อดีตพระเอกดัง ‘สถาพร นาควิลัย’ เผยวิกฤติชีวิตขายบ้านรถ และเรื่องรักที่พาหนี

อดีตพระเอกดัง ‘สถาพร นาควิลัย’ เผยวิกฤติชีวิตขายบ้านรถ และเรื่องรักที่พาหนี

เปิดชีวิตพระเอกดัง ผู้กำกับละคร และผู้จัดรุ่นใหญ่มากความสามารถ สถาพร นาควิลัย ที่ออกมาเผยเรื่องราวที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อนกับเส้นทางความรักร่วม 30 ปี ของภรรยาสาวสวยดีกรีนางงามที่จุดเริ่มต้นหนีตามกันมา พร้อมเล่าวิกฤติชีวิตครั้งใหญ่ถึงขั้น ต้องขายบ้าน ขายรถ ในรายการคุยแซ่บShow

โดยเริ่มต้นเล่าถึงเรื่องราวความรักกับภรรยาดีกรีนางงาม ‘นก’ ที่แต่งงานกันมากว่า 30 ปีว่า คบกันในยุคที่ความรักของนักแสดงเปิดเผยไม่ได้ แต่ตนมองว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามเลยไม่ได้ปิดบังอะไร

“ช่วงนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นช่วงที่เราผ่านช่วงพีคมาซักระยะนึงแล้ว แล้วตัวตนของเราไม่ใช่จะมาเหนียม”

เป็นเพื่อนของเพื่อนเลยมีโอกาสได้รู้จักกัน “เราแอบมีเบอร์เขาอยู่แล้ว จากเพื่อนของเขา แต่ไม่ได้โทรไป เพราะพี่เป็นคนเขินไม่กล้า”

Advertisement

“พี่รวบรวมความกล้าอยู่ 2 วันถึงจะโทรหาเขา เพราะเราเป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออก”

ทั้งนี้เมื่อถามว่า คบกันได้ไม่นานหนีตามกันเลย สถาพร ก็เล่าวว่า

“มันเป็นการพูดคุยกันในเมื่อเราจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน มันก็ต้องมีกระบวนการ แต่ทั้งฝ่ายผมและภรรยาไม่ได้ติดที่จะมีพิธีรีตองอะไร เรียกว่าพาหนี”

Advertisement

“แต่พาหนีในความหมายของผมคือบอกกล่าวทั้งฝ่ายเขาและฝ่ายผมก็จะรู้แต่ว่าจะไม่ได้มีพิธี คือ ณ เวลานั้นต่างคนต่างคิดว่ามันมีเยอะที่แต่งแล้วก็ต้องเลิกรากันไป อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวนะ ไม่ได้บอกว่าความคิดนี้ คนนั้นคนนี้จะต้องมาคิดแบบนี้ เขาก็จะบอกว่าอย่าเลย เพราะถ้าเราไปไม่ถึงไหนเราก็จะอายเขา เพราะถ้ามีพิธีรีตองขึ้นมาก็จะเป็นข่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้”

“หลังจากนั้นซักระยะนึงเราก็มีไปวัดชนะสงครามไปทำบุญให้เป็นสิริมงคลทำกันในครอบครัว”

“แล้ววันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผมอยู่กันมา 30 ปีเศษ มีลูก 2 คน แล้วชีวิตครอบครัวก็ราบรื่น มันอาจจะมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างตามประสา แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันได้แล้วก็รักษาทุกอย่างมาได้ 30 กว่าปี”

ก่อนจะเล่าถึงสาเหตุการเลิกทำงานเบื้องหน้าโดดมาทำงานเบื้องหลังว่า เป็นคนอยากเรียนรู้ ในเมื่อเรามาทางนี้แล้วสิ่งที่จะทำให้เราพัฒนาตัวเองมันคืออะไร

“งานเบื้องหน้าคงอยู่ได้ซักระยะนึง คลื่นลูกใหม่ก็มาเรื่อยๆ เราเป็นพระเอก วันนึงเราเป็นตัวประกบ เป็นตัวร้าย เป็นพ่อ เราจะเป็นพ่อจนแก่หรอ มันคงไม่ใช่ เราก็คิดว่าชีวิตควรจะพัฒนาต่อไปในเส้นทางสายนี้ บังเอิญจังหวะชีวิตมันถูกกำหนด เราก็มีโอกาสได้มาเรียนรู้ แต่มันก็ต่างกันมากฟ้ากับเหว”

“เป็นนักแสดงงานสบายรับผิดชอบแค่ตัวเอง คนอื่นไม่เกี่ยว เช้าท่องบทมาทำการบ้าน เลิกเสร็จกลับ แต่งานเบื้องหลังถึงแม้ว่ายังไม่ใช่ผู้จัดเป็นผู้ช่วย ทำสคริปต์ ตัดต่อ โปรดิวซ์ ขอบข่ายการดูแลมันเยอะ”

ซึ่งรายได้น้อยกว่าตอนเป็นนักแสดงเยอะมาก เคยมีเงินน้อยสุดติดตัว “ประมาณ 500-600 บาท”

ด้วยเพราะเงินที่เคยมีส่วนนึงหมดไปกับการส่งให้ที่บ้าน แถมยังมาเจอช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่แตกปี 40

“ก็สาหัสอยู่พอสมควร เราไม่คิด มันเป็นสถานการณ์ที่ฉุกเฉินมาก ก็ต้องเอาตัวรอด วาดฝันไว้ผ่อนดาวน์บ้านสร้างอนาคตด้วยกัน ลงไปสมัยนั้นเงินล้านนึงก็เยอะนะ จำต้องปล่อยไป ก็บอกเซลล์ว่าช่วยขายหน่อย 50% ก็ได้”

“ผ่อนดาวน์ไปเดือนละแสน สิบเดือนก็ล้านนึงแล้ว แต่ไม่มีปัญญาไปโอนด้วยสถานการณ์แบบนั้น เราไม่รู้ชีวิตจะเดินยังไงได้ วันนึงเราก็ต้อง บ้านปล่อยไป ขายไม่ได้ รถปล่อยไป”

จุดลำบากสุดของชีวิตก็ได้ เปี๊ยก พิศาล อัครเศรณี ช่วยเหลือ

“ก็โทรหาพี่เปี๊ยก เพราะพี่เปี๊ยกเคยกำกับเราตอนเล่นป่ากามเทพ ก็โทรไปบอกว่าแย่จริงๆพอจะช่วยอะไรได้บ้าง เขาก็บอกว่ามาเล่นละครพี่ซิ กำลังจะเปิดใหม่เลย”

“กลับไปทำเบื้องหน้า สั่นเลย เพราะทิ้งไป 5 ปี กลับมาเล่นอีกที ด้วยความเป็นพิศาลด้วย ความน่ายำเกรงยังมี ซีนแรกเริ่มพูดคำแรกปากสั่น เรื่องนั้นกลับไปแสดง หลังจากเรื่องนั้นพี่เปี๊ยกก็ชวนไปทำเบื้องหลัง”

“ก็เป็นจุดเปลี่ยนอีกอันหลังจากวิกฤติฟองสบู่เหมือนชีวิตก็พลิกมาด้วยพี่เปี๊ยก ช่วงนั้นก็อยู่กับแกมา 4-6 ปี ก็ทำละคร เล่นด้วย บางอย่างไม่ได้ตังค์ก็เอา เราชอบเรียนรู้ ครูพักลักจำ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image