แต้ว ณฐพร เล่าถึง 20 ปีในวงการ สิ่งที่เจอ สิ่งที่ได้ ความรัก และ ‘ดราม่า’ อันหนักหน่วง

 

ต้องมาเล่นบทบู๊ครั้งแรกในละคร ‘เกมล่าทรชน’ ที่กำลังออกอากาศทุกวันพุธ และพฤหัสบดี เวลา 20.30 น.ทางช่อง 3 โดยนางเอกสาวร่างบาง อย่าง แต้ว ณฐพร เตมีย์รักษ์ ยอมรับตรงๆ ว่า ร่างกายเป็นหนึ่งอุปสรรคใหญ่ในการรับบท ‘เจนนรี’ นี้

“มันก็มีอุปสรรคเยอะ ด้วยสภาพร่างเรา ก็ดูแบบว่าไม่ได้น่าบู๊อะไรอย่างนั้นได้” แต้วเล่าพลางยิ้ม แล้วว่า “เราต้องทำให้คนเชื่อตรงนั้น”

“ซึ่งก็ต้องเกิดจากความเชื่อของเราเองก่อน”

Advertisement

เธอยังบอกด้วยว่า การเล่นบทบู๊ไม่ใช่แค่การมีร่างกายแข็งแรงพอจะเตะ ต่อย แต่ที่มากกว่านั้น คือต้องเข้าใจเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวร่างกาย รวมไปถึงมุมกล้อง ว่าต้องแอ๊กชั่นแบบไหน ‘ให้ดูแรง’ แต่ ‘ไม่โดน’ อีกฝ่ายจริงๆ ซึ่งกว่าจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาไม่น้อย

“เราก็โอดครวญไปประมาณครึ่งเรื่องได้” ว่าพลางหัวเราะเบาๆ

Advertisement

กับการเล่นแอ๊กชั่นที่แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับการเจ็บตัว แต้วก็ว่า “มีบู๊ที่เพิ่งผ่านไป เป็นบู๊ที่แฟนซีมาก” 

“คือเราต้องขึ้นไปคร่อม แล้วก็เหวี่ยงลงมา”

ซึ่งความ “ไม่ได้เป็นราชินีนักบู๊ขนาดนั้น หน้าซีนทีมงานถาม ไหวไหมลูก ก็..อ๋อได้ค่ะ มันก็คือ the show must go on อ่ะ แต่ข้างในคือ ได้ไหมเนี่ย แต่ก็ just do it ค่ะ”

กับการพลิกบทบาทในครั้งนี้ แต้วบอกว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอคิดได้ว่าถึงแม้จะทำงานมาเยอะแค่ไหน แต่ทุกครั้งในงานแสดงก็ยังมีความใหม่เกิดขึ้นได้

“มันก็ยังมีสิ่งที่ให้เราได้เรียนรู้จากการทำงานอีกเรื่อยๆ”

ในห้วงเวลาเกือบ 20 ปีในวงการ แต้วมักได้รับการชื่นชมและเสียงตอบรับจากแฟนๆ อยู่ตลอด แต่ในช่วง 1-2 ปีหลังมานี้ ดูเหมือนว่าไม่ว่าเธอจะขยับตัวทำอะไรก็กลายเป็นกระแสดราม่าได้ตลอด โดยแต้วบอกว่า ชีวิตเธอมีสิ่งที่ต้องรับชอบ และต่างๆ นานาเหล่านั้น “มันดึงความสนใจเรามากกว่า เลยไม่ค่อยได้โฟกัสกับตรงนี้เท่าไหร่”

“ก็จะแคร์คนรอบๆ เรามากกว่า”

ขณะเดียวกัน “แต้วไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องเปลี่ยนความคิดใคร ก็เลยไม่ได้เก็บเอามาคิด หรือบั่นทอนอะไร”

ทั้งยังบอกต่อว่า “แต่ละคนเขาก็มองแต้วในมุมที่ไม่ได้เห็นในทุกอย่างอยู่แล้ว ก็ไม่แปลก ถ้าคนจะคิดแบบนั้นแบบนี้ แต่มันแปลกมากกว่าที่คนไม่รู้จักกันมาตัดสินอะไรแบบนี้ อันนั้นคือพ้อยท์ แต่แต้วก็ไม่ปิดกั้นเสรี เพราะทุกคนมีอิสระในการจะพูด”

“แต่ถ้าเป็นเรา เราไม่ทำ”

ทุกครั้งที่มีกระแสวิจารณ์เข้ามา แต้วบอกว่าเธอจะมีคุณแม่คอยเป็นกำลังใจ

“คุณแม่จะบอกว่า เรารู้ตัวเรา ก็พอ แค่คำพูดง่ายๆ ก็ทำให้แต้วปล่อยวาง โอเค ถ้าคนรอบข้างเข้าใจ มันก็โอเคแล้ว”

การที่คนในสปอตไลต์จะเจอคำวิพากษ์วิจารณ์ แต้วบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจได้

“เพียงแต่ว่าแต้วอาจจะอยู่ในจุดที่ไม่เคยมีใครว่าอะไรเลย แล้วอยู่ดีๆ ก็เกิดปรากฎการณ์ มันเลยดูเป็นเรื่องใหญ่”

“แต่จริงๆ ทุกคนเจอหมด โดนกันหมด เป็นเรื่องปกติ”

“ตอนนี้โซเชียลมีเดียเข้าถึงทุกคน ก็จะมีคนเข้าไปคอมเมนต์ในแง่ลบ แต่อาจจะด้วยความที่เราไปทำให้เราเป็นเป้าด้วยมั้ง เลยอาจทำให้มีเรื่องแบบนี้เข้ามาถึงเยอะ”

“อยู่ในวงการมาเกือบ 20 ปี มีข่าวหนักในช่วงนี้ ก็แปลกดีค่ะ” แต้วว่า

ในส่วนคอมเมนต์ต่างๆ ที่มีมาถึง เรียกได้ว่ารุนแรงไม่น้อย หากเจ้าตัวไม่คิดจะฟ้องร้องเหมือนที่ดาราคนดังหลายคนทำ โดยเลือกที่จะนิ่ง แล้วปล่อยผ่าน ไม่สนใจ 

“เสียเวลาค่ะ จะทำเพื่ออะไรอ่ะ เราไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรกับใคร” แต้วบอก

“แต้วมีความเชื่อว่ามันยากที่จะไปเปลี่ยนให้ใครมาคิดในแบบที่เราอยากให้คิด ถ้าเขาเลือกจะคิดแบบนั้นไปแล้ว ต่อให้เราเอาอะไรมาจ่อคอ เลยรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องไปฟ้อง หรือตั้งโต๊ะแถลง”

แต่กระนั้นก็ยอมรับว่าวงการบันเทิงเปลี่ยนชีวิตเธอไปเยอะ

“ทำให้แต้วสตรองขึ้นในแง่ของการเข้าใจชีวิต อันนี้คือเสน่ห์ของอาชีพนี้ ในการที่ทำให้เราเปิดรับความแตกต่าง ความไม่ยึดติดที่ต้องไปเป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้” 

“อันนี้คือข้อดีของการเป็นนักแสดง ที่ต้องเปิดรับความคิดของคนอื่น ซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่รื่นหูสำหรับเรา”

“แต่มันคือความจริงของโลกใบนี้ ที่เราจะต้องอยู่กับสิ่งที่ชอบ และไม่ชอบ”

ในส่วนของเรื่องราวความรักกับหวานใจ ณัย ประณัย พรประภา แต้วเล่าว่าเริ่มคุยกันมาประมาณปีกว่าๆ แล้ว และหากใครจะมองว่าเธอทั้งลักกี้อินเกมและลักกี้อินเลิฟ ก็ยอมรับ 

“แต้วรู้สึกว่าคำว่าลักกี้ ไม่ได้อยู่ที่การประสบความสำเร็จมากๆ แต่วัดที่ตัวเรา ว่าเราพอกับมันไหม ในการทำงานรู้สึกยังมีแพชชั่น มีความสุขในการตื่นไปทำงาน และก็รู้สึกแฮปปี้กับคนที่รายล้อมเรา”

“อันนี้ก็เรียกว่าลักกี้แล้วสำหรับแต้ว”

การมาเป็นแฟนกับนางเอกดังและต้องถูกจับตามองแบบนี้ แต้วว่าเธอก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกกดดันไหม แต่ ณ ตอนนี้ความสัมพันธ์อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

“ถือว่าแฮปปี้ดี เราก็ค่อยๆ ปรับตัว เวลามันให้คำตอบอะไรหลายๆ อย่าง”

“ทุกอย่างอยู่ที่เวลา เราก็ต้องดูกันไปยาวๆ ว่าเป็นแบบไหน ซึ่งในระยะเวลา 1 ปีกว่า เขาก็ยังเสมอต้นเสมอปลายค่ะ”

ทั้งนี้เมื่อถามถึงเรื่องที่คนแซวว่า ‘คลั่งรัก’ นางเอกสาวก็ยิ้มหวานก่อนเปิดใจว่า “ไม่เขินนะ ทำไมต้องเขินอ่ะ”

“คือสุดท้ายแต้วว่าถ้าคนที่หวังดีกัน เห็นใครแฮปปี้ เราก็โอเคป่ะ เราก็อยากส่งความรู้สึกดีๆ ไปให้เขาหรือใครก็ตาม ชีวิตมันเครียดแล้ว ก็หาอะไรก็ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก ที่มันจะทำให้เราแฮปปี้ค่ะ”

ในวัย 32 ปี แต้วบอกว่ามุมมองความรักของเธอไม่ได้เปลี่ยน แต่ยอมรับว่าบางส่วนที่แตกต่างจากเดิม

“เรามองความเป็นจริงมากขึ้น ด้วยอายุที่มากขึ้น คือเห็นเราแฮปปี้ คลั่งรัก แต่เราก็มองความเป็นจริง ว่าทุกอย่างไม่ต้องโรยด้วยกลีบกุหลาบ สุดท้ายแล้วความที่มันจะยั่งยืน คือเราต้องรับในส่วนที่แย่ที่สุดของกันและกันได้”

“แต่ความคลั่งรักมันเป็นการเติมความกุ๊กกิ๊ก ความกระชุ่มกระชวยให้หัวใจมันตุ๊บตั๊บนิดนึง”

เรื่องฉลองครบรอบกันทุกเดือน แต้วออกตัว “ก็ใหม่ๆ ไง” ว่าแล้วก็หัวเราะ

“โควิดกว่าจะผ่านไปแต่ละวันก็นานเหลือเกิน เราก็อ่ะฉลองหน่อยนึงละกัน ให้มันได้แบบยิ้มกันบ้าง”

ส่วนเรื่องที่ตัดสินใจอัพเลเวลความเป็นแม่ศรีเรือน ด้วยการเริ่มเข้าครัวทำอาหารให้หวานใจทาน แต้วก็ว่า “ปกติจะซื้ออาหารข้างนอกตลอด แทบไม่ทำเลย แต่เขาก็ทำให้เรารู้ว่าการทำเองมันก็ได้อีกฟีลลิ่งนึง ในการที่เราอยากทำอะไรให้ใครแล้วใส่ใจ มันดูน่ารักดี เราก็อยากมีมุมนี้กับเขาบ้าง”

ส่วนผลลัพธ์ที่ทำออกมานั้น คนทำสารภาพ “อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง โดนแซวบ้าง แต่ก็เป็นกิจกรรมที่ทำฆ่าเวลาด้วยค่ะ”

เมื่อเห็นเธอหันมาใช้เสน่ห์ปลายจวักมัดใจขนาดนี้ เลยถามถึงเมนูพิเศษที่ทำให้หนุ่มณัยทานบ่อยๆ ซึ่งแต้วบอก “ลองทำมาเยอะ แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยได้ดีเท่าไหร่ ล่าสุดเลยถูกแนะนำให้ทำสลัดไหม เพราะเราก็ชอบทานสลัด ทำแค่น้ำสลัด ซึ่งจะไม่อร่อย ก็ยากแล้วแหละ”

ส่วนกับรักครั้งนี้จะมองจะไปถึงการลงหลักปักฐานด้วยกันเลยหรือไม่ นางเอกสาวก็ว่า “สำหรับคนที่แต้วคบหรือคุย แต้วก็มองยาวๆ อยู่แล้ว แต่ว่านั่นมันคือความคิดของเราคนเดียว สุดท้ายมันก็มีหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่เขา มันมีอะไรรายล้อมอีกเยอะ อย่างที่บอกว่าดูแค่วันนี้ไปก่อน”

“อนาคตก็ขึ้นอยู่กับวันนี้แหละ ก็ค่อยๆ รักษาใจกันไป”

    

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image