ช่อง 5 ปัดดึงท็อปนิวส์ผลิตข่าว ยันแค่ทีมกนก-ธีระ-สันติสุข เข้ามาเสนอแผน ย้ำนโยบาย ต้องการข่าวจริง ไม่สร้างความแตกแยก
จากกระแสข่าวที่ว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ. 5) จะร่วมมือกับท็อป นิวส์ ผลิตรายการข่าว รวมถึงรายการสารคดีข่าวเพื่อแพร่ภาพทางททบ. 5 นั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ท. รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ให้สัมภาษณ์ ‘มติชนออนไลน์’ ว่า ที่คุยกันเรื่องแผนงานดังกล่าว ไม่ได้เป็นของช่องท็อปนิวส์
“ไม่ใช่ช่องท็อปนิวส์ เป็นทีมของคุณกนก คุณสันติสุข และคุณธีระ” พลโทรังษีกล่าว พร้อมกับว่า การนำเสนอแผนดังกล่าวถือเป็นเรื่องปกติ ที่ทุกช่วงใกล้สิ้นปี จะมีผู้ผลิตรายการต่างๆติดต่อมา
“ช่วงใกล้ปลายปี เราก็ต้องมีการเตรียมการจัดผังรายการในปี 2565 ก็มีคนจัดเยอะแยะที่เสนอมา ซึ่งทางผมก็จะเน้นในเรื่องผลประโยชน์ของสถานีเป็นหลัก กับประชาชนว่าจะได้รับข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์ ตอนนี้เป็นขั้นตอนตรงนี้เท่านั้น เพราะว่าเรามีเวลาเหลืออีกประมาณ 3-4 เดือน”
ทั้งนี้กว่าจะรู้ผลว่าจะร่วมมือกับผู้จัดรายไหนก็น่าจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
“ตอนนี้มีคนมาติดต่อหลากหลาย เป็นธรรมดาของทุกปี เราก็รับพิจารณาหมด อยู่ที่เงื่อนไขกับรูปแบบของรายการ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติ ทั้งโรคระบาด วิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้ เราก็ต้องพิจารณาหลายด้านหลายมุม”
“ทำไมคนถึงสนใจมากกับเรื่องของท็อปนิวส์ คือแบบนี้นะ ผมขอยืนยันอันหนึ่ง ว่าผมได้คุยกับทางทีมงานของเขา ว่านโยบายผม หนึ่งจะต้องไม่สร้างความแตกแยก สองผมต้องการข่าวที่เป็นข้อเท็จจริง ให้ความรู้ประชาชน แล้วก็อย่าชี้ว่าใครถูก ใครผิด คือเอาข้อมูล ข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบ แล้วประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน เพราะวันนี้คุณจะทำไอโออะไรมันไม่มีผลหรอก เพราะว่าโซเชียลมีเดีย มันควบคู่กับทีวี คนที่เอาข้อมูลที่ไม่จริงมาออก ฆ่าตัวตายชัดๆ นะครับ เพราะวันนี้คนเราไม่ได้โง่นะ ประชาชนฉลาดขึ้นเยอะ และมีข้อมูลที่ให้ค้นคว้าและเอามาเปรียบเทียบกัน มีหลายๆ ข่าวที่เห็น ถูกไหม คนที่ออกข่าวปลอมก็ฆ่าตัวตาย หรือแม้กระทั่งคนที่คิดว่าแน่ๆ ในยุคอดีตและมาถึงปัจจุบันก็ยังฆ่าตัวตายด้วยการเอาความไม่จริงออกมาเผยแพร่”
“วันนี้โลกของการสื่อสารมันเปลี่ยนไปแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าคุณยืนอยู่บนความถูกต้องชอบธรรม นั่นแหละประชาชนเขาจะยอมรับ ไม่ว่าจะสื่อไหนก็ช่าง ไม่มีประโยชน์ในการที่จะมาอวย หรือจะมาตำหนิติเตียนในสิ่งที่ไม่เป็นจริง”
“นโยบายของ ททบ.5 คือผมต้องการเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และข้อมูลที่จริงเพื่อที่จะให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูล แล้วจะได้รู้ว่าตัวเองจะอยู่ยังไงกับสภาวะวิกฤตแบบนี้ นี่คือความตั้งใจและปณิธานของผมในยุคที่ผมเป็นผู้คุมช่อง 5 ตอนนี้ ผมจะไม่เอาข่าวที่ไม่จริงมาให้ประชาชนเสพ เพราะผมถือว่าผิดจรรยาบรรณของสื่อ ซึ่งวันนี้ผมก็เป็นสื่อเหมือนกัน”
สำหรับโอกาสในการร่วมงานกัน พลโทรังษีบอกว่า คือผมก็ต้องปรับตัวไม่ใช่ว่าอยู่ในกรอบอย่างเดียว เขาเองเขาก็ต้องปรับตัวว่าเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แล้วก็ทำให้ประชาชนได้ความรู้ ก็ไปกันได้ ผมมีเท่านี้ง่ายๆ วันนี้ก็เห็นกันอยู่แล้วว่าสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ งบโฆษณามันจะน้อยลงไปเยอะ เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าถ้าสื่อไหนยืนอยู่บนหลักการความถูกต้อง ความชอบธรรม สื่อนั้นจะรอด ก็ติดตามดู ถ้าเกิดว่าผมเจรจาสำเร็จ ยังไงผมเปิดแถลงข่าวแน่ เพราะว่าอันนี้ผมก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องเซนซิทีฟของวงการ แต่ผมคิดว่าคนเรานี่ ถ้าเขาผิดพลาด หรือเคยผิดพลาด หรือว่าไม่ถูกใจประชาชนไม่ว่าจะส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเขาปรับตัวแล้วมาเป็นประโยชน์กับวงการสื่อ ผมว่าน่าจะได้รับการยกย่อง
