‘ผู้จัดการส่วนตัว’ คนเบื้องหลังดารา หน้าที่และความผูกพัน

ภาพจาก ภาพจาก @minpechaya, @s_genius, @rodmayaloha, @bua_knot

 

“ไม่ได้มองว่าเขาเป็นดารา แต่เป็นน้องสาว เป็นคนในครอบครัวของเรา”

หลังจากเรื่องของ ‘ผู้จัดการดารา’ กำลังเป็นที่พูดถึง จากกรณีของ แตงโม นิดา ดาราสาวผู้ล่วงลับ ในส่วนของดาราดัง มิน พีชญา วัฒนามนตรี เธอได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า

“ผู้จัดการดาราที่ดีคือคนที่ไม่ทิ้งเราเวลาเจอความลำบากที่สุด”

Advertisement

ทั้งนี้ในเรื่องของผู้จัดการดารา มติชน ได้สอบถามไปยัง บัว ดีลณี ซึ่งทำหน้าที่ดูแล รถเมล์ คะนึงนิจ ซึ่งบัวบอกว่า เธอเป็นผู้จัดการที่ทำงานภายใต้บริษัทโพลีพลัส

หน้าที่หลักๆนอกจากการดูแลเรื่องการงาน การรับงานของรถเมล์แล้ว “ในพาร์ทของการดูแล อันนี้ไม่ได้เอาไปเปรียบเทียบกับใครนะ คือถ้าถาม เราอยากจะดูแลให้ดีที่สุดในทุกๆพาร์ท ดูแลในทุกๆเรื่อง”

ไม่ว่าจะการแต่งตัว อาหารที่ทาน รวมไปถึงคนซึ่งเธอดูแลอยู่ต้องไปเจอใครบ้าง มีอะไรที่ต้องระวัง ป้องกัน ขนาดไหน

Advertisement

“แต่ก็เหมือนต้องเรียนรู้กับนักแสดงแต่ละคน เพราะว่าการดูแลแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะชอบให้ดูแลทุกอย่าง เรื่องส่วนตัวอาจจะมีบ้าง บางคนอาจจะไม่ให้ยุ่งเรื่องส่วนตัวมากนัก”


สำหรับการออกงานหรือไปไหนมาไหน “บัวประกบเลยค่ะ บัวไม่ปล่อย”

“ห้องน้ำก็คือพาไป”

หรือ “อยากกินอันนี้ อยากได้อันนี้ ก่อนขึ้นเวที ก็ซัพพอร์ทอยู่ข้างๆเสมอ ถ้าเขาอยู่บนเวทีแล้วหันมา ก็ยังจะเห็นว่าเรามองเขาอยู่”

“แล้วเหมือนเราจะระวังมากๆ ไม่ว่าจะทำอะไร”

ยกตัวอย่างประกอบให้เข้าใจชัดด้วยว่า อย่างถ้าไปร้านอาหาร ก็ต้องคิดว่าควรนั่งหันหน้าไปทางไหน ถ้าหันไปในทิศที่จะมีคนเยอะ ก็จะเปลี่ยนให้นั่งอีกฝั่ง ให้หันหน้าชนกำแพง

กับรถเมล์ที่เธอดูแลอยู่ บัวบอก “จะสนิท”

“คือเหมือนเป็นพี่เป็นน้องมากกว่า เป็นบุคคลในครอบครัว ไม่ได้มองในมุมที่เป็นนายจ้างกับลูกจ้าง หรือลูกน้อง จะไม่ใช่แบบนั้น มันมีความห่วงหาอาทร”

ขณะที่ เอส อนุสิทธิ์ ผู้จัดการส่วนตัวของมิน พีชญา ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ดูแลนักแสดง โดยเอสเผยว่า การเป็นผู้จัดการส่วนตัวสำหรับเขา คือการที่ต้องดูแลทุกอย่างเกี่ยวกับดาราคนดังกล่าว

“สำหรับเราคือดูแลทุกอย่างนะ ไม่ใช่แค่รับคิวงาน แต่ดูแลแม้กระทั่งชีวิตความเป็นอยู่เขา ถ้าเขาอนุญาต เราก็จะเข้าไปช่วยในทุกๆจุด”

“มันไม่ได้จบกันที่เรื่องงาน”

“ยกตัวอย่างเช่น เวลาไปงาน เราไม่ได้แค่ต้องคุยกับลูกค้า แต่ต้องดูแลเสื้อผ้าเขาสวยไหม จะปกป้องเขายังไงเวลาเดินไปเจอฝูงชน หรือแม้แต่ประเด็นที่เป็นข่าว”

“เวลาเขาเข้าห้องน้ำ เราต้องทำยังไง”

ในกรณีที่เขาเป็นผู้ชาย แต่ดาราที่เขาดูแลเป็นผู้หญิง เอสก็ใช้วิธีให้เพื่อนร่วมงานเขา หรือเลขาที่เป็นผู้หญิง ตามไปดูแล แต่ถ้าตอนนั้นวันนั้นมีคุณแม่ของดาราคนดังกล่าวไปด้วย ก็อาจจะขอร้องให้คุณแม่ไปเป็นเพื่อน

“เพราะเราห่วงว่าจะเกิดอันตรายตอนไปเข้าห้องน้ำ”

ขณะเดียวกันก็คิดเผื่อว่า “จะมีกล้องซ่อนไหม อะไรแบบนี้” จึงกำชับคนติดตามตลอดว่าต้องคอยตรวจดู

“จะมีคนดูแลเขาตลอดเวลา ไม่ปล่อยเขาไปไหนมาไหนคนเดียว นอกจากชีวิตส่วนตัวที่เขาขอไปคนเดียว ไปกับเพื่อน”

สำหรับ ‘เรื่องส่วนตัว’ คนเป็นผู้จัดการมืออาชีพก็ว่า ขึ้นอยู่กับตัวดาราว่าอนุญาตให้ดูแลถึงขั้นไหน

“อย่างเรื่องรูปร่างหน้าตา ก็ต้องคอยดูว่าเขาออกกำลังกายไหม เขากินอะไร”


มันจะไม่จบแค่เรื่องงานอย่างเดียว-เขาย้ำอีกครั้ง

“จะมีแนะนำวิธีออกกำลังกาย วิธีการกินอาหาร พาไปฟิตเนส ไปคลินิกความงาม ทุกอย่างดูแลหมด”

จะมียกเว้นก็เรื่องแฟน ที่แต่ละคนตัดสินใจเองตามความชอบ ความคิดเห็นแบบ 100 %

ในเรื่องความสนิทสนมกับดารา เอสบอกส่วนใหญ่คนที่จะเป็นผู้จัดการได้ มักจะความสนิทโดยส่วนตัวกับดาราคนนั้นๆมาก่อน ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างผู้จัดการกับดารา จึง “ไม่เป็นเหมือนผู้ร่วมงาน แบบเจ้านายกับลูกน้อง”

“แบบนั้นไม่ใช่”

แต่ “ประหนึ่งเพื่อนสนิทเลยแหละ เพราะมันมีเรื่องต้องปรึกษากันทุกเรื่อง งานนี้จะรับไหม ค่าตัวเท่านี้รับไหม มีรายละเอียดที่ต้องคุยกัน ยกหูหากันตลอดเวลา”

ดังนั้น “มันจะไม่สนิทไม่ได้ ไม่สนิทจะทำงานลำบาก”

ถามว่าต้องสนิทกันถึงขั้นไหน ขนาดสามารถกินนอนด้วยกันเลยหรือเปล่า? เอสบอก “ส่วนใหญ่ดารากับผู้จัดการจะสนิทกันประมาณนี้เลย นอนห้องเดียวกันได้ คุยกันได้ตลอดเวลา”


เรื่องการเลือกคนที่จะมาเป็นผู้จัดการส่วนตัว เอสซึ่งทำงานนี้มานานหลายปี บอกว่าเท่าที่เขาเห็นมานอกจากความสนิทสนมดังกล่าวแล้ว สิ่งหนึ่งซึ่งเขามั่นใจว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการที่ดาราจะเลือกผู้จัดการ ก็คือ เรื่องความซื่อสัตย์

“เขามั่นใจว่าเราจะไม่โกงเงินเขา”

อย่างกรณีของมีน ที่เอสบอกว่า มีงาน มีเงินเข้ามาทั้งจากการแสดงละคร จากโฆษณา ฯลฯ ซึ่ง “ผู้จัดการสามารถโกงได้”

“เขาจึงเลือกคนที่ไม่โกงเขาแน่นอน เขาให้เหตุผลนี้ เลือกคนที่จะไม่โกงเขา ส่วนเรื่องอื่นก็ปรับกันได้”
จากกรณีของแตงโม เอสบอกว่า เอาเข้าจริง เขาค่อนข้างงง เพราะอย่างที่บอก “ส่วนใหญ่ผู้จัดการดาราจะประกบ”

“ถ้าดาราเดินไปตรงไหนเราต้องไปด้วย”

ยิ่งมีคนแปลกหน้าอยู่ด้วย ยิ่งต้องดูแล

เพราะสำหรับตัวเขาเอง การเป็นผู้จัดการดารา ต้อง “ดูแลเขาเหมือนคนในครอบครัว”

“ไม่ได้มองว่าเขาเป็นดารา แต่เป็นน้องสาว เป็นคนในครอบครัวของเรา”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image