หมอเจี๊ยบ ฟาดปัญหาคมนาคม ถามต้องใหญ่โตระดับไหนถึงจะเปลี่ยนแปลงได้?

ภาพจาก @jeab_lalana

 

หลังกรณีการเสียชีวิตของ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย ที่ประสบอุบัติเหตุถูกบิ๊กไบค์พุ่งชนขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลาย ทำให้สังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงปัญหาต่างๆ ล่าสุด หมอเจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินท์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับหมอกระต่าย ได้โพสต์ข้อความตั้งคำถามถึงระบบคมนาคมขนส่งและหยิบยกปัญหาในสังคมมาพูดว่า

‘ต้องใหญ่โตถึงระดับไหน? ถึงจะเปลี่ยนแปลงการคมนาคมขนส่งและการจราจรในบ้านเมืองนี้ได้ ในเมื่อทุกคนเห็นและรับปัญหาเหมือนกัน

-ทางเท้า ทางจักรยานต่างๆ ที่ไม่ปลอดภัยและใช้งานไม่ได้จริง

Advertisement

-ทางม้าลายที่มีไว้ให้รถไปก่อน

-ไฟทางสวยงามทั่วประเทศต้องติดให้เยอะๆ? เพราะใช้งานจริงมันจะติดบ้างไม่ติดบ้าง

-ทางกลับรถบนถนนใหญ่สายหลักในจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำบ่อยๆ เลยต้องเอาแบริเออร์มากั้นปิดตาย

Advertisement

-ใช้งบไปแก้ซ่อมทางรายปีที่ยังไม่ทันพังก็ซ่อมวนไปทั้งปี

-ป้าย “ง่วงไม่ขับ” “ง่วงจอดพัก” เต็มถนนสายหลักแต่ไม่มีจุดปลอดภัยที่ให้จอดได้

-ป้ายจำกัดความเร็วและป้ายบังคับต่างๆ ที่ขัดกันเอง (เคยเจอ ป้ายบังคับความเร็ว 30, 60 kph สองป้ายที่ปักห่างกัน 10m จะเอาไง?)

-คนจอดรถกันตรงที่ห้ามจอด หรือไม่ควรจอด (เคยเจอรถบัสและรถตำรวจจอดแช่ไว้ค้างคืนกันอยู่หน้าป้ายรถเมล์ที่ทาขาวเหลือง ต้องออกมายืนโบกรถเมล์กลางถนนทุกวัน)

-รถเมล์จอดรับส่งผู้โดยสารที่เลนกลางและบางทีไม่ต้องหยุดสนิท วิ่งชะลอให้คนวิ่งตาม ขึ้น-ลงเอาลง

-ขนส่งมวลชนที่ขาดแคลนทั้งปริมาณและคุณภาพ, ปัญหามอเตอร์ไซค์และ taxi เกลื่อนเมือง (ยิ่งช่วงโรคระบาดก็ลดรอบ ลดจำนวนไป ให้ยิ่งแออัดอีก)

-ตามมาด้วยปัญหามอเตอร์ไซค์และ taxi เกลื่อนเมือง (รถยิ่งติด และอุบัติเหตุยิ่งมากขึ้น)

-ส่วนที่คิดว่าพอจะสะดวกบ้าง (BTS/MRT) ก็ปรับราคาโคตรแพงไปเรื่อยๆ จนคนไม่ไหวกันไปเอง

-ขนส่งมวลชนระบบรางของประเทศที่ห่วยขนอะไรใหญ่ๆ ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน? เลยต้องใช้รถพ่วงวิ่งขนส่งกันเกลื่อนเมือง

-รถเก่าๆ รุ่นที่เคยเห็นตั้งแต่เราเรียนประถมก็ยังต่อ พ.ร.บ.ได้ ออกมาวิ่งกันปกติ

-คนโดยสารรถส่วนตัวอย่างไม่ปลอดภัยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ซ้อนกันเต็มที่นั่งกันจนล้นซาเล้ง หรืออัดกันมาหลังรถกระบะ

-คนขี่มอเตอร์ไซค์ก็ยังไม่ใส่หมวกกันน็อก (ขนาดเห็นว่าเดี๋ยวนี้ใส่ mask กันได้ทุกคน)

– ใบรับรองแพทย์ไปออกใบขับขี่ที่แทบจะอะไรๆ ก็ได้หมด เพราะตรวจสอบข้อมูลเจ็บป่วยไม่ได้จริง (แบบป่วยรักษา รพ.นี้ แต่ไปขอใบรับรองแพทย์อีก รพ.แจ้งว่าแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว ทั้งที่กินยาคุมอาการอยู่)

– อายุเท่าไรก็ขับรถได้ แม้จะเด็กอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ใบขับขี่ หรือแก่จน 80+ แล้ว ก็ยังให้ขับ แม้ว่าจะตัดสินใจได้ช้ากว่าความเร็วรถไปมากก็ ok?

ลองมองรอบตัวว่ามีใครไม่เคยสูญเสียคนที่รักจากระบบการจราจรของไทย คงจะไม่มี

#ส่งหมอกระต่าย #RIPKT

#อยากให้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย

#ประเทศที่คนตายจากอุบัติเหตุจราจรเป็นอันดับ3ของโลก’

พร้อมกับได้เขียนข้อความไว้อีกว่า ‘ไม่อยากเรียกว่าเกิดอุบัติเหตุ​ เพราะการเรียกว่าอุบัติเหตุ​จะถือว่ามันป้องกันไม่ได้ ส่วนตัวซื้อคำว่า จิตสำนึก แค่ส่วนหนึ่งแต่ไม่ทั้งหมดซะทีเดียว เพราะจริงๆ คนในประเทศที่เค้าพัฒนาแล้ว ไม่ได้มีจิตสำนึกเหมือนกันหมดทุกคน แต่เค้ากลัวกฎหมายและบทลงโทษที่รุนแรง จึงไม่กล้าทำผิดและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด การแก้ปัญหาที่เป็นไปได้จริงภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องโฟกัสมาจากที่โครงสร้าง ไม่ใช่ด้วยการแค่หวังหรือการทำแคมเปญรณรงค์​ ขอความร่วมมือให้ประชาชนแต่ละคนพึงมีจิตสำนึกกันเอง #ส่งหมอกระต่าย #RIPKT #อยากให้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย credit : @promegranate

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image