บิวกิ้น พุฒิพงศ์ กับ ‘การเดินทางที่เร็วมาก’ โดยมี ‘ความสุข’ เป็นเป้าหมาย

เรียกว่าทำอะไรก็ปัง แฟนๆ ให้การตอบรับไปเสียทุกอย่าง สำหรับ นักร้อง-นักแสดงหนุ่ม บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ที่ก่อนหน้านี้ก็ได้ปล่อยส่งซิงเกิล ‘i ไม่ o (ixo)’ ออกมาให้ได้ฟัง

เป็นงานเพลงที่เจ้าตัวบอกเลยว่า “แฮปปี้” ทั้งจากเหตุที่ “ได้ลงมาทำเอง เรียนรู้ และตัดสินใจเกือบทั้งหมด”

ขณะเดียวกันก็เป็นเพลงเร็ว ในแบบที่เขาไม่เคยทำเพลงมาก่อน แถมยังมีท่าเต้นที่ต้องใช้เวลาฝึกค่อนข้างเยอะ

“ผมมีส่วนร่วมตั้งแต่ตั้งต้นเลย พี่ๆ นาดาวอยากให้เราเป็นผู้กำกับของเพลงเราเอง”

Advertisement

เหตุนี้จึงมีโอกาสในการเลือกโปรดิวเซอร์ เลือกคอนเทนต์ เลือกคนทำงาน

“ลงทุกดีเทลในงาน” บิวกิ้นเล่า

ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่มว่า ในขั้นตอนการทำงานจริง เบล สุพล ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ยังเปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้ เหมือนเป็นเด็กฝึกงาน ขณะเดียวกันยังได้ บี-โสตถินันท์ ไชยลังการณ์ มาช่วยแต่งทำนอง ได้ ปิง-จิระวัฒน์ ตันตรานนท์ มาเขียนเนื้อเพลง ได้ หนึ่ง อภิวัฒน์ พงษ์วาท มาช่วยร้องคอรัส แถมเพลงนี้ยังส่งไปมิกซ์ที่ญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลว่าเพลงออกแนวโซลซิตี้ป๊อป ซึ่งญี่ปุ่นขึ้นชื่อในแนวเพลงสไตล์นี้

ก่อนจะปล่อยเพลงดังกล่าว บิวกิ้นยอมรับว่าเขามีความไม่แน่ใจอยู่หลายส่วน เพราะแม้ทั้งเขาและทีมจะทุ่มเท และมั่นใจว่าเป็นผลงานที่ดี

แต่กระนั้น “มันคือสิ่งใหม่สำหรับเรา”

“คือการกลับมาเป็นตัวเราในเวอร์ชั่นที่เติบโต มีประสบการณ์มากขึ้น”

แต่ก็นั่นแหละ ความที่ “ไม่เคยทำสิ่งนี้กับแฟนเพลง ในวันที่เราสร้างความเป็นตัวเองออกไป จึงไม่แน่ใจว่าโอเคไหม”

“แต่พอปล่อยไปแล้วได้รับฟีดแบ๊กที่ดี ก็แฮปปี้” บิวกิ้นบอกพลางยิ้ม แล้วว่า เมื่อเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาก็จะมีเพลงใหม่ๆ ให้แฟนๆ ติดตามแน่

“ผมคงพัฒนาตัวเอง ทำเพลงใหม่ๆ หามุมใหม่ๆ โตไปเรื่อยๆ รวมไปถึงการแสดงด้วย”

“รู้สึกว่าเรายังประสบการณ์น้อย” บิวกิ้นออกตัว ก่อนเผยใจว่า เขาเองอยากเป็นคนที่เก่งขึ้น และได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น

กับความสำเร็จที่ได้รับ บิวกิ้นในวัย 22 ปี บอกว่า เขารู้สึกดีใจ-ดีใจมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพลงที่ฮิตติดชาร์ต

“พูดกันตรงๆ เราเริ่มในฐานะนักแสดง แล้วมีโอกาสเข้ามาทำงานอีกพาร์ตหนึ่งที่เรารักและมีแพสชั่นเหมือนกัน คือการทำเพลง เราไม่แน่ใจว่าการทำเพลงของเราจะได้รับการยอมรับจากคนฟังเพลงหรือเปล่า แต่ว่าเพลงติดชาร์ต เราประสบความสำเร็จ ก็รู้สึกว่ามีคนให้คุณค่ากับเรา มีคนเชื่อในสิ่งที่เราทำ ก็มีความสุข”

“ผมว่านอกจากตัวเราที่มีโอกาสมอบความสุขให้คนอื่น มันเป็นความสุขที่เราได้รับกลับคืนมา แล้วทำให้เราอยากทำในงานนี้ต่อ อยากพัฒนาตัวเองให้เก่งไปเรื่อยๆ”

ขณะที่การได้รางวัลนักแสดงนำชาย จากคมชัดลึก อวอร์ด และนาฏราช ครั้งที่ 12 บิวกิ้นบอกว่า เป็นสิ่งที่เขาอธิบายด้วยคำพูดไม่ถูก ด้วยรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็วมากเหลือเกิน

“เราเป็นนักแสดงตัวเล็กๆ อยู่ที่นาดาว วันหนึ่งมีโอกาสได้ไปเล่นละคร ‘รักฉุดใจนายฉุกเฉิน’ เป็นนักแสดงสมทบ เป็นโอกาสที่ดี เราก็สนุกและเต็มที่ ไม่คิดว่าหลังจากรักฉุดใจนายฉุกเฉินจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ มีโอกาส มีชื่อเสียงมากขึ้น ประสบความสำเร็จมากขึ้น แล้วยังไม่พอ ยังมาอีกก๊อกหนึ่ง ได้เล่น ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ และมันก็พาเรามาไกลกว่าเดิมอีกมาก”

“ไม่เคยคิด ไม่เคยฝันว่าจะมาถึงจุดนี้ มันเกินฝันมาก”

เขายังเล่าด้วยว่า ตอนที่ทำงานดังกล่าว ตัวเขาเองไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ ‘พี่ๆ ผู้ใหญ่’ หรือทุกๆ คนในบริษัทที่เชื่อมั่นในตัวเขาผิดหวัง ขณะเดียวกันก็ไม่อยากรู้สึกเสียดายทีหลังว่าไม่ได้ทำอย่างเต็มที่ ซึ่งพอผลออกมาเช่นนี้

“ก็รู้สึกว่าการเต็มที่ของเรามันไม่เสียเปล่า”

“รู้สึกว่าได้รับการตอบแทนจากสังคม จากแฟนๆ ทุกๆ คน จากอะไรต่างๆ อย่างมากมาย ซึ่งมันดีมากเลยที่เรามีโอกาสได้ทำสิ่งนี้ มีโอกาสได้เต็มที่กับมัน”

“ดีใจที่มีคนเห็นคุณค่าในตัวผม และเชื่อว่าผมจะทำสิ่งนี้ได้ ไม่มีอะไรที่เราจะตอบแทนด้วยความเต็มที่ ส่วนรางวัลเป็นสิ่งที่เหมือนเป็นโบนัสครับ” บอกแล้วบิวกิ้นก็ยิ้มอีก

ห้วงเวลา 5 ปีที่อยู่ในวงการบันเทิง บิวกิ้นบอกว่าสำหรับเขา นี่คือ การเดินทางที่เร็วมาก

“ตั้งแต่เริ่มทำจนมาถึงจุดนี้ มันเร็วมาก”

โดยทุกครั้งที่ย้อนนึกถึงเขาก็ยังเห็นทางผ่านของแต่ละจุด ตั้งแต่ไม่เคยได้ทำอะไรเลย จนมาเริ่มได้ทำงานโฆษณา ทำรายการ เป็นพิธีกร หรือว่าข้ามมาทำงานแสดง ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตแฟนโทเปีย ได้มีแฟนคลับต่างประเทศ

“ซึ่งอย่างที่บอกครับ สำหรับผมมันเกินกว่าที่คิดไว้มาก พัฒนาการและสิ่งที่เราเดินทางผ่านมา พอมองย้อนไปมันพิเศษ และไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสแบบนี้”

“ขอบคุณทุกคนครับ”

….

“ผมว่าผมเป็นคนจริงจังมั้งครับ”

พูดถึงตัวเองอย่างนั้น แล้วบิวกิ้นก็หัวเราะเบาๆ

“ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าจริงจังหรือเปล่า เหมือนว่าเวลาเราทำอะไรไม่สำเร็จมันจะติดอยู่ในใจ ก็จริงจังแหละ”

“เป็นคนชอบเอาชนะตัวเองนิดนึง ชอบความท้าทาย ชอบเห็นพัฒนาการของตัวเอง ชอบทำให้สำเร็จ”

ถามบิวกิ้นถึงแผนในใจ ว่าถ้าให้นึกไกลๆ ไปอีก 5 ปีข้างหน้า คนเป็นแฟนเขาอย่างเราๆ จะเห็นอะไร

“ผมว่าก็น่าจะทำเพลงและแสดงอยู่นะครับ”

โดยในส่วนงานแสดง “ผมจะทำเฉพาะที่รู้สึกอิน”

“งานแสดงผมว่ามันคือความเชื่อ เราไปอ่านบท ไปเจอผู้กำกับ ทีมงาน แล้วเราไม่เชื่อ จะไม่มีทางทำมันออกมาด้วยจิตวิญญาณ สิ่งสำคัญคือเราต้องเชื่องานนั้นก่อน ถ้าเชื่อ เราจะอยากทำ และทำออกมาให้ดี”

ซึ่ง “ตราบใดที่ยังเจองานที่ดี ผมว่าผมทำได้เรื่อยๆ”

“ส่วนงานเพลงก็คิดว่าจะพัฒนาตัวเองไป ทำเพลงใหม่ๆ อีก 5 ปี ก็ยังไม่หมดมุขหรอก ก็ยังมีแนวเพลงให้ทำอีกเยอะ ถ้ายังสนุกและยังอยากพัฒนาตัวเองในด้านนี้อยู่ ก็ยังคงทำต่อ”

เรื่องเรียนต่อก็คิดๆ ไว้ว่าอยากไปเรียนในต่างประเทศ แต่ยังบอกชัดเจนในวันนี้ไม่ได้

อย่างไรก็ดี ที่แน่นอน คือ “เราอยากจะมีความสุขกับสิ่งที่ทำ”

ดังนั้น จึงตั้งใจจะทำทุกๆ อย่าง โดยมีแพสชั่นเป็นแรงผลัก

“อีก 5 ปี เราจะยังผลักตัวเองด้วยแพสชั่น ผลักตัวเองด้วยความสุข”

เพื่อให้ได้ทั้งผลงานดีๆ ที่ผู้ชมและผู้ฟังน่าจะชอบ ขณะที่ตัวเขาเองก็แฮปปี้-ดีใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image