เชียร์ ถามแทนปชช.คดี ‘แตงโม’ เจ็บ จ่าย จบหรือเปล่า แต๊งค์ ลั่น ตร.เลือกปฏิบัติเพราะคนบนเรือมีเงิน?

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ในรายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ออกอากาศทางช่อง 3

จากการจากไปครบ 7 วันของนางเอกชื่อดัง แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ เหตุการณ์บนเรือก็ยังคงหาคำตอบกันต่อไป โดยล่าสุด พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ มาพร้อมกับ เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ เพื่อนสนิท และ แต๊งค์ พงศกร มหาเปารยะ อดีตคนรักของแตงโม ได้มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นที่เกิดขึ้น

แต๊งค์เป็นยังไงบ้าง?

แต๊งค์ : ผมเลี้ยงลูกเป็นหลัก แล้วมีข่าวน้องแตงโมเข้ามา ตั้งแต่มีเหตุการณ์นี้ก็มีคนมาถามเยอะ สื่อติดต่อเข้ามาเยอะ อยากรู้เรื่องราวตื้นลึกหนาบาง ผมขอบอกเลยว่าผมได้ติดต่อกับคุณกระติกแค่วันแรก ได้รับทราบข่าวสารคล้ายๆ กับทุกคน เป็นสิ่งที่เราได้เห็นผ่านสื่อกันมา ได้รับฟังคนบนเรือ 5 คนพูด ก็มีความคาใจ มีความข้องใจหลายๆ เรื่อง มีความไม่สบายใจการทำงานของทีมสืบสวนว่าเขาจะทำเต็มที่หรือเปล่า

Advertisement

เชียร์ล่ะ ในฐานะเป็นเพื่อนสนิทแตงโม?

เชียร์ : อยากให้ทุกอย่างกระจ่างชัดเจน ตอนนี้เราแค่รู้สึกว่าตั้งแต่วันเกิดเหตุถึงวันล่าสุด แม้กระทั่งเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในการค้นหากระบวนการ เราไม่พูดเรื่องเพื่อนหรืออะไรนะคะ เราพูดถึงกระบวนการ จนล่าสุดมีใบพัดหายอีก เราเลยมีคำถามเยอะไปหมด ว่าตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้น มันคือกระบวนการทำงานยังไงกันแน่ วันนี้จริงๆ อยู่กองละคร แต่อยากรู้ ขอบคุณกองด้วยที่อนุญาตให้เชียร์มา เพราะอยู่ใกล้ อาจต้องมีบางคำถามที่อาจต้องปรึกษาในฐานะที่ทั้งสองท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เคยผ่านกระบวนการตรงนี้กันมา

พี่แต้มมองเรื่องประเด็นคุณแตงโมยังไง?

พล.ต.ต.วิชัย : คดีน้องแตงโม เป็นคดีการตายโดยผิดธรรมชาติ เมื่อมีการตายโดยผิดธรรมชาติ ตร.ต้องทำการสืบสวนสอบสวน ชันสูตรพลิกศพเพื่อให้รู้สาเหตุของการตาย ใครทำให้ตาย หรือมีอะไรต่างๆ ดังนั้นเมื่อทำการสอบสวนแล้ว สิ่งที่ตร.ต้องหาหลักฐาน คือหนึ่งพยานบุคคล คือพยานที่เกิดเหตุว่ามีใครบ้าง สองพยานแวดล้อม ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะไปกินอาหาร เด็กตกปลา แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่ไปช่วยหาศพ ก็เป็นพยานบุคคลหมด เพราะถ้าคุณได้ศพมา สภาพเป็นยังไง จะได้เป็นพยานหลักฐาน สองพยานวัตถุที่ตกอยู่ในเรือว่ามีอะไรบ้างที่จะทำให้หายสงสัยว่าแตงโมเสียชีวิตยังไง สามพยานนิติวิทยาศาสตร์ ที่ได้จากที่เกิดเหตุ ตัวพยาน หรือจากตัวน้องแตงโม นี่เป็นหลักฐานสำคัญ ผมผ่านงานสืบสวนสอบสวนพูดเลยนะว่าคดีนี้เป็นฆาตกรรมไม่ได้ เพราะฆาตกรรมต้องมีเหตุแรงจูงใจ มีสาเหตุ ประมาทเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายได้ หรือหนักไปหน่อยคือทำร้ายร่างกายแล้วเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย แต่ถ้าฆาตกรรมต้องมีการวางแผน เช่นคนบอกว่าเอามีดเฉือน ทำร้าย ผมถามว่าเฉือนลึกขนาดไหนก็แล้วแต่เลือดต้องเต็มเรือ ผมถามว่าคุณจะล้างเลือดยังไงที่จะไม่ให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นเทคนิคที่ต้องมี ยิ่งไม้ไปแทรกตามเนื้อไม้ ตามตะปู จำคดีผู้พันตึ๋งได้มั้ย ที่เกี่ยวข้องฆ่าคดีผู้ว่าฯ เราไปเจอในอ่างไม่มีเลือดเลยเพราะล้างไปแล้ว แต่พอไปขุดใต้ท่อก็เจอคราบเลือด อย่างนี้หนีไม่พ้น ฆาตกรรมมันไม่ใช่แล้ว เพราะฆาตกรรมต้องมีสาเหตุ นี่หลักการสืบสวน แต่มันเป็นไปได้ เช่นที่บอกไปฉี่ อาจเป็นไปได้ หรือแตงโมไปยืนตรงไหน แล้วเรือพุ่งไปพอดี เพราะเรือนี้หมุนนิดเดียวก็ตกแล้ว ยิ่งถ้าคนเสียชีวิตเมาด้วยก็เป็นส่วนประกอบกัน  หรือหนักกว่านั้น อาจแหย่กัน ผลักกัน หรือทะเลาะกัน ก็อีกมุมนึง ดังนั้นผมมองเลยว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีฆาตกรรม แต่ถามใครต้องรับผิดชอบบ้าง หนึ่งคนขับเรือต้องรับผิดชอบ ประมาทแน่นอน เป็นเหตุให้คนถึงแก่ความตายถ้าพลัดตก แต่สิ่งที่จะยืนยันได้ สมมติน้องแตงโมถูกหั่นที่ขา หั่นโดนอะไร ใบพัดเรือมั้ย ก็หั่นตรงใบพัดเรือก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าน้องแตงโมต้องตกตรงนั้น หรือถ้าไม่โดนใบพัดเรือ แต่โดนใบพัดเรือที่เขามาหากัน ก็พิสูจน์ได้อีก ถ้าหั่นตอนเกิดเหตุ เลือดที่โดนหั่นจะซึม จะออก สามารถพิสูจน์ได้ว่าบาดแผลเกิดจากตอนเกิดเหตุ แต่ถ้าเกิดเสียชีวิตเป็นวันแล้ว เลือดไหลหมดตัวแล้ว อะไรมาหั่นก็จะไม่มีรอยเลือดแทรก กองพิสูจน์นิติวิทยาศาสตร์เขาตรวจได้

แต๊งค์มีอะไรจะถามมั้ย?

แต๊งค์ : ผมไปทำการหาข้อมูลมา เช่นแผลที่เกิดขึ้นก่อนและหลังเสียชีวิตว่าจะมีการอักเสบหรือไม่อักเสบ ผมมองย้อนไปว่าสิ่งที่ให้สังคมสงสัยอยู่ ณ ตอนนี้คือการออกมาแถลงหรือการออกมาให้ข้อมูลกับประชาชนทั่วไปของทีมสืบสวน มันยังน้อยไปนิดนึง ผมเข้าใจว่าไปกระทบรูปคดี แต่อย่างน้อยๆ การที่เอาศพไปชันสูตร มันจะมีคนอื่นอีกมั้ยที่เข้ามาแทรกแซง เขามาเปลี่ยนรูปของหลักฐาน ผมก็เป็นห่วงแทนประชาชนคนอื่น

เชียร์ :  ถ้าไล่ตามเหตุการณ์ ถ้าบอกพยานวัตถุสำคัญ ทำไมวันแรกเรือไม่อยู่คะ ทำไมการอายัดเรือถึงไม่เกิด

พล.ต.ต.วิชัย : ที่ถามว่าทำไมตร.เขาไม่แถลง หลักการสืบสวนสอบสวน หรือการกระทำอะไรต่างๆ บางเรื่องผมเป็นตร. ผมก็ไม่แถลง ผมจะแถลงความจำเป็นที่ให้ประชาชนได้รู้เท่านั้น เนื้อสำนวนหรือหลักฐานอะไรบางทีแถลงไม่ได้ ถ้าแถลงอะไรไปวันนี้ ถ้ามีการขึ้นศาล ทนายเขาบอกว่าวันนั้นท่านแถลงอย่างนั้น ทำไมวันนี้เป็นอย่างนี้ เขาห้ามเลย ห้ามเอาเนื้อสำนวนมาแถลง ประชาชนต้องเข้าใจนะ ผมทำงานสืบสวนมาทั้งชีวิตผมรู้ มันแถลงไม่ได้ พูดได้ว่ามีการพิสูจน์แล้วนะ มีหลักฐานนะ แต่ทุกอย่างเป็นเนื้อสำนวน ถามว่าจะมาบอกน้องแต๊งค์เพื่อประโยชน์อะไร ไม่มีประโยชน์เลย อย่างพูดว่าเรือที่ไม่จอด มีคนถามผมแบบเดียวกัน หลักการเมื่อเกิดเหตุ ตร.ต้องเอาไปเก็บ แต่วันนั้นตร.ยังไม่มา เรือจะลอยน้ำ หรือลอยที่อยู่ หรืออยู่ที่ตลิ่ง หลักฐานตรงนี้มันไม่สำคัญ มันสำคัญอย่างเดียว เวลาที่คุณเอาไปจอด คุณทำลายหลักฐานหรือไม่ ถ้าทำลายหลักฐาน ถือว่าไปทำลายพยานหลักฐานในคดีเป็นความผิด

เชียร์ : นี่แหละค่ะ ก็เลยเป็นคำถามว่า จริงๆ แล้วเรือไม่ควรอยู่ในการดูแลของตร.เหรอคะ

พล.ต.ต.วิชัย : ตอนนั้นตร.ยังไม่มาไง

เชียร์ : งั้นเชียร์ถามต่อเลยว่าการทำงานของตร.ช้ามั้ยคะ

พล.ต.ต.วิชัย : ไม่ช้า

แต๊งค์ : มาแล้วหรือเปล่า เพราะเราเห็นคลิปที่ท่าน้ำมีตร.

เชียร์ : ถ้าท่านบอกว่าไม่ช้า ทำไมไม่เก็บหลักฐานที่สำคัญที่สุด ณ ตอนนั้นล่ะคะ

พล.ต.ต.วิชัย : คนเก็บคือใครรู้มั้ย ตร.พนักงานสอบสวนเก็บไม่ได้ ตร.ไปที่เกิดเหตุก็เก็บไม่ได้ เก็บได้อย่างเดียวคือไม่ให้คนไปยุ่งพยานหลักฐาน คนเก็บหลักฐานคือกองพิสูจน์หลักฐาน นิติวิทยาศาสตร์ ต้องเข้าใจ เวลาศพฆ่ากันตาย จะเข้าไปไม่ได้นะ ต้องตีเชือกไม่ให้คนเข้าไป เพื่อไม่ให้คนไปยุ่งกับพยานหลักฐาน

ท่านมองประเด็นนี้ยังไง?

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ต้องยอมรับว่าทั้งปวงเกิดจากปัญหาความไม่เชื่อมั่นประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศเรา ในชั้นสอบสวน มันถึงเกิดดราม่าตั้งคำถามโน่นนี่ กระบวนการดำเนินการก็ไม่ได้ให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเท่าที่จะสามารถให้ได้ เมื่อวานผมฟังแล้วก็ยังแปลกใจที่คนถามว่าความเร็วเรือเท่าไหร่ เขาบอกว่าเป็นความลับ มันเป็นความลับยังไง ใช่ ในระเบียบตร. บอกว่าการสอบวนเป็นความลับ ไม่ถูกต้องนะ โดยเฉพาะการแจ้งข้อหาต่อผู้ถูกกล่าวหาแล้ว มันไม่ควรเป็นความลับ เพราะเขาควรได้รับทราบรายละเอียด ข้อมูล ข้อเท็จจริง  เรื่องนี้เรียนว่ามันเป็นการตายผิดธรรมชาติ ซี่งปกติต้องทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ เพื่อให้ทราบเหตุการตาย และพฤติการณ์ที่ตาย เหตุที่ตายตอนนี้ชัดเจน มีรายงานมา ว่าขาดอากาศเนื่องจากมีน้ำเข้าไปแทน นี่คือเหตุที่ตาย แต่ปัญหาว่าพฤติการณ์ที่ทำให้ตกลงไป ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตกจุดไหนของเรือ ตัวเองไปยืนอยู่ หรือมีใครไปเล่นหรือยังไง หรือเป็นไปตามที่แซนพูดว่าไปปัสสาวะ จริงๆ ก็มีพยานหลักฐาน พยานบุคคลคือแซน ที่เขาบอกว่าตกไปเพราะไปปัสสาวะ แซนถือว่าเขาเป็นพยานสำคัญที่สุด เขาเป็นทั้งประจักษ์พยาน เพราะเห็นคนเดียว คนอื่นไม่เห็นพฤติการณ์ที่ตกเลย หรือเป็นการให้การเท็จก็แล้วแต่จะตั้งข้อสมมติฐานไป แต่เขาเป็นคนเดียวที่เห็นขณะตก และแตงโมไม่ได้บอกใครแม้แต่กระติก อาจไม่คุ้นเคยกับหลายๆ คน พอพูดแล้วอาจมองไปก็แล้วแต่ เรื่องการปัสสาวะแบบนี้ ถามว่าเป็นไปได้มั้ย หลายคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ก็แล้วแต่จะคิด

เชียร์ : จากกรณีคุณแซนออกมาไลฟ์ แค่คำถามว่าตกลงตอนตกเห็นหรือไม่เห็น ยังไม่ชัดเจนในคำตอบเลยค่ะ อย่างนี้ ตร.นำตรงนี้มาพิจารณาด้วยมั้ยจากการไลฟ์ของเขา

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  เรามีเหตุผลใดที่จะไม่เชื่อเขา ก็ถือว่าเขาให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน เช่นจริงๆ เขาเห็น แต่อาจมีส่วนสะบัดขา หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เขาบอกเขาเล่นโทรศัพท์อยู่ไม่ทันได้ดู โมก็เดินไปแล้วจับขาเขาไว้ ตอนเขาจะลุกขึ้นมาที่เขาบอกขอตั้งหลักหน่อยแล้วพลัดตกลงไป ไปเกาะเรืออยู่ชั่วขณะ หลังจากนั้นก็หลุดไป ในทัศนะผมการเกาะเรืออยู่ชั่วขณะอาจเป็นไปได้ว่าอาจไปโดนใบพัดเรือ

พล.ต.ต.วิชัย : ผมตั้งประเด็นนิดนึง คดีนี้จะเอาความรู้สึก ความรัก ความโกรธ ความเกลียดกัน มาวัดกันไม่ได้ ทุกอย่างกฎหมายไทยต้องเรื่องพยานหลักฐาน ถ้าเราทำไปตามกระแส เรามีอัยการ มีศาลอีก ไม่ได้ ความรู้สึกทำไมคนนั้นพูดไม่ตรง คุณพูดไปเถอะ เดี๋ยวสุดท้ายตร.จะมาสอบเพื่อไปประกอบหลักฐานที่นั่น แต่นี่ไปเอาคำพูดเล็กๆ น้อยๆ มาจับไม่ได้เขาพูดแล้วเขาก็เอาไปสอบปากคำ และเขาจะสามารถจับผิดคุณได้ ทุกอย่างที่น้องพูด น้องสงสัย ตร. เขาทำหมดแล้ว

เชียร์ : วันนี้เชียร์และพี่แต๊งค์อาจมีสถานะเป็นเพื่อนคุณแตงโม แต่ไม่ได้มาด้วยอารมณ์หรืออคติกับใครคนใดคนหนึ่ง แต่เราแค่มาหาคำตอบและสงสัยในกระบวนการ อย่างที่พี่แต้มบอกพยานวัตถุสำคัญ พยานบุคคลก็สำคัญ เชียร์ถามไปเรื่องนึงแล้วว่าเรือจะตอบคำถามได้มากที่สุดในตอนนั้นแต่ไม่อยู่ นี่ข้อแรก ข้อสองพยานบุคคลก็ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุเหมือนกัน ขณะที่เรายังสรุปไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าสรุปแล้วพี่แตงโมเสียชีวิตตอนนั้นหรือไม่ นี่เป็นสองข้อ พอเรือไม่อยู่ปุ๊บ กลายเป็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสิ่งที่เราได้เห็น แก้วไวน์เหลือใบเดียว ขณะที่ภาพวงจรปิดในหลายๆ ที่เห็นว่ามีการรินไวน์ แก้วไวน์มีหลายใบ เหมือนพยานวัตถุไม่ตรงกับสิ่งที่เราเห็นกันมา

พล.ต.ต.วิชัย : สิ่งที่พูดจะเป็นหลักฐานทำให้เป็นข้อพิรุธที่ตร.ต้องไปทำการสืบสวนสอบสวน ดีหมดเลยที่น้องพูด ยิ่งทำพิรุธมากขึ้นเท่าไหร่ การสอบสวนสืบสวนถ้าให้การตรงกันจะไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าให้การไม่ตรงกัน มันมีทางที่จะไปทำการสืบสวนได้

แต๊งค์ : มีคำนึงที่อาจเป็นผลกระทบกับสังคม คือคู่กรณีคนบนเรือเป็นคนมีเงิน ทั้งประเทศกำลังจับตามองว่านี่เป็นข้อแตกต่างหรือเปล่า เลือกปฏิบัติหรือเปล่า ลองเป็นเรือประมงหาปลา ทำคนตก ตร.คงคุมตัวไว้ตรงนั้นเลยหรือเปล่า

พล.ต.ต.วิชัย : พูดแบบนั้นไม่ได้ เอาเป็นว่าขณะนี้สังคมมันเปลี่ยนแปลงเยอะพอสมควร สังคมเดิมบอกว่าคนจนติดคุก คนรวยไม่ติดคุก แต่ทุกวันนี้สังคมเริ่มเปลี่ยนไปว่า คนรวยทำอะไรต้องผิด คนจนกลับทำแล้วไม่ผิด อย่างคดีลุงพล เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ผมรู้ด้วยว่าใครทำให้ตาย เพราะหลักการสืบสวนสอบสวนมา แต่สังคมไปช่วยลุงพล จนลุงพลเป็นผู้บริสุทธิ์ ใครทำคดีลุงพล คนนั้นกลายเป็นคนเลวหมด ตร.กลายเป็นคนเลวหมด ลุงพลกลายเป็นพระเอก เราต้องทำยังไงให้เห็นว่าคนรวยก็ต้องติดคุก คนรวยก็มีความผิด คนจนทำผิดก็ต้องติดคุก

เชียร์ : อันนั้นเป็นอีกกรณีนึง แต่กรณีนี้เชียร์สงสัยว่าที่ประชาชนมีคำถามเพราะกระบวนปกติเป็นแบบนี้หรือเปล่า เช่นศพต้องอาจส่งไปพิสูจน์ที่สถาบันศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ หรือรพ.ธรรมศาสตร์ที่กำลังมุ่งหน้าไป แต่เกิดการเปลี่ยนทางไปอีกที่นึง ปกติมันเป็นแบบนี้ได้หรือเปล่าคะ

พล.ต.ต.วิชัย : ได้ครับ ศพที่เวลาเกิดเหตุ เขาต้องส่งไปรพ.ที่รับรองว่ามีนิติเวช สามารถผ่าพิสูจน์ได้ บางรพ. ส่งไปไม่ได้ ไม่มีหมอ

เชียร์ : แต่อันนี้นักข่าวไปรอแล้วนะคะ

พล.ต.ต.วิชัย : อย่าพูดตามความรู้สึก พูดตามกฎหมาย ผมพูดหลักกฎหมายให้ฟัง ผมเป็นพนักงานสอบสวนมาตั้งแต่เด็กจนโต เป็นมือปราบสอบวน จะพูดหลักกฎหมายให้ฟัง ประชาชนไม่เข้าใจเลยไปตีความ ถามว่านิติเวชการตรวจพิสูจน์มีอยู่ 2 ที่ นิติวิทยาศาสตร์กับนิติเวชของกรมตร. คดีทุกวันนี้ที่ตรวจกันนิติเวชกรมตร.หมด ถามว่าถ้าคุณไปส่งธรรมศาสตร์ ถ้าไม่มีหมอที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์หรือนิติเวชที่เขารับรอง เขาก็ต้องส่งมารพ.ตร.เหมือนเดิม จะบอกว่ามีนักข่าวรอแล้วทำไมไม่ไปมันไม่ใช่นะ อย่าเข้าใจผิด

แต๊งค์เชียร์อยากให้มีภาพข้อเท็จจริงปรากฏมากกว่านี้ จะได้มองไปมุมเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มุมพี่ก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุที่มีเงื่อนงำ?

เชียร์ : เอาตามตรงเลย เชียร์ไม่ได้มองไปถึงว่าจะมีการวางแผนอะไรมาล่วงหน้าแน่นอน แต่ว่าทำไมเหตุถึงมีเงื่อนงำไปหมด ปริศนาไปหมด หาคำตอบไม่ได้ หรือแม้แต่สิ่งที่เชียร์ถามไปเมื่อสักครู่นี้ อย่างการเก็บพยานวัตถุต้องอยูในความดูแลศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ เรื่องกรณีร่างคุณแตงโม มีการเปลี่ยนระหว่างทาง ซึ่งเชียร์เป็นประชาชนก็ต้องสงสัยเหมือนกัน ว่ามีกรณีแบบนี้ด้วยเหรอ เพราะต้องเรียนว่าตร.อยู่ในความคาดหวังประชาชน ต้องให้เรื่องนี้กระจ่างแจ้ง แต่พอมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างทางซึ่งไม่รู้ปกติเป็นแบบนี้หรือเปล่า มันย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีคำถาม

ถามพี่วิรุตม์บ้าง?

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  เรื่องการเปลี่ยนที่ชันสูตรศพ ผมก็ดูคลิปนะ เห็นว่ามีแพทย์ที่รับผิดชอบก็ออกมาโวยว่าทำไมไม่ส่งมาที่นี่ ผมก็ไม่ทราบเหตุผล แต่ทางกฎหมายคงไปได้สองที่ ต้องตั้งคำถามผู้แทนว่าใครเป็นคนให้เอาศพไปที่โน่น แทนที่จะไปที่นี่ตามปกติ มันก็ก่อให้เกิดข้อสงสัย อย่างที่บอกกระบวนการประชาชนขาดความเชื่อมั่นของตร. คิดไปถึงเรื่องการช่วยเหลือกัน ไม่เก็บหลักฐาน ผมว่าบางส่วนเป็นเรื่องของความไม่รอบคอบ บกพร่อง ซึ่งเกิดขึ้นมากมายอยู่แล้วในระบบสอบสวนของตร.ไทย ปัญหาสารพัดมากมาย อันนี้ก็เป็นเรื่องนึง  แต่คงไม่น่าถึงขนาดปล่อยให้ทำลายพยานหลักฐาน เป็นเรื่องต้องปรับปรุง เช่นเมื่อเกิดเหตุไปแล้ว ทำไมปล่อยให้คนขับเรือเอาเรือไปเก็บ แทนที่จะไปโรงพักเมืองนนท์ก็แล้วแต่ เป็นคำถาม ถ้าเขาบอกปกติไม่มีใครดูแลก็ต้องไปแก้ปัญหาในอนาคตก็ว่าไป สองเรื่องความไม่เชื่อมั่น สุดท้ายใบพัดเรือหักหายไปอีก คนก็อ้าว ไปทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า แต่ขอเรียนว่าทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ขณะนี้เรายังไม่เห็นพยานคนอื่น หรือพยานบุคคล หรือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะไปหักล้างคำพูดแซนได้ ขณะนี้ก็ต้องเชื่อตามนี้ก่อน ถ้าคิดแง่ข้อสันนิษฐานของผม เรื่องขนาดวางแผนฆาตกรรมสลับซับซ้อน ยังไม่เห็นข้อมูลที่ไปตรงนั้นได้ แต่เงื่อนงำ ผมว่าสืบเนื่องมาจากวัตถุประสงค์ของการไปในเรือ คำพูดไปจับเล็กน้อยไม่ถือว่าเป็นสาระสำคัญ แม้พูดไม่ตรงกัน บางทีคนประหม่า ตื่นเต้น ก็พูดไม่ตรงได้ ยิ่งถามไป 5 ครั้งไม่ตรงเลยก็มี ไม่น่ามีใครจงใจที่จะกระทำให้ตาย หรือแม้กระทั่งทำร้าย ส่วนจะมีอะไร การล่วงเกินกันหรือไม่ก็ไม่มีข้อมูล

แต๊งค์ : จากข้อพิรุธทั้งหมด ผมเป็นคนเดียวที่ได้คุยกับกระติกในวันแรกๆ กระติกมีพฤติการณ์แปลกๆ ตั้งแต่วันแรกอยู่แล้ว พอโทรไป ณ คืนที่แตงโมตก กระติกเขามีอาการรีบและร้อนรน บอกว่าเดี๋ยวจะโทรกลับ กำลังจะออกจากท่าเรือแล้ว ตอนนั้นตี 1 แต่ภาพวงจรปิดเขาน่าจะอยู่บริเวณจอดเรือ ผ่านไป 24 ชม. ไม่มีการติดต่อ ผมติดตามข่าวผ่านสื่อก็เห็นว่ามีเงื่อนงำว่าพวกนี้พยายามหนีสื่อ สื่อมวลชนบอกผมเองว่าพวกนี้จงใจพยายามหนีสื่อไม่อยากให้เป็นข่าว ตัวแม่น้องแตงโมก็บอกว่ามีคนพยายามให้ปิดข่าว ผมเลยมีการตอบโต้ด้วยการโพสต์ข้อความไป กระติกโทรมาหาเล่าเรื่องแบบยาวเลย เขามีเจตนาที่อยากให้ผมลบโพสต์ที่เป็นประเด็นออกไป ผมโพสต์เกี่ยวกับความมีอิทธิพล ไปวิ่งเต้น ไปฝากหรือเปล่า ทำไมถึงอยากปิดข่าว ผมไม่ได้ตั้งประเด็นว่าจะเป็นฆาตกรรมหรืออะไรนะ แค่อยากรู้ว่าทำไมไม่ให้ความร่วมมือนักข่าว ณ ตอนนั้นที่โพสต์ยังไม่พบร่างนะคะรับ อยากให้ทุกคนออกมาให้ข้อมูลกับสื่อเยอะๆ เพราะทุกอย่างมีประโยชน์ในการช่วยเหลือคนมากๆ และประเด็นที่โกรธมากๆ คือทำไมคนบนเรือถึงไม่ออกมาช่วยกันพูด หรือทำไมไม่อยู่ ทำไมทิ้งเพื่อน มีการวิ่งไปปรึกษาทนายตั้ม ผมสงสัยว่าเขากลัวอะไร กลัวผลกระทบด้านกฎหมายยังไง อยากให้พี่ๆ ตร.ช่วยบอกหน่อยว่าความประมาท หรือประมาทร่วมมันมีผลทางคดียังไง ที่ทำให้เขาถึงขั้นต้องลุกลี้ลุกลนหรือกลัวขนาดนี้ สังคมจะได้สิ้นสงสัยด้วย

พ.ต.อ.วิรุตม์ : ถ้าเป็นไปตามข้อเท็จจริง คุณแตงโมไปปัสสาวะแล้วพลัดตกเรือไปโดยไม่มีใครกระทำ แม้แต่แซนไม่ได้ปัดเท้าออกไปโดยความประมาทก็ไม่น่าจะ เพียงแต่มีข้อเท็จจริงว่าคนขับเรือไม่มีใบอนุญาต แล้วอย่าลืมว่าคนขับเรือต้องมีหน้าที่ดูแลให้ผู้โดยสารใส่เสื้อชูชีพและไม่ได้ดูแลตรงนี้

แต๊งค์ : วันนั้นมีพยานแวดล้อมให้การว่ามีการดื่มไวน์ จะมีผลต่อรูปคดีมั้ย

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ต้องดูข้อบังคับในการเดินเรือ ในการออกใบอนุญาต การดื่มไวน์ก็ไม่ได้ผิด แต่ถ้าเมาแล้วขับก็ประมาทแน่นอน ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนเลยว่าใครขับกันแน่

เชียร์ : เชียร์ว่ากระบวนการสืบสวนสอบสวน หรือการทำงานที่มีคำถามเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตรวจร่างกายที่ช้า การกักพยาน วัตถุหลักฐาน หรือแม้กระทั่งการให้คำตอบของตร.เอง หรือการส่งพิสูจน์เมื่อสักครู่นี้ วันนี้ถ้าประชาชนไม่เชื่อมั่น และมีคำถามขนาดนี้ สามารถเปลี่ยนชุดสอบสวนได้มั้ย  ถามเป็นความรู้ว่าทำได้หรือเปล่า

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ถ้าคุณแม่คุณแตงโมร้องขอให้เปลี่ยน ถ้ามีเหตุว่าไม่เชื่อมั่นเพราะอะไรเปลี่ยนได้ อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาเขาสั่งการ

พล.ต.ต.วิชัย : ถ้าจะเปลี่ยนพนักงานสอบสวน น้องอ้างเหตุอะไร หนึ่งไม่แถลง สองเปลี่ยนที่ผ่า มันไม่เป็นมูลเหตุต้องเปลี่ยนพนักงานสอบสวน การเปลี่ยนพนักงานสอบสวน หนึ่งไม่ให้ความเป็นธรรม ทำลายรูปคดี คุณไปรับเงินรับทอง ไม่ไว้ใจ แม่หรือญาติก็สามารถเปลี่ยนพนักงานสอบสวนได้ แต่อันนี้เหมือนเป็นความรู้สึกไง เหมือนความรุ้สึกที่ไม่ตรงเรา เราก็ไปบอกให้เปลี่ยน มันก็ไม่ได้

ท่านเชื่อมั้ยว่าแตงโมไปฉี่จริง?

พล.ต.ต.วิชัย : เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ประกอบกับหลักฐานอะไรต่างๆ ก็น่าเป็นไปได้ ถ้าบาดแผลโดนใบพัด จุดนั้นคือจุดที่ตกใกล้ใบพัดที่สุด หรือตอนฉี่จับขา หลักการเวลาสอบสวน ถ้าแซนบอกมีการจับขา ถ้าฉี่จริง เรือพุ่งกำลังที่จะจับก็ไม่มี จะหงายท้องได้ง่าย ถ้ามีการเมาด้วยจะง่าย การจับ ถ้าจับแบบมีเล็บจะมีแรง เหมือนจับปืน เวลาเราแย่งปืน ออกทางนี้กำลังจะไม่มี นี่คือหลักการ จากพยานก็มีแค่แซนคนเดียว ฉะนั้นบาดแผลต้องไปพิสูจน์  ถ้าบาดแผลมีเลือดซึม แสดงว่าน้องตกตรงนั้นจริงๆ แต่ถ้าบาดแผลที่ไปกองพิสูจน์แล้ว บาดแผลนั้นเลือดไม่ไปซึม ตรงนั้นจะยืนยัน เราต้องเชื่อจากพยานตรงนี้ไว้ก่อน ว่ามีสิทธิ์ไปฉี่ตรงนั้นได้

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ผมว่าเป็นไปได้ ต้องเข้าใจว่าภาวะแบบนั้นไม่ได้เป็นภาวะที่ปกติ แต่เป็นภาวะที่จำเป็น นี่เป็นความเห็น คือผมใช้ข้อมูลเช็กดูว่าคุณแตงโมไปร้านอาหาร หลังทานอาหาร 2 ชม. มาล่องเรือ รวมเกือบ 4 ชั่วโมง ปกติคนปวดปัสสาวะนะ 4 ชั่วโมง โมอาจปวดปัสสาวะขึ้นมา มองว่าอีกไกลกว่าจะไปถึงที่หมาย ก็เป็นได้ไป เจือสมอยู่  ตำแหน่งที่ตก ไม่ใช่ภาวะที่จะเกิดขึ้นหรือทำไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นบอดี้สูทอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นภาวะไม่ปกติ จำเป็น ตรงนี้อาจเป็นสิ่งที่หลายคนปกปิด ไม่อยากพูดถึง แต่สุดท้ายก็กลายเป็นพิรุธไป ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ ยิ่งเห็นแผล ถ้าเกิดจากใบพัดเรือตรงนั้นก็ชัวร์เลย ว่าตกลงไป เพราะถ้าเขาถูกทำร้าย ทำให้ตกข้างเรือ จะไม่โดนใบพัดตรงนี้แน่นอน

เชียร์ : ถ้ากรณีคุณแตงโม ฉี่กับไม่ฉี่ ผลรูปคดีจะต่างกันยังไงคะ

สมมติว่าตัวแซนนั่งอยู่ ถ้าเป็นกรณีแตงโมไปฉี่ เกาะขาสองข้างแล้วนั่งลง หลังจากนั้นปัสสาวะเสร็จ มือแหวกบอดี้สูทด้วย เอามือจับเหมือนเดิม โน้มตัวดึงขึ้นลุกขึ้นมา จังหวะนั้นแซนก็ไหลตัวลงมา จากแรงโน้มถ่วงที่ดึงไป เขาขอหาหลักก่อน จากนั้นแตงโมปล่อยมือไปเกาะหลักอื่นของเรือ แล้วเสียหลักตกลงไป คำถามคือหนึ่งถ้ากรณีมีหลักจับจริงๆ ทำไมแตงโมไม่จับหลักเรือตั้งแต่แรก ทำไมถึงไปจับขา นี่เป็นการตั้งข้อสังเกต ไม่ได้ชี้นำ ถามเพื่อความรู้ สองกรณีที่เป็นไปได้หรือ คนเกาะขาอยู่ พอตัวจะไหลลงมา ทั้งที่รู้ว่าตัวเองเสียหลักกำลังจะไหลลงมา พอแซนบอกว่ากูจะเสียหลัก โมยอมปล่อยมือ ทั้งที่ตัวเองกำลังจะเสียหลัก โมไม่รักชีวิตเหรอ ปล่อยมือไปคว้าตรงอื่น สามด้วยสัญชาตญาณมนุษย์ ถ้าคนเราถูกดึงลงที่ล่าง ไม่ว่าจะระเบียง ดาดฟ้า เรือ หรือตรงส่วนไหนก็ตามแต่ คนโน้มตัวลงไป การกระตุกของขา ชักขากลับทันที เป็นไปได้มั้ย โมอาจหลุดแล้วตกแล้วตกลงไป ถ้าเป็นแบบนี้คดีเป็นไง?

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  การไปจับขาแซนแล้วเสียหลักกันไป ต้องดูว่าหมิ่นเหม่เรื่องความประมาทของแซนด้วยหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ยังไม่มีใครพูดถึง ต้องให้เขาเอามาวิเคราะห์ว่าการทำแบบนี้ประมาทมั้ย ขณะที่คนขับเรือ แซนกระทำแบบนี้ประมาทมั้ย แต่ปัญหาคือตอนนี้ข้อเท็จจริงไม่นิ่ง ก็ไปเรื่องฆาตกรรม วางแผน ต้องนิ่งตรงนี้เสียก่อน

แต๊งค์ : เมื่อไหร่จะนิ่งครับ

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ต้องรอสรุปสำนวน ต้องรอรายงานผลการชันสูตร พฤติการณ์ที่ตาย แล้วใครเกี่ยวข้อง ขณะนี้บางคนเชื่อว่าไม่ใช่คุณแซนคนเดียว มีคนเกี่ยวข้องและไม่ได้ตกตรงนี้ ก็แล้วแต่

แต๊งค์ : อีกนานมั้ยจากวันเกิดเหตุถึงตอนนี้นานมาก อาทิตย์นึงแล้ว

พล.ต.ต.วิชัย : เราพบศพ 26 ตร.ทำการสืบสวนหลังได้ศพ 5 วัน ห้าวันถามว่าช้ามั้ย ผมว่าไวมาก

แต๊งค์ : ผมว่าช้าครับ (หัวเราะ) เพราะโมหายตั้งแต่วันที่ 24 นะครับ

พล.ต.ต.วิชัย : ไม่ใช่ๆ ผมพูดตามหลักการนะ อย่าเอาความรู้สึก คือเขาทำงานเท่ากับ 5 วัน เผลอๆ ตร.สอบสวนไปหมดแล้ว เพียงอย่างเดียว รอนิติวิทยาศาสตร์ เผลอๆ นิติวิทยาศาสตร์มา สรุปสำนวนได้เลย เราอย่าเพิ่งไปคิดว่าเขาไม่แถลงแล้วช้า ไม่ใช่ เราไม่รู้เลยว่าตร.เขาทำอะไรไปบ้าง

แต๊งค์ : ก็เพราะไม่รู้นี่ไงครับ ถึงเป็นปัญหา

พล.ต.ต.วิชัย : ตร.เขาแถลงทุกวัน แต่อย่าเอาคำว่า แถลงไม่แถลงแล้วมาเป็นประเด็น ผมเห็นด้วยกับวิรุตม์ ว่าถ้าเกิดวันนั้นแซนกระตุกขา อันนี้ยังเป็นประเด็นอุบัติเหตุมีเงื่อนงำ เท่ากับสลัดขา น้องโมอาจเสียหลักตกไปได้ ตรงนี้ต้องสอบสวน ที่บอกหาหลักตรงนั้นไม่มีหลักให้ยึด แต่เวลาคำพูดคนก็อาจพูดได้ว่าหาหลักยึดก่อน แต่มาวิเคราะห์ดีกว่า เขาสลัดขาทำให้น้องโมตกหรือเปล่า อย่างนี้น่ามีเงื่อนงำ ก็เป็นไปได้

ถ้าเราใช้คำว่าสัญชาตญาญมนุษย์ มันดึงขากลับแน่นอน เอาตัวรอด?

พล.ต.ต.วิชัย : เขาจะไหล เขาเลยเอาตัวรอด ก็เป็นไปได้เลย

มองว่าเป็นเหตุสุดวิสัยมั้ย หรือเป็นความผิดหรือเปล่า หรือประเด็นสัญชาตญาณ อาจไม่เป็นคดีหรือเปล่า?

พล.ต.ต.วิชัย : เรื่องนี้ศาลเป็นคนตัดสิน แต่เราวิเคราะห์ได้ว่ามีความเป็นไปได้มั้ย อย่าไปสรุปว่าผิดไม่ผิด แต่อย่างนี้เป็นไปได้ เป็นไปได้ อย่างแซนสลัดขา น้องโมก็ตกลงก็ไปได้

แต๊งค์ : ตอนนี้เราไปมุ่งประเด็นตรงนี้ ซึ่งข้อมูลมาจากปากแซนคนเดียวเลย เอาจริงๆ ถ้าแซนเขาโกหกล่ะ ที่นั่งวิเคราะห์นี่จบเลยนะ

หรือแซนอาจโกหกคนทั้งสี่คนบนเรือด้วย เป็นไปได้มั้ย?

พล.ต.ต.วิชัย : คนโกหกหรือพูดไม่จริงได้ แต่สิ่งที่คุณแซนพูดไม่จริงโกหก เดี๋ยวคำพูดจะวกกลับมาจากพยานหลักฐาน เพราะแซนจะผิดเลย เชื่อมั้ยว่า 5 คน ไม่มีใครตัวแทนใครคนใดคนหนึ่งที่จะมารับผิด ทุกคนเอาตัวรอดหมด ดังนั้นหนักสุดคือแซนต้องให้การ ถ้าให้การไม่ตรงกับพยานหลักฐานที่ได้ หรือจากการวิเคราะห์ คุณก็โดน เพราะมันประมาทอยู่แล้ว อยู่ที่ประมาทของใครเท่านั้น

เรียกว่ามีเงื่อนงำได้มั้ย เขากลัวกับเหตุที่เกิดขึ้น มันอาจมีอะไรมาถึงตัวมั้ย มันเลยมีพิรุธในการพูดไม่หมด พูดไม่ครบ ทำให้เป็นประเด็นสังคมเกิดขึ้น ทุกสิ่งเลยกลับตาลปัตรไปหมด มีโอกาสมั้ย?

พล.ต.ต.วิชัย : อุบัติเหตุ หรือประมาท มีเงื่อนงำ พวกคุณให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ตรงนี้เป็นหน้าที่ตร.ที่จะสอบ ผมก็เชื่อตามพี่หนุ่มว่าคดีนี้อาจเป็นอุบัติเหตุมีเงื่อนงำ แต่ตร.เขาจะสอบได้ เพราะเราไม่รู้ตร.สอบยังไง

สมมติอีกมุมนึง ตั้งข้อสงสัย สมมติว่ามีกรณีที่ใครคนนึงบนเรือ ต้องการไปแต๊ะอั๋ง จับ ลวนลาม แล้วโมเขาสะบัดตัว แล้วหลุดลงไป เป็นเหตุฆาตกรรมมั้ย?

พล.ต.ต.วิชัย : ไม่ถึงฆาตกรรม เป็นประมาท หรือการไปบีบเขา เค้นเขา แล้วเขาตกลงไปถึงแก่ความตาย ก็ถือว่าทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ถึงแก่ความตาย หนักกว่าประมาทอีก

เชียร์ : ข้อต่างระหว่างพี่โมไปฉี่จริงกับข้อต่างของเหตุที่เราสรุปกันขึ้นมา ผลสรุปจะต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถูกมั้ยคะ

พล.ต.ต.วิชัย : ต่างสิ แต่ประมาทเหมือนกัน

แต๊งค์ : ประมาทหนึ่งกับประมาทสองต่างกันยังไง

พล.ต.ต.วิชัย : คนขับเรือประมาทแน่ สองน้องโมตกเองหรือไม่ ตกเองก็ถือเป็นประมาทด้วย สามถ้าแซน ไปสลัดขา น้องแซนอาจเป็นผู้เกี่ยวข้องด้วย ส่วนศาลจะตัดสินยังไงก็แล้วแต่ อีกอันคือแต๊ะอั๋ง คนขับเรือประมาทตามกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าแต๊ะอั๋งแล้วแตงโมสลัด คนแต๊ะอั๋งผิดข้อหาอนาจาร สองถ้าเกิดเขาผลักตอนแต๊ะอั๋งหรือมีบีบมีอะไร ก็เป็นการทำร้ายร่างกาย น้องแตงโมพลัดตกไป ก็เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายได้

เชียร์ : กรณีขับเรือไม่คล่อง สมมติขับกระชากมีคนตกเรือ อันนี้ใครผิดคะ

พล.ต.ต.วิชัย : อันนี้ประมาท คนขับเรือผิด

แต๊งค์ : เขาไม่มีใบอนุญาตอยู่แล้ว ขับเป็นหรือไม่เป็นก็ต้องวัดกันว่ามีใบอนุญาตหรือเปล่า

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  พูดตรงๆ เรื่องนี้ก็ยังมสีปัญหาเรื่องประมาทต้องใกล้ชิดเหตุของการตกเรือ การไม่มีใบอนุญาตขับเรือก็ดี การไม่ดูแลให้สวมเสื้อชูชีพก็ดี ทำให้เป็นประเด็นตกหรือไม่ ข้อสุดท้ายข้อหาที่แจ้ง เขารับสารภาพมั้ยว่าประมาท การไม่มีใบอนุญาตก็เรื่องนึง การไม่ดูแลให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพ  ถ้าสู้กันจริงๆ ก็เป็นประเด็นปัญหาเหมือนกัน

พล.ต.ต.วิชัย : มันมีกฎหมายบังคับอยู่แล้ว ถ้าไม่มีใบขับขี่ ไม่เคยเรียนมา ก็แสดงว่าประมาทตั้งแต่ต้น

แต๊งค์ : กระติกคุยกับผมวันที่ 2 ของการค้นหา กระติกโทรมาเคลียร์กับผม เขามีการพูดถึงว่าทำไมเขาถึงออกมาช้า ไปหาทนายก่อน เขาพูดว่าเขากลัว เขาตกใจ กลัวผลกระทบเรื่องกฎหมาย ผมอยากถามว่าการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษหนักหนาแค่ไหน ทำไมถึงทำให้คนบนเรือวิ่งหนีตาย วิ่งหนีนักข่าว ปิดข่าวขนาดนี้

พล.ต.ต.วิชัย : จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  คือทุกคนพยายามหลบจากความผิดเรื่องประมาท ถ้าไม่มีเรื่องวางแผนฆาตกรรมอย่างที่มโนกันอยู่

แต๊งค์ : พูดตรงๆ จะโยนให้น้องแตงโมเป็นคนผิดคนเดียวว่าไปฉี่

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ถ้าไปปัสสาวะแล้วเป็นเหตุสุดวิสัย เป็นอุบัติเหตุ อุบัติเหตุมีสองอย่าง อุบัติเหตุที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย กับอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของคนใดคนหนึ่ง กรณีนี้ แซนประมาทหรือไม่ ในการยื้อหรือจับไว้ไม่มั่นคงอะไรก็แล้วแต่ตรงนั้นก็เป็นประเด็น แต่ว่าต้องไปตั้งความประมาทกับคนขับเรือที่ไม่มีใบอนุญาตและไม่ดูแลให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพ

เอาคำถามประชาชนที่สงสัยมาถามแทน มีโอกาสมั้ยไม่ว่าจะไทม์ไลน์ รูปภาพ สถานที่ เป็นไปได้มั้ย อาจมีใครคนใดคนนึง ทำลายพยานแวดล้อมเหล่านี้ได้?

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  เรื่องนี้ที่ดูมีเงื่อนงำ ไม่ใช่เงื่อนงำที่พยายามปกปิดว่ามีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำร้าย ฆาตกรรม ผมว่าไม่น่าใช่ แต่ปกปิดในวัตถุประสงค์ของการไป อาจไม่อยากให้ใครมาขุดคุ้ยว่าติดต่อให้ลงเรือทำไม ซึ่งอาจมีผลกระทบกับเขาในทางสังคม ซึ่งไม่เกี่ยวกับประเด็นทางกฎหมายโดยตรง ทำให้การพูดจาดูหลบนักข่าว ไม่ให้ข้อมูล เป็นเรื่องนี้มากกว่า เรียนตรงๆ ถ้าสมมติกระติกเขาต้องการให้น้องโมไปเจอผู้ชายสักคน ถ้าทั่วๆ ไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่อาจถูกมองไม่ดี ว่าเป็นธุระอะไรที่ทำแบบนี้หรือไม่ เขาเลยพยายามไม่พูดถึงจุดนี้ ก็เลยก่อให้เกิดข้อสงสัย แต่ไม่ได้เกี่ยวกับความตายโดยตรง

พล.ต.ต.วิชัย : ข้อมูลตรงนั้นเป็นข้อมูลความรู้สึก เป็นกระแสโซเชียล อีกอย่างข้อมูลบางข้อมูล ไทม์ไลน์จะแก้ยังไง ทุกอย่างสามารถตรวจค้นสืบค้นแวดล้อมต่างๆได้ แต่อันนั้นจะทำให้คุณมีพิรุธ ตร.ก็ฟัง แต่เขาจะเน้นเรื่องหลักฐานมากกว่า

เชียร์ : เรือที่เอาไปจำลองเหตุการณ์ กับเรือวันเกิดเหตุ ลำเดียวกันมั้ยคะ มันทำให้ประชาชนสงสัยว่ายิ่งลำเดียวกัน การคุ้มครองวัตถุพยานยิ่งต้องสำคัญหรือเปล่า

พล.ต.ต.วิชัย : เขาเก็บมาแล้ว

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  เขาอาจถือว่าตรวจแล้ว เลยเอาไปจำลอง

เชียร์ : เชียร์พูดตามสิ่งที่เราสงสัยเลยนะ ใบพัดเดียวกันหรือเปล่าก็ไม่รู้

พล.ต.ต.วิชัย : เวลาเกิดเหตุ เขาเก็บพยานหลักฐานไว้หมดแล้ว เหมือนรถชน พอพฐ.เก็บแล้ว เขาก็คืนรถให้เราได้ เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าถ้าน้องสงสัยดีที่สุดคือคุณเก็บครบหรือเปล่า

แต๊งค์ : พฐ. ไปลงเก็บหลังเกิดเหตุผ่านไป 30 กว่าชม.มั้ย

พล.ต.ต.วิชัย : หาหลักฐานได้

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  เรื่องนี้ถ้าไปเก็บพยานหลักฐานตั้งแต่แรกว่าเขาไปปัสสาวะ อย่างน้อยมีดีเอ็นเอ แล้วมันจะยืนยันได้ และจบเลย มีข้อสังเกตอยู่ เมื่อวานไปจำลองกัน เรือที่ไปมีเสียงดังนะ แต่ตอนไปจำลองไม่ได้เปิดเครื่องเสียง ก็อาจมีสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกันไป

เชียร์ : ปกติแล้วพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ การตรวจร่างกายควรต้องตรวจทันทีมั้ย เพราะผ่านมาหลายวันมาก แล้วไม่ใช่สิ่งที่ตร.ออกมาให้ข้อมูลด้วย แต่เป็นคนอื่นเห็นตอนเปลี่ยนเสื้อ แล้วมีบาดแผล

เชียร์กำลังจะบอกว่าทำไมไม่ตรวจตั้งแต่แรก?

แต๊งค์ : ตร.บอกว่ามีการตรวจแล้วเบื้องต้น เบื้องต้นคืออะไร

พล.ต.ต.วิชัย : ตรวจครั้งแรกคือตรวจเบื้องต้น เขาดูทุกอย่าง ผมเป็นพนักงานสอบสวน คดีอย่างนี้เขาตรวจอะไรบ้าง อันแรกแน่นอนเลือด ว่าคุณเมามั้ย เสพยามั้ย สองเขาตรวจร่างกายคุณ เพราะกลัวเป็นฆาตกรรม จะเอาเสื้อมาว่ามีเลือดติดมั้ย ตรวจมือเพื่อหาว่าคราบเลือดติดมั้ย เขาก็บันทึกได้ว่ามีรอยข่วน แล้วให้นิติวิทยาศาสตร์ดูว่ารอยข่วนเข้าได้มั้ย สมมติผมลวนลามน้องเชียร์ น้องเชียร์จะข่วนผมตรงไหนบ้าง รอยข่วนต้องลงมั้ย เวลาเขาตรวจต้องตรวจตรงนี้เพื่อเปรียบเทียบ

แต๊งค์ : อันนี้คนละประเด็นกัน ประเด็นคือผมดูตามข่าว ตร.บอกว่าตรวจเบื้องต้นไม่พบมีบาดแผลหรือมีอะไรที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งมีนักข่าวมาเจอ แล้วมุมมองของผมเองมันโป๊ะตรงที่ตร.มาเรียกเขาไปสอบสวนเพิ่ม เหมือนพอนักข่าวเจอว่ามีแผล ก็เรียกมาใหม่อีก

ถือว่าพลาดมั้ย?

พล.ต.ต.วิชัย : ก็ถือว่าตรวจสอบไม่ละเอียด เก็บหลักฐานไม่ครบ มันอาจทำให้คดี….

พลิกได้?

เชียร์ : นี่ไง มันเลยทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในกระบวนการสอบสวน

พล.ต.ต.วิชัย : ผมคิดเหมือนหลายท่านว่าตร.เองต้องรู้ว่าที่สังคมเกิดแคลงใจ เพราะตร.ทำให้สังคมไม่ไว้ใจ ที่ผ่านมา เมื่อเวลาเกิดคดีอะไร ทุกคนต้องว่าตร. เชื่อเหมือนกัน ผมก็ยังพูดในใจว่าคุณทำไม่ถูกต้อง ทำให้สังคมเขาไม่ไว้ใจ เราถึงได้ตั้งคำถาม แต่ถ้าจะมาด่าตร. ตร.เขาก็ทำการหลักการ หรือข้อกฎหมาย หรือระเบียบของเขา น้องพูดถูกว่าเก็บไม่ละเอียด ทำไมถึงเก็บไม่ละเอียด แต่บาดแผลที่ร่างกาย เวลามีเหตุ มันดูได้สามลักษณะ หนึ่งรูปร่างบาดแผล สองระยะเวลาของบาดแผล ว่าเขียว ช้ำ สามบาดแผลนั้นไปเข้ากับคำให้การ หรือขัดแย้งกับคำให้การ หรือวัตถุอะไรต่างๆ หรือไม่

เชียร์ : กับการเจอบาดแผล แล้วให้ลบ หรือฟอร์แมตไปเลย มุมมองท่านคิดว่าเรื่องนี้มีข้อน่าสังเกตอะไรบ้าง

พล.ต.ต.วิชัย : พูดว่าคนนั้นใช้ไม่ได้ ถ้าผมเป็นคนๆ นั้นก็จะบอกว่ามีบาดแผลให้ตรวจค้นเลย เราบังคับจิตใจเขาไม่ได้ แต่ตร.ต้องมีพิรุธแล้ว ทำไมถึงไม่บอก ความรู้สึกกับผมมันคนละอย่าง แต่ถ้าเป็นพวกเรา เราก็ต้องบอก แต่วิสัยคนเราไปบังคับเขาไม่ได้

เชียร์ : มุมมองผู้เชี่ยวชาญ มองเรื่องนี้ยังไง

พล.ต.ต.วิชัย : ก็ถือว่าใช้ไม่ได้

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ไม่ควรทำ

แต๊งค์ : เขากลับมาพูดกับน้องนักข่าวชื่อตามว่าขอลบ ถ้าไม่มีงานทำ ไม่มีข่าว เดี๋ยวพี่หางานให้ โอ้โห กร่างมากนะ

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ทั้งปวง เกิดจากผู้เกี่ยวข้อง พยานที่อยู่ในเหตุการณ์พูดจาแบบมีเงื่อนงำ อาจไม่ใช่เรื่องฆาตกรรม มีเงื่อนงำเรื่องการไป การตก เรื่องปัสสาวะอะไรต่างๆ พยายามไม่พูดถึง อาจเป็นเรื่องสังคม ความรู้สึก การทำมาหากินของเขาในอนาคต กับใครขับกันแน่ ตอนแรกนายปอขับ แต่ขณะเกิดเหตุเป็นนายเบิร์ต ซึ่งนายเบิร์ตก็ไม่ได้เป็นขับเรือแต่แรกประสาอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาแหละคงแบ่งกันขับ

แต๊งค์ : มีสิทธิ์ติดคุกมั้ย คนผิดจะได้รับโทษมั้ย

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ถ้าประมาท ตามข้อหาที่ตั้งขณะนี้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะโดน ถ้าเขาสู้นะ ยกเว้นเขารับสารภาพก็อีกเรื่องนึง

เชียร์ : การขอขมามีผลมั้ย

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  คนละประเด็นกันนะ เขาขอโทษ เสียใจ แต่เขารับมั้ยว่ากระทำประมาท อีกเงื่อนงำนึงคือตร. ไม่พูดจาให้สังคมได้เข้าใจได้กระจ่าง เอะอะเป็นความลับในสำนวน จริงๆ ตร.ที่รับผิดชอบต้องมานั่งตรงนี้นะ มาชี้แจงเท่าที่ชี้แจงได้ ควรจะเลิกซะที ที่บอกว่าเป็นความลับในสำนวน เป็นผม ผมมานั่งเลย

คนอยากฟังคำนี้ ว่าอยากให้ตร.ทำคดีมาตอบคำสงสัยของประชาชน?

พล.ต.ต.วิชัย : ผมเห็นด้วยว่าเขาต้องมาตอบ แต่เขาต้องตอบตามที่เขากำหนด

ตอนนี้สังคมบอกข้อมูลกระจายเยอะมาก ทุกอย่างจะจบคือตร.ต้องแถลง ชี้แจงข้อเท็จจริง สังคมจะได้กลับมาที่เดิม พี่แต้มมองอย่างนี้มั้ย?

พล.ต.ต.วิชัย : ตร.อย่างที่ท่านนายกฯ พูด ตร.ต้องเร่งรัดคดีให้โดยเร็ว แน่นอน สองต้องเร่งรัดในการแถลงให้ประชาชนทราบ ว่าคุณได้ทำงานไปถึงไหนอย่างไรบ้าง สังคมเขาจะได้รู้ แต่ทุกวันนี้สังคมด่าคุณเพราะคุณไม่แถลง ไม่ชี้แจง คุณไม่ต้องเอาเนื้อสำนวนแต่คุณต้องแถลงขั้นตอนการทำ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทุกวันนี้เขาแถลงไปถึงไหนแล้ว แต่ถ้าจะมาจี้ว่าทำไมไม่พูดแบบนั้น มันพูดไม่ได้ แต่ต้องมาพูดว่าวันนี้สอบพยานไป 5 ปาก ไปทำงี้แล้ว ผลมาแบบนี้ ผมชันสูตรมาแล้ว 1 2 3 ถ้าทำทุกวัน หรือตั้งโต๊ะแถลงก็ได้ ได้หลักฐาน 1 2 3 ได้สอบสวน 1 2 3 แบบนี้ทำได้ กฎหมายไม่ได้ห้าม แต่กฎหมายห้ามว่า ผมไปสอบคุณแต๊งค์ คุณแต๊งพูด 1 2 3 อย่างนี้จะไม่ได้ แต่กระบวนการได้ แต่ไปเอาเนื้อสำนวนไม่ได้ เพราะต่อไปต้องขึ้นศาล ต้องต่อสู้กันที่ศาล คุณเอาข้อมูลมาเปิดเผยก็ผิด แต่ขั้นตอนแถลงการสอบสวน สืบสวน ทำได้ แล้วควรมาแถลง เอาแค่นั้นแหละ

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  สังเกตมั้ยหลายคดีตร.ก็จ๋อยๆ เขาก็แถลงอย่างที่เขาอยากแถลง

เชียร์ : งั้นคดีนี้ถือว่าปฏิวัติการทำงานของตร.เลยมั้ย

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ควรทำให้เป็นแบบนั้นเลย คนตกน้ำตายหรืออุบัติเหตุคนเสียชีวิตต้องทำให้ละเอียดแบบนี้ด้วยนะ

แต๊งค์ : มันเป็นคดีตัวอย่างด้วย มันมีเรื่องความเหลื่อมล้ำของชนชั้นด้วย เพราะมันรวบรวมอยู่ในคดีนี้คดีเดียวเลย เป็นคนที่เป็นที่รักของสังคมประสบเหตุ และคู่กรณีคือคนมีเงิน

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  อีกเรื่องนึงนะปัญหาความไม่เชื่อมั่น ปัญหาความเหลื่อมล้ำ บางส่วนก็ไม่มีคำตอบ อย่างเช่นการเปลี่ยนที่ชันสูตรศพ ทำไมถึงเอาไปรพ.ตร. รพ.ตร.สั่งได้หรือยังไง

แต๊งค์ : ตร.ก็พูดอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ในสำนวนบ้าง

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ต้องให้ผู้รับผิดชอบตอบ

เชียร์ : จริงๆ คำถามที่เชียร์ถามเกี่ยวกับปฏิวัติวงการตร.เลยมั้ย แม้แต่เราคุยเรื่องกรณีพี่แตงโม แต่ในโซเชียลเขาบอกว่าเขาไม่ได้มาเกาะกระแส แต่บางคดีที่เกิดกับครอบครัวเขา มันไม่คืบหน้าเลย มันเลยทำให้มีคำถามเยอะไปหมด ว่ากระบวนการที่แท้จริงแล้ว ตร.รวดเร็วมั้ย ตร.ละเอียดมั้ย ตร.ให้คำตอบที่ชัดเจนกับประชาชนได้มั้ย

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ผมว่าเบื้องต้น ตร.ไม่ได้ให้ความสนใจมากเท่าขณะนี้ แต่พอเห็นสังคมสนใจมาก เป็นเรื่องไฮโซกลุ่มนึงกับน้องแตงโม ก็เลยรุมมาให้ความสนใจ ทำโน่นทำนี่ทีหลัง คนถึงบอกว่าทำไมไม่ทำแต่แรก เพราะตอนแรกอยู่ในมือพนักงานสอบสวนก๊องแก๊งๆ อยู่ไม่กี่คนนะ ในข้อเท็จจริง (หัวเราะ)

มุมแต๊งค์กับเชียร์อยากให้รีบแถลง ไม่งั้นจะมีประเด็นใหม่เกิดขึ้นมา อยากให้พูดองค์รวม พี่แต้มบอกว่าเป็นไปตามกระบวนการ?

พล.ต.ต.วิชัย : บางเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคดี เขาก็อาจไม่มาแถลง อย่างภาพพระราม 8 ตร.เขาต้องมาแถลงมั้ย ไม่จำเป็นเลยนะ หนุ่มแถลงได้เลย สามารถหาพยานหลักฐานมาเปิดได้เลย ไม่เกี่ยวกับคดี แต่ถ้าตร.สนใจก็หาหลักฐานได้เพื่อให้เห็นว่าตอนนั้นเรืออยู่ตรงไหนยังไง ตร.ทำได้ แต่ถามว่าตร.ต้องมาแถลงมั้ยก็ไม่จำเป็นไง อย่างเรือผิดสังเกต คุณก็ไปให้ข้อมูลว่าเป็นเรือเกิดเหตุหรือไม่ แต่ตร.ไม่มาแถลงหรอก

แต๊งค์ : บางเรื่องผมคิดว่ามีความจำเป็นต้องแถลง

พล.ต.ต.วิชัย : ถ้าโซเชียลส่งมาก็ไม่ต้องทำงานหรอก เพราะส่งมาเป็นพันเรื่อง ไปเอาที่หลักฐาน

พ.ต.อ.วิรุตม์ :  ตร.ไม่กลัวแถลงหรอก เขากลัวการซัก การถามแบบเชียร์

เชียร์ : กรณีแบบนี้เจ็บ จ่าย จบหรือเปล่า มันเป็นความสงสัยของประชาชน รวมถึงเราทุกคนค่ะ

พล.ต.ต.วิชัย : กระบวนยุติธรรมมี 3 อย่าง ถ้าตร.ทำไม่ดี อัยการก็ไม่เห็นด้วยนะ สองไปถึงสามศาล ดังนั้นเราต้องเชื่อกระบวนการยุติธรรม ขององค์กรต่างๆ เชื่อไว้ก่อนหลักการ แต่อย่างที่น้องเชียร์พูด เจ็บ จ่าย จบ ถ้าคนมันเลวทำให้กระบวนการเสียหายได้ แต่ถ้าหลักการ มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่อย่างคนไปทำให้กระบวนการเสียหาย ถึงอยากให้ประชาชนเชื่อหลักการหรือองค์กรด้วย เพราะมันมีหลายชั้นในการตรวจสอบ

แต๊งค์ : เป็นคำขอที่ยากพอสมควร (หัวเราะ)

เชียร์ : เป็นความหวังเล็กๆ ของเราแล้วกันค่ะ

พล.ต.ต.วิชัย : พูดตรงๆ เราก็ยังด่าตร. ทำไมไม่ทำ 1 2 3 แต่เราไม่ได้เป็นคนทำเองไง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image