้องคิดก่อนจะทำ คิดเยอะๆว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง”

กับสถานะปัจจุบัน นาวบอกว่าเธอพอใจกับจุดที่เป็นอยู่มาก-มาก

“ด้วยความที่ไม่ได้มุ่งหวังจะเข้าวงการตั้งแต่แรก เลยไม่ได้รู้สึกว่าแค่ไหนคือสุดของเรา แต่รู้สึกว่าตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เรามาไกลมากแล้ว ได้รับคำชม คำติ คำสอนทุกอย่าง แล้วก็มีแฟนคลับมากขึ้นที่รักเรา คอยซัพพอร์ตเรา ซึ่งแค่นี้ถือว่าโอเคมากแล้วค่ะ”

ขณะเดียวกันการได้รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากเวที เอเชี่ยน เทเลวิชั่น อวอร์ด ครั้งที่ 24 ประจำปี 2019 ละครเรื่อง ‘นางร้าย’ ก็ทำให้รู้สึกว่าได้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

“รู้สึกว่าอันนี้แหละคือสิ่งที่มันคุ้มค่า ที่เราเลือกอยู่ในวงการบันเทิง” แม้จะต้องทุกข์และท้อกับเสียงวิจารณ์บ้างก็เถอะ

“ช่วงแรกท้อมากค่ะ ท้อจนกลับมามองตัวเรา ว่าเหมาะกับวงการบันเทิงหรือเปล่า แต่หลายๆอย่างทำให้ฮึดสู้ขึ้นมาได้”

ด้วยวิธีสู้ สู้ แล้วก็สู้

“สมมุติมีคนว่า ทำไมนาวเล่นละครเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่พัฒนาสักที ก็ทำให้เราเลือกรับบทมากขึ้น อย่างตัวเมขลาก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง แล้วหลายๆคนก็เห็นว่าเราสามารถทำได้ เราพัฒนาแล้วนะ เราเต็มที่กับการแสดง อยากเป็นนักแสดงจริงๆ”

“สิ่งที่นาวทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไร นาวตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด แต่ไม่รู้ว่าผู้ชมจะมองไปในทางไหน เพราะว่าหน้าที่ของนาวในการแสดงคือจบไปแล้ว ถ่ายทุกอย่างไปหมดแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของคนดู ที่เขาจะมองว่าชอบแบบนี้ไหม”

“แต่สำหรับนาว นาวเต็มที่ที่สุดแล้วค่ะ”

นี่ ‘นาว’ เอง

“ค่อนข้างขี้อายค่ะ” มาเป็นประโยคแรกเมื่อขอให้จำกัดความถึง นาว ทิสานาฎ
ก่อนจะตามมาด้วย ข้อความที่ว่า “ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แล้วก็เป็นคนที่พูดตรงๆ คือคิดอะไรก็พูดเลย ห้าวๆ ตรงๆ แล้วก็ชอบคนจริงใจ”

“คนชอบคิดว่านาวเรียบร้อย แล้วพอไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวัง ก็จะมองว่าทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมห้าวจัง ไม่เหมือนในละครเลย ทุกครั้งเวลาเจอแฟนคลับที่เข้ามาใหม่ๆนาวจะบอกเขาเสมอว่า อย่าไปยึดติดกับละครนะ ถ้าเกิดจะติดตามนาวจริงๆ ให้ติดตามที่นาวเป็นนาว”

นาวที่ไม่ได้มีแต่มุมดีดี๊ดีในทางเดียว หากก็มีข้อเสียเหมือนปุถุชนทั่วไป

“ข้อเสียคือเป็นคนหน้าเหวี่ยง พูดตรง”

ทั้งยังยกตัวอย่างประกอบความเข้าใจ ว่า “บางทีเข้าใจนะ ว่าคนเห็นดารา ศิลปิน จะตื่นเต้น แล้วอยากจะมาขอถ่ายรูป แต่ในช่วงที่เรากำลังมีเวลาส่วนตัว อย่างเช่นกินข้าวหรือแปรงฟัน คนจะขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ แล้วก็ยกมือถือ เราก็จะรู้สึกว่า เฮ้ย…นี่มันเวลาส่วนตัวนะ ฟองฟ่อดอยู่ในปากขนาดนี้ แล้วหน้าก็ไปแล้ว เหวี่ยงแล้ว แต่ก็พยายามควบคุมสติแล้วบอก รอแปรงฟังสักครู่นะคะ”

และก็ให้ถ่ายรูปได้เต็มที่หลังเสร็จภารกิจส่วนตัวดังว่า

‘นาว’ กับ ‘นิว’

“ดีค่ะ” คือสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ นิว วงศกร ปรมัตถากร

“พี่นิวเป็นคนมีเหตุมีผล แล้วก็คิดบวก เขาทำให้เรามีกำลังใจในการทำงาน”

ในช่วงสถานการณ์โควิดที่พบเจอกันได้ยาก แต่นาวบอกว่าเขากับเธอก็ยังได้เจอกันทุกวัน
ครั้นถามว่าอะไรคือจุดสำคัญที่ทำให้เธอรักผู้ชายคนนี้ นาวยิ้มทันที แล้วตอบ “เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย เป็นคนที่อบอุ่น รักเราแล้วก็รักครอบครัวเราด้วย ดูแลทั้งเราและครอบครัวเรา แล้วเขาเป็นคนที่รักครอบครัวเขามากเช่นกัน”

อย่างไรก็ตามเรื่องแต่งงาน คู่รักที่คบกันยาวนานถึง 8 ปี ยังไม่ได้วางแผน

“ไม่ได้คิดเลยค่ะ มันไกลตัวนาวมาก” นาวเล่า

ทั้งนี้ช่วงคบกันได้ 2-3 ปี ฝ่ายชายก็พูดๆเรื่องการสร้างครอบครัว คิดจะแต่งงาน อย่างไรก็ดีหลังจากปรึกษาหารือว่าให้รออีกนิด

“ตอนนี้พี่เขาก็ไม่ได้คิดแล้วเหมือนกัน”

เพราะไหนจากสถานการณ์ปัจจุบัน ไหนจะเรื่องความต้องการสร้างความมั่นคงในหน้าที่การงานเพิ่ม
จึงเห็นต้องตรงกันว่า ควรมุ่งมั่นทำงานไปก่อน แล้วรอให้วันที่พร้อมที่สุดมาถึง.

❤️

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image