ราวกับเทพนิยาย ‘พระราชินี’ พระราชทานสัมภาษณ์บีบีซี เรื่องราวความรักสองพระองค์

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นคู่พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่พสกนิกรชาวไทยต่างก็ยกย่องและเทิดทูนพระองค์ท่านเป็นแม่ของแผ่นดิน

ซึ่งพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์มีขึ้นในวันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2493 ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ซึ่งในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์

หากย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2521 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระราชทานสัมภาษณ์แก่สถานีโทรทัศน์บีบีซี กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในสารคดีเรื่อง “ขวัญของชาติ” ซึ่งพระองค์พระราชทานสัมภาษณ์ถึง “รักแรกพบ” ที่ประชาชนชาวไทยอ่านแล้วต้องยิ้มตาม ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊ก ArOoy Kw ได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาบันทึกไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว และแบ่งปันให้ชาวไทยได้ซาบซึ้งในความรักอันล้ำค่าของพระองค์

โดยในการสัมภาษณ์ครั้งนั้น มีความตอนหนึ่งว่า

Advertisement

“สำหรับข้าพเจ้า เป็นการ เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ เนื่องเพราะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า จะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงแล้ว เสด็จมาถึง 1 ทุ่ม ช้ากว่านัดหมาย ตั้ง 3 ชั่วโมง ทรงทำให้ข้าพเจ้า ต้องซ้อมถอนสายบัว อยู่จนแล้วจนเล่า จึงเป็นการเกลียดเมื่อแรกพบ มากกว่า รักเมื่อแรกพบ

จากนั้นก็กลายเป็นความรัก ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่า พระองค์ท่าน ทรงรักข้าพเจ้า เพราะเวลานั้น อายุเพิ่งย่าง 15 ปี ตั้งใจไว้ว่า จะเป็นนักเปียโน เป็นนักเปียโนที่แสดงในงานคอนเสิร์ต ตอนพระองค์ท่านประทับที่โรงพยาบาลหลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีพระอาการหนักมาก ตำรวจเขาโทรศัพท์ไปกราบบังคมทูลสมเด็จพระราชชนนี

พระองค์ท่านรีบเสด็จไปทันที แต่แทนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระราชปฏิสันถารกับพระองค์ ท่านกลับทรงหยิบรูปข้าพเจ้าออกมาจากกระเป๋า โดยที่ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า พระองค์ทรงมีรูปของข้าพเจ้าอยู่แล้ว พระองค์ก็ตรัสให้นำ ตัวข้าพเจ้าเข้าเฝ้าฯ พระองค์ทรงรักข้าพเจ้า ตอนนั้น ข้าพเจ้าคิดถึงแต่เรื่องที่ จะอยู่กับคนที่ ข้าพเจ้ารักเท่านั้น ไม่ได้นึกไปไกลถึง หน้าที่ และ ภารกิจ ของพระราชินีเลย ….. ฯลฯ ”

Advertisement

เมื่อ พุทธศักราช 2492 ….

วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2492 รัฐบาลได้แถลงต่อสภาว่า เมื่อต้นเดือนมกราคมนี้ แพทย์ได้ถอดผ้าปิดพระเนตรข้างขวาออก และ ได้ใช้ฉลองพระเนตรสีมัวๆ เพื่อให้ค่อยๆ ชินขึ้นเป็นลำดับ ต่อมาในปลายเดือนจึงใช้ฉลองพระเนตรปกติ ทอดพระเนตรเห็นชัดขึ้น ทรงเล่นดนตรีได้พอสมควร เวลาอากาศดีๆ เสด็จประพาสโดยรถยนต์ หรือ ดำเนินเล่นช้าๆ ได้ ระวังไม่ให้ออกพระกำลังมากเกินไป พระอาการประชวรที่พระเนตร เนิ่นนานมาจนถึงต้นเดือนตุลาคม จึงมีข่าวยืนยันว่า พระเนตรที่มีพระประชวรหายแล้ว และ ทอดพระเนตรได้ทั้งสองข้างด้วย

ข่าวเกี่ยวกับ พระอาการประชวรของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดีขึ้นเรื่อยจนเป็นปกติ ยังความชื่นชมโสมนัส แก่พสกนิกรเป็นที่ยิ่ง และ โดยเฉพาะพระธิดาของท่านทูตนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประสบอุบัติเหตุ และ มีพระอาการรู้สึกพระองค์แล้ว ได้มีพระราชกระแสรับสั่ง ให้โทรเลขขออนุญาต ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร ให้ส่ง ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เข้าเฝ้าฯถวายการอภิบาลรักษา ณ พระตำหนักวิลล่าวัฒนา เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ม.ล.บัว กิติยากร ผู้เป็นพระชนนี ได้นำธิดาทั้งสองเข้าเฝ้า แล้วถวายบังคมกลับกรุงลอนดอน โดยให้ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ประทับอยู่กับสมเด็จพระราชชนนี ที่เมืองโลซานน์ และ ได้ศึกษาต่อที่นั่น นอกจากถวายการอภิบาลรักษาแล้ว เป็นที่ทราบกันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพอพระราชหฤทัยในฝีมือเปียโนของ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร และ ทรงฟังอยู่เสมอๆ หลังจาก เฝ้าถวายอภิบาลจน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระอาการทั่วไปคืนสู่ปกติแล้ว ม.ร.ว.สิริกิติ์ ได้กราบถวายบังคมลา กลับไปพำนักกับพระบิดา ที่ประเทศอังกฤษ

เมื่อ พุทธศักราช 2493 ….. 

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช 2493

ต่อมา ในวันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2493 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส กับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ซึ่งในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส นี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์

คู่พระบารมีในหลวงภูมิพล

ในครั้งที่ในหลวงภูมิพล ท่านได้เสด็จฯไปยังปารีส ท่านก็ได้ทรงโทรศัพท์ถึงสมเด็จพระราชชนนี เพื่อทูลว่าได้เสด็จฯถึงปารีสแล้ว

สมเด็จพระราชชนนีท่านก็ทรงถามถึงธิดาของหม่อมเจ้านักขัตรมงคลว่า “สวยน่ารักไหม”  

ในหลวงภูมิพลท่านก็ทรงทูลตอบทันทีว่า “เห็นแล้ว น่ารักมาก” 

ในขณะนั้นไม่มีผู้ใดทราบถึงความในพระราชหฤทัยของท่าน จนเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น คือวันหนึ่งในเดือนตุลาคม ปี ๒๔๙๑ ในหลวงภูมิพลท่านทรงขับรถพระที่นั่งออกจากเมืองโลซานน์เพื่อไปยังปารีส ได้ทรงประสบอุบัติเหตุรถยนต์พระที่นั่งชนขับรถบรรทุก ได้รับบาดเจ็บพระอาการค่อนข้างสาหัส

ในระหว่างที่ในหลวงภูมิพลท่านทรงประชวร ทางคณะผู้แทนรัฐบาลก็ได้ไปเข้าเฝ้าฯเพื่อเยี่ยมพระอาการ เมื่อพระองค์ท่านทรงทราบว่าในคณะที่มามีหม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ ท่านก็ได้มีกระแสรับสั่งให้หม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ เข้าเฝ้าฯเป็นการพิเศษโดยเฉพาะ

พระองค์ก็ได้มีพระราชกระแสรับสั่งว่า “พระองค์ได้ทรงรักหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร อย่างแน่นอน” 

เหตุผลเพราะว่า “เมื่อทรงฟื้นคืนพระสติครั้งแรกนั้น ก็ทรงระลึกถึงบุคคลเพียงสองคนคือ สมเด็จพระราชชนนี และ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์” ซึ่งแสดงถึงความจริงที่สถิตอยู่ในพระราชหฤทัย

ส่วนความในพระราชหฤทัยของพระราชินีเอง พระองค์ท่านก็เคยเล่าไว้ว่า “…ตอนที่ในหลวงภูมิพลท่านประทับอยู่ที่โรงพยาบาลหลังที่ประสบอุบัติเหตุ ซึ่งพระอาการค่อนข้างหนัก ทางตำรวจเค้าก็ได้โทรศัพท์มากราบบังคับทูลสมเด็จพระราชชนนี สมเด็จพระราชชนนี ท่านก็ทรงรีบเสด็จไปยังโรงพยาบาลทันที…แต่แทนที่ในหลวงภูมิพลท่านจะมีพระราชปฎิสันถารกับสมเด็จพระราชชนนี ท่านกลับทรงหยิบรูปของพระองค์ออกมาจากกระเป๋า โดยที่พระองค์เองก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่าในหลวงภูมิพลท่านจะทรงมีรูปของพระองค์อยู่…”  

จากนั้นในหลวงภูมิพลท่านก็ได้ทรงตรัสให้นำตัวพระองค์เข้าเฝ้าฯ และ “ในหลวงภูมิพลท่านก็ได้ทรงบอกรักในตอนนั้น”  

หลังจากที่ในหลวงภูมิพลท่านได้ทรงขออนุญาตหม่อมเจ้านักขัตรมงคล บิดาของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ เพื่อขอให้มาเฝ้าถวายการดูแลพระอาการเป็นกรณีพิเศษ โดยให้อยู่ในความดูแลของสมเด็จพระราชชนนี ก็ได้ทำให้ความสัมพันธ์ที่มีมาตั้งแต่เดิม ก็กระชับแน่นยิ่งขึ้นจนกลายเป็นความรัก

ต่อมาภายหลัง หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ก็ทรงย้ายไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ทำให้ในหลวงภูมิพลท่านต้องทรงเดินทางกว่า ๖๐๐ กิโล กว่าที่จะได้ทรงพบกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ในแต่ละครั้ง

จนในวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๙๒ ในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดครบ ๑๗ ปี ของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ณ สถานทูตไทยในกรุงลอนดอน “ในหลวงภูมิพลท่านทรงได้พระราชทานแหวน (ซึ่งเป็นวงเดียวกับที่สมเด็จพระบรมราชชนก เคยประทานให้แก่สมเด็จพระบรมราชชนนีในครั้งอดีต) ให้แก่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์”

และได้มีพระราชกระแสรับสั่งในขณะที่ทรงมอบว่า “สิ่งนี้เป็นของสำคัญยิ่งและเป็นที่ระลึกด้วย” 

อ้างอิงจาก ….. 

– เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์

– บทพระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ

– ภาพข่าวจาก หนังสือพิมพ์ออนไลน์ต่างๆ

 ภาพจากปฏิทินประจำปีฯ ของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย

– คอลัมน์ลัดดาซุบซิบ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๗

– “รักในราชสำนัก” โดย พิมาน แจ่มจรัส จัดพิมพ์โดยบริษัท สร้างสรรค์บุ๊กส์ จำกัด ๒๕๒๔ “ทำเป็นธรรม” โดย ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา”

 

และนี่คือคลิปการสัมภาษณ์ของพระองค์ในครั้งนั้น

 

ขอบคุณข้อมูลจาก ArOoy Kw

ขอบคุณคลิปจาก kwankao Lunla

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image