พิธีกรคนดัง แฟรงค์ ภคชนก์ รับเชิญรายการคุยแซ่บSHOW ทางช่องวัน 31 มาสนทนา เปิดเผยชีวิตก่อนจะมีวันนี้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านอะไรมาหลายอย่าง โดยเขาเล่าว่า มีโอกาสเข้าวงการจากการไปแคสต์งานละครของ บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ แล้วได้รับเลือก
“โชคดีมากที่ได้ คนมาแคสต์เป็นพันได้มั้ง เขาเอาประมาณ 30 คน เราเป็นนักแสดงในชมรมมหาวิทยาลัย อยากรู้ว่ามืออาชีพจริงๆเขาทำกันยังไง”
เล่าด้วยว่า ในช่วงอายุ 20 ปียังมีความคิดอยากเห็นโลกภายนอก จึงตัดสินใจออกจากบ้าน
“พอเริ่มรู้เส้นทางของชีวิตตัวเอง แล้วอยากทำมันเต็มที่ ผมเป็นคนที่อยู่กับครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่โอ๋ตลอด อยากไปเห็นชีวิตโลกภายนอก วันนั้นวันเกิดครบ 20 ปี ก็ไหว้พ่อแม่แล้วออกไป”
แล้วก็ได้เจอเรื่องราวต่างๆ
“ด้วยความที่คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูใกล้ชิด ทำให้เราไม่รู้จักโลกภายนอก ไม่เคยเจอคนไม่หวังดี พอมาเจอ ก็รู้ว่ามันมีคนแบบนี้ พอพ่อแม่รู้เขาก็ตาม แต่ไม่เจอ เราไปเจอน้องสาวก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงปลอดภัยดี”
อย่างไรก็ตามยอมรับว่ามีช่วงที่ลำบาก เพราะอาชีพนักแสดงเวลาไปแคสต์งานก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จึงไม่สามารถวางแผนการเงินข้างหน้าได้
“มีช่วงไม่มีรายได้เข้ามา ก็ต้องออกจากหอ ใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ 2 เดือน” เขาเล่า
“ตอนนั้นมีละครเรื่องหนึ่ง แต่ยังไม่ออนแอร์ คือละครออนแอร์เราถึงจะได้ตังค์ เริ่มจากไปนอนที่ชมรมมหาวิทยาลัยก่อน นอนตามป้ายรถเมล์ เพื่อนเริ่มเห็นว่าน่าสนุกก็มานอนด้วยกัน”
เมื่อพิธีกรถามว่าตอนนั้นทำไมตัดสินใจนอนที่ป้ายรถเมล์ แฟรงค์ก็ว่า “มันง่วง ถึงเวลานอนก็ต้องนอน”
ส่วนเมื่อถูกถามว่าทำไมไม่กลับบ้าน เขาก็ว่า “ยังเรียนรู้ไม่สุดครับ ยังไม่ได้สิ่งที่เราอยากรู้”
เรียกว่าอดมื้อกินมื้อได้ไหม? พิธีถามอีก
กับคำถามนี้แฟรงค์บอก “อดทุกมื้อแหละ แต่มีเพื่อนดี เพื่อนที่มานอนด้วยกัน ก็กินด้วยกัน เป็นอยู่แบบนี้ประมาณ 3 เดือน”
ช่วงนั้นเขาบอกว่าบางทีก็ต้องใช้วิธีเอาเสื้อผ้าตัวเองไปขาย
“เรารู้ว่ามีเงินรออยู่ข้างหน้า ก็เหมือนเวิร์คชอปบทคนเร่ร่อน ผมอยากดูว่ามันจะไปถึงไหน จะผ่านวิกฤตนี้ไปยังไง”
อย่างไรก็ดีหลังจากช่วง 3 เดือนนั้นก็เริ่มมีงานเข้ามา ขณะเดียวกันก็รู้ว่าต้องใช้เงินอยางไร หลังจากนั้นจึงไม่ค่อยมีปัญหา
“แล้วช่วงนั้นเอ็กแซกท์ผลิตรายการใหม่เยอะมากที่เป็นเกมส์โชว์ ซิทคอม ผมได้โอกาสเป็นคนนำเชียร์ปรบมือ”
ก่อนจะขยับไปทำหน้าที่อื่น จนมาถึงการได้เป็นพิธีกร แต่กระนั้นก่อนจะเป็นที่ยอมรับในวันนี้ก็เคยเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์ความสามารถในการทำงานอย่างหนัก
“หนักมาก มีกระทู้ขึ้นอันดับหนึ่ง ผมเป็นพิธีกรเดอะสตาร์ บอกว่าคุณคือพิธีกรที่ห่วยที่สุดที่สยามประเทศเคยมีมา มีคำด่า คำว่าเรามากมาย”
คำวิจารณ์เหล่านั้น แฟรงค์บอกว่า เมื่ออ่านแล้วตนก็จะดูเจตนาคนเขียน ถ้าเจตนาไม่ดี ก็จะไม่จำ แต่บางเรื่องก็นำมาพิจารณา เช่นเรื่องการพูดรัว เร็ว
เขายังบอกอีกว่าตอนนี้เริ่มหันมาทำงานเบื้องหลัง เพราะสนใจอยากเรียนรู้ รวมถึงเล่าประสบการณ์เคยฉียดตาย
คลิกฟังได้จากคลิปนี้
