ลูกสาวสรพงศ์ เล่าช่วงเวลาสุดท้ายลาคุณพ่อ เผยพระเอกดังแข็งแรง กำลังใจดีมาตลอด

ลูกสาวสรพงศ์ เล่าช่วงเวลาสุดท้ายลาคุณพ่อ เผยพระเอกดังแข็งแรง กำลังใจดีมาตลอด

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาส ได้จัดพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และสวดพระอภิธรรม นายกรีพงศ์ เทียมเศวต หรือสรพงศ์ ชาตรี ศิลปินแห่งชาติ และนักแสดงเจ้าบทบาทที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดในวัย 73 ปี วานนี้ โดยมีเหล่าคนบันเทิงเดินทางมาร่วมงาน

โย-ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา อดีตภรรยา และขวัญ-พิมพ์อัปสร เทียมเศวต ลูกสาว ได้ให้สัมภาษณ์เปิดความในใจ

โดยพิมพ์อัปสรกล่าวว่า รู้ว่าป่วยมาพักใหญ่ โดยคุณพ่อมีประสงค์ว่าไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง คุณพ่อแข็งแรงมากๆ ก็คิดว่าเดี๋ยวรักษา แข็งแรงเหมือนเดิมก็กลับมา ช่วงแรกๆ ไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะเป็นช่วงที่ไม่ได้เป็นอะไรเยอะ หลังๆ ได้ร่วมงานกับคุณพ่อเยอะ คือทุกครั้งที่ไปที่กอง พ่อจะหกสูง แข็งแรงมากๆ ในอายุประมาณนี้ ก็คิดว่าเดี๋ยวเขาก็หาย แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นอะไรกันแน่ แล้วก็เป็นช่วงโควิด

ต่อมาตอนอาการเยอะขึ้น จากที่ตอนแรกเราเหมือนว่าป่วยนิดๆ หน่อยๆ ก็เริ่มช้าลง เริ่มไม่ได้เดินเหินได้สะดวกเหมือนเดิม พักใหญ่ แต่เป็นช่วงโควิด จึงไม่อยากบอกใครให้เขามาเยี่ยม

Advertisement

“พ่อกำลังใจดีตลอด คือพ่อเป็นคนแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ กำลังใจดีตลอด แม้กระทั่งเมื่อวานก็ไปแบบกำลังใจดี ไปแบบยิ้ม”

เมื่อถามว่าได้อยู่ด้วยวินาทีสุดท้ายด้วยไหม พิมพ์อัปสรกล่าวว่า ใช่ ปกติทุกครั้งที่ไป ความดันจะเห็นว่าอยู่ที่ 140-130 ขึ้นๆ ลงๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานคือ ความดันตก ตอนที่เข้าไปประมาณ 70 มันลดกว่าเดิมเยอะ คุณหมอบอกว่าพยายามปั๊ม พยายามช่วยแต่ว่าไม่ขึ้น วินาทีที่เข้าไปจับมือคุณพ่อ ทุกครั้งมือคุณพ่ออุ่น แต่เมื่อวานมือคุณพ่อเย็น เราพยายามบีบให้อุ่นขึ้น เราก็ใจเสีย ทุกคนก็พยายามเอาใจช่วย แต่คุณพ่อก็สู้มาเยอะแล้ว คุณหมอยังบอกเลยว่า ถ้าความดันตกนานขนาดนี้ คุณพ่อยังอยู่ได้เรื่อยๆ จนกระทั่งค่อยๆ ตอนแรกคุณหมอบอกว่ายังคิดว่าจะเสียก่อนเวลาจริง แต่คุณพ่อก็ยังหายใจได้อยู่

“จริงๆ ก็พูดตลอด พูดจนว่าถ้าคุณพ่อไม่ไหวจริงๆ ก็ไม่ต้องห่วงอะไร ทุกคนก็ช่วยกันพูดว่าเราเคารพ ไม่ว่าพ่อจะอยู่หรือไป ก็อยากให้ไปแบบไม่ต้องทรมาน สิ่งที่ทุกคนทำคือพยายามให้เขาไม่ทรมาน เขาจะนิ่ง สงบ เปิดบทสวดไปด้วย ไม่เคยอยู่ในอาการเจ็บ”

Advertisement

“คุณพ่อสู้ตลอด หน้าตาสดใส ทุกครั้งที่ไป เพิ่งมีอาทิตย์ที่แล้วที่ซูบ ทุกครั้งพ่อปกติ เพียงแต่อาจจะมีความเจ็บป่วยในร่างกาย หน้าตา แรง กำลัง แข็งแรงกว่าขวัญด้วยซ้ำ อาทิตย์สุดท้ายเริ่มซูบลงอย่างเห็นได้ชัด เราได้เห็นว่าท่านสู้สุดสุด บางช่วงหมอก็จะให้เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น พ่อแสดงออกให้เห็นว่ารับรู้นะ อาจจะจำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ไม่มีช่วงที่ไม่ได้รับรู้”

ด้านทัศน์วรรณกล่าวว่า ไม่ได้ไปเยี่ยมเลย ตอนแรกจะไปรับยายชั้นมาอยู่บ้านเพื่อไปเยี่ยม ก็นัดกันว่าจะไปรับตอนเช้าของอีกวัน ก็ว่าจะรับแล้วตีรถไปรับ ก็เสียไปตอนบ่าย พอคุณป้ารู้เรื่องก็โทรถาม เขาบอกอยากจะมาเลย มืดแล้ว ก็ตีรถไปรับกลับมาอยู่ที่บ้านเลย ก็เป็นห่วงคุณยายชั้นมาก เพราะพี่ชั้นเป็นผู้หญิงคนเดียวในพี่น้อง รับรู้ สูญเสียมาตลอด จนพ่อ แม่ พี่ชาย และน้องชายอีกแล้ว แล้วก็เพิ่งผ่าหัวใจไปไม่นาน ก็เป็นห่วง กลัวเป็นลมไป ก็ถามตลอดเวลาว่าไหวไหม วินาทีที่แบกโลงมาก็ต้องถามว่าไหวไหม เตรียมยาไว้ให้ ตอนที่เอาร่างเข้ามาก็ถามว่าอยากเห็นไหม แกก็อยากเห็น พี่ชั้นรักครอบครัวมากจริงๆ

ถามว่าก่อนหน้านี้เคยเดินทางไปหายายชั้นบ่อยๆ ไหม ขวัญกล่าวว่า ไปบ่อยๆ ยายชั้นเป็นคนเลี้ยงขวัญมา บ้านที่เป็นของครอบครัวตั้งแต่เด็ก ปู่ ย่า คุณพ่อ พี่น้อง ทุกปิดเทอมก็จะไปอยู่บ้านนั้น คุณป้ากับคุณย่าก็ช่วยเลี้ยงขวัญมา ดูแลกันมาตลอด

เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างขวัญกับคุณพ่อนั้น พิมพ์อัปสรกล่าวว่า บางครั้งก็มีไม่ได้เจอกัน บางช่วงเจอกันน้อย บางช่วงเจอกันมาก เราสนิทกับป้า หลานๆ บ้านพ่อทุกคน สนิทกันมาก โตมาด้วยกัน ตอนเป็นผู้จัด คุณพ่อก็มาเล่นให้ตลอด พ่อพยายามทำให้ บางทีบทมันยาก อย่างแม่อายสะอื้น ที่บอกให้พ่อเรียนภาษาเหนือ ไปรำกลองสะบัดชัย ต้องตาบอดด้วย พ่อก็ถามว่าต้องทำทุกอย่างพร้อมกันเหรอ พ่อ 60 แล้วนะ เขาก็ทำให้สุดพลัง เขาแข็งแรง ดูแลสุขภาพยิ่งกว่าเรา ไม่เคยคิดเลย ขวัญคิดว่าพ่อจะอยู่กับเรา 80 กว่า ไม่คิดว่าคนที่แข็งแรงกว่านี้ อารมณ์ดี ไม่สูบบุหรี่ กินเหล้า อายุเท่าคุณปู่ตอนเสีย

“สมมุติว่าบางทีเราบังคับแบบอ้อนเขาได้มากกว่า แต่พ่อ เราอ้อนเขา เรารู้ว่าจะทำอย่างไรที่เขาทำให้ หรือบางทีที่คุยกับเด็กรุ่นใหม่เพลิน เขาคุยสนุก ทุกคนก็รักเขา นอกนั้น คุณพ่อทำงานมืออาชีพ เขาบอกเราเสมอว่ามืออาชีพ หรือว่ามีลูกค้าติดต่อมา บอกเขา พ่อก็จะถามว่าของดีจริงหรือเปล่า คนเชื่อพ่อเยอะ”

ถามว่าคุณพ่อได้สอนอะไรให้กับลูกบ้าง พิมพ์อัปสรตอบว่า พ่อไม่ค่อยสอนในวงการเยอะ เพราะว่าขวัญอยู่กับคุณแม่ แต่อย่างรีวิวงานก็จะบอกว่าต้องลองดูก่อน ต้องดีจริง พ่อเป็นศิลปินแห่งชาตินะ คุณธรรม ให้เกียรติอาชีพ รักในอาชีพ พวกนี้เยอะมาก

ด้านทัศน์วรรณกล่าวว่า หากบทเรื่องธรรมะ หากคนเขียนบทมาผิด เขาแก้เลย เขาจะบอกเราเลยว่าไม่ใช่ เราก็แล้วแต่คุณพ่อเลย เขาก็ช่วยเราหลายๆ เรื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดอย่างไร เกิดมาเป็นลูกสรพงศ์ พิมพ์อัปสรกล่าวว่า เด็กๆ คิดแค่ว่าต้องไม่ทำให้พ่อแม่เสียชื่อ มีแต่ลูกคนนี้ทำแบบนี้ เราก็จะรู้หน้าที่ ไม่รู้ว่ากดดัน และไม่ฝืนที่ต้องเป็นเด็กดี เพราะว่าพ่อแม่ไม่เคยมาบอก แต่ทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง เลยไม่รู้สึกว่ายาก กดดันใดๆ เลย คือสิ่งที่ควรจะทำ เราทำเป็นปกติ

“ภูมิใจมากๆ ที่ได้เกิดมาเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่ ท่านได้ทำหน้าที่ของตัวเองทั้งฐานะพ่อแม่เรา และคนของประชาชน เป็นตัวอย่างของเราได้ดี เราได้เรื่องนี้จากพ่อและแม่ ก็ดีใจที่คุณพ่อเองก็ภูมิใจในตัวเรา ตอนคุณพ่อเสีย น้าบี๋มาบอกว่า คุณพ่อภูมิใจในตัวเรามาก พ่อก็รู้ว่าเราก็ภูมิใจ” พิมพ์อัปสรกล่าว

คุณพ่อยังเหลืองานละครที่ต้องแสดงต่อไหม?

ขวัญ : “ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ เพราะว่าคุณพ่อไม่ได้รับงานมาพักหนึ่งแล้วค่ะ”
อาโย : “เพราะว่าพักหลังเขาจำบทไม่ได้แล้ว ด้วยความเจ็บป่วยเริ่มมีสัญญาณมาว่าเขาจำบทไม่ได้เพราะปกติเขาเป๊ะมาก ตอนนั้นก็หลายปีแล้ว เขาเริ่มไปเจาะปอด มีฟองในปอด”

ขวัญ : “ช่วงที่ถ่ายเรื่องแม่อายสะอื้นก็รักษาตามปกติ ไม่ได้คิดว่ามันจะไปไกล ก็เหมือนไม่สบายไปรักษา พ่อก็มาถ่ายละครปกติ ตอนที่คุณพ่อเสียขวัญไม่ได้ถามหมอว่าพ่อป่วยในขั้นไหน ขวัญไม่ได้สนใจว่าขั้นไหน เรารู้แต่ว่าพ่อต้องหาย เรารู้ว่าพ่อเราแข็งแรง อย่างเมื่อวานคุณหมอก็พูดว่าหัวใจพ่อแข็งแรงมาก แม้กระทั่งความดันตกขนาดนี้เขายังอยู่ได้ จริงๆ ควรจะต้องไปก่อนเวลา 15.51 น. ด้วยซ้ำ แต่ระบบในร่างกายบางอย่างมันล้มเหลวแล้ว บางอย่างติดเชื้อให้ยาแล้วไตมีปัญหา แต่โดยพื้นฐานเป็นคนร่างกายแข็งแรง ส่วนของลำไส้ช่วงสุดท้ายที่คุณพ่อจะเสียอาจจะไม่ได้เกี่ยวมากไม่ได้เป็นสาเหตุมากมาย แต่ด้วยอวัยวะมันสัมพันธ์กันหมด ก็ตอบไม่ได้ว่ามันมีผลต่อเนื่องกันมายังไง”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image