‘Fast & Feel Love’ หนังจำลองชีวิตสุดแอ๊กชั่นของวัย 30+
“Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ” เป็นภาพยนตร์ขนาดยาวลำดับที่ 8 ของ เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ซึ่งน่าจับตาไม่น้อย ด้วยการพลิกสไตล์การทำหนังจากปกติที่จะเน้นความ “เรียล” ของตัวละคร การเล่าเรื่องราวในชีวิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป และดนตรีประกอบละมุนๆ มาเป็นการเล่าเรื่องในสไตล์หนังแอ๊กชั่นที่ตัดต่อฉับไว เพลงประกอบอลังการ ที่มาพร้อมการแสดงแบบ “เล่นใหญ่” สารพันมุขตลก แถมยังล้อหนังดังมากมายซึ่งเห็นได้ชัดตั้งแต่ชื่อเรื่องที่คล้ายกับแฟรนไชส์หนังรถแข่งสุดฮิต
ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของ “เกา” (แสดงโดย นัท – ณัฏฐ์ กิจจริต) ชายวัย 30 ตอนกลางผู้มีความฝันในการครองแชมป์กีฬาสแต็ก (Sport Stacking) ด้วยการเรียงแก้วให้ได้เร็วที่สุดในโลก โดยมีแฟนสาวลูกครึ่ง “เจ” (แสดงโดย ญาญ่า – อุรัสยา เสปอร์บันด์) คอยซัพพอร์ตอยู่เสมอ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อเจเริ่มเข้าใจตัวเองว่าความฝันของเธอคือการมีลูก ซึ่งดูจะสวนทางกับภาพของอนาคตในหัวของเกา เธอจึงตัดสินใจเดินออกมาจากบ้านที่ทั้งคู่ซื้อร่วมกัน เดินออกจากความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่า 10 ปี จนทำให้เกาต้องหยุดจังหวะเร็วๆ ของชีวิตและค่อยๆ หันไปมองรอบข้าง คนรอบตัวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“Fast & Feel Love” ถือเป็นหนัง Coming of age ที่สะท้อนการก้าวข้ามผ่านวัยของตัวละครหลักอย่างเกา ซึ่งดูเหมือนช่วงเวลาจากวัยรุ่นตอนปลายเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จะผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่แพ้การเรียงสแต็ก พอเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกทีทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งความรับผิดชอบในชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น ต้องหาเงินมาให้พอใช้ จ่ายค่าน้ำค่าไฟให้ตรงเวลา ต้องเลือกซื้อกองทุนมาลดหย่อนภาษี ต้องผ่อนบ้าน ต้องทำความสะอาดบ้าน ต้องดูแลข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ดูแลอาหารการกิน ดูแลสุขภาพตัวเองที่อาการปวดหลัง ปวดไหล่ กลายเป็นเรื่องปกติ รวมถึงต้องดูแลสมาชิกในครอบครัวที่โรยราขึ้นทุกวัน
นอกจากนั้นยังต้องเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันกับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถไม่แพ้กัน แต่มีเวลาทุ่มเทฝึกฝนฝีมือมากกว่า ร่างกายแข็งแรงกว่า และพร้อมจะก้าวขึ้นมาแทนที่ได้เสมอ ในขณะที่เจก็เผชิญเงื่อนไขของเวลาเช่นกัน แม้เธอจะอยากมีลูกเท่าไร แต่นาฬิการ่างกายไม่เคยรอใคร และความฝันของเธอกำลังหลุดลอยทุกเสี้ยววินาที ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่คนในช่วงอายุ 30 ต้องเผชิญ และต้องตัดสินใจว่าจะทำตามความฝันต่อไป หรือจะปล่อยฝันให้หลุดลอยแล้วกลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง หรือจะพยายามรักษาความฝันให้สมดุลในโลกแห่งความเป็นจริงให้ได้
นอกจากนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังตั้งคำถามถึง “บ้านในฝัน” ของแต่ละคน ซึ่งสำหรับเกาแล้ว การมีบ้านเป็นของตัวเองช่วยสร้างสภาพแวดล้อมอันสมบูรณ์ให้เขาได้สานฝันอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น ในขณะที่เจตัดสินใจซื้อบ้านหลังนั้น เพราะมองเห็นอนาคตที่เธอจะมีลูก ขยายครอบครัวให้เต็มพื้นที่บ้าน ซึ่งจะทำให้ฝันเล็กๆ ของเธอเป็นจริง ด้วยมุมมองที่แตกต่างกันนี้จึงทำให้บ้านของเกาและเจเป็นเพียงสถานที่ที่ปราศจากจิตวิญญาณของผู้อยู่อาศัย บ้านของทั้งคู่ยังคงสภาพเหมือนบ้านตัวอย่างที่ถูกจัดโชว์ไว้ให้ดูสวยงาม แต่ไม่ได้มีความหมายอะไรต่อพวกเขา คล้ายกับทั้งคู่ยังไม่รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่แห่งนี้จริงๆ ห้องที่เกาใช้ซ้อมเล่นสแต็กยังคงจัดแสดงภาพ “บ้านในฝัน” ของคนอื่นที่มีรูปครอบครัวอันอบอุ่น เตียงเด็ก ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ เชลโล ไม่มีห้องไหนที่แสดงรสนิยมของเจ้าของบ้านเลย ไม่มีแม้แต่รูปของทั้งคู่ติดอยู่ ซึ่งเจได้พยายามสร้างพื้นที่ของเธอด้วยการฟูมฟักปลูกต้นไม้ในมุมเล็กๆ ขึ้นมา แต่เกาก็ไม่สามารถดูแลความรัก ความทุ่มเท ความใส่ใจของเจได้ แม้ว่าเขาจะมองเห็นมันอยู่ตลอดเวลา
นวพลยังคงลายเซ็นของตัวเองได้อย่างมีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์ตัวละครหน้าเดธ ชอบพูดรัวด้วยน้ำเสียงโมโนโทน รวมถึงความแม่นยำในการนำเสนอพาร์ตดราม่า และถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ที่มีข้อผิดพลาด การรวมพลังของคนตัวเล็ก รวมถึงความรู้สึกที่คนในช่วงวัยนี้ต้องเผชิญได้เป็นอย่างดี จึงน่าจะทำให้คนที่มีประสบการณ์ร่วมหรือเพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปเข้าถึงเรื่องได้ไม่ยาก แต่ด้วยโจทย์ที่ท้าทายหลายด้าน ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจไม่กลมกล่อมตามรสชาติที่ผู้ชมหลายคนคุ้นชิน ไม่ว่าจะเป็นการล้อสารพัดหนังและป๊อปคัลเจอร์ ซึ่งคนดูทั่วไปอาจไม่ขำหรือไม่เข้าใจเลยถ้าไม่ได้ดูหนังเรื่องนั้นมาก่อน การยิงมุขตลกรัวที่มาพร้อมการตัดต่อฉับไวและการแสดงที่ดูมีความเป็นการ์ตูนสูงสลับกับการแสดงแบบเรียลๆ ก็อาจทำให้ผู้ชมตั้งรับไม่ถูกว่าจะดูหนังในโหมดไหนดี การที่หนังมีทีท่าคล้ายจะโฆษณาสินค้าจนเกินไป หรือการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับบางตัวละคร
แต่ “Fast & Feel Love” ถือเป็นภาพยนตร์รสชาติใหม่ที่น่าลิ้มลอง เพราะไม่บ่อยนักที่เราจะได้ชมหนังไทยจากสตูดิโอใหญ่ที่พร้อมนำเสนอทางเลือกใหม่ให้กับผู้ชม เสริมทัพด้วยทีมนักแสดงที่โดดเด่น โดยเฉพาะณัฏฐ์ที่ขยายขอบเขตการแสดงไปอีกขั้น และทำให้เกาเป็นตัวละครที่มีความบ้าบอ แต่ก็แฝงไปด้วยความจริงใจและมั่นคงในสิ่งที่ตัวเองเลือก เช่นเดียวกับอุรัสยาที่มอบการแสดงที่แตกต่างจากเดิม และทำให้คนดูรู้สึกแตกสลายและแข็งแกร่งไปพร้อมกับเจ รวมถึง เพลง คีตภัทร ป้องเรือ ในบท “ไผ่หลิว” สาวน้อยผู้เข้าใจโลกและพร้อมลุกขึ้นมาโค่นผู้ใหญ่ โดยหนังเรื่องนี้ยังทำให้เห็นว่าชีวิตคนเราไม่มีรูปแบบที่ตายตัว เราจึงควรพร้อมตั้งรับกับความเปลี่ยนแปลง ตั้งใจใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ดีที่สุด และใส่ใจคนรอบข้างให้ได้มากที่สุด
เพราะเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว และหลายอย่างในชีวิตก็ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว
…
แก้วตา เกษบึงกาฬ
