ของหวงทรงคุณค่า ภาพ ‘พ่อหลวง’ ที่นนทรีย์ นิมิบุตร เก็บมาเกือบทศวรรษ

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงงานหนักเพื่อให้พสกนิกรชาวไทยมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี ฉะนั้นแล้ว หากในชีวิตหนึ่งเราได้ทำงานรับใช้พระมหากษัตริย์ที่ทรงทำเพื่อประชาชนเช่นพระองค์ จึงนับเป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต

เช่นเดียวกับ อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร ที่มีโอกาสทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ด้วยการสร้างสรรค์ภาพยนตร์เทิดพระเกียรติที่น้อมนำพระราชดำรัสและโครงการต่างๆ ของพระองค์มาถ่ายทอดให้ประชาชนได้รับชม

“สิ่งที่ผมรู้สึกเสมอเลยผมถือว่าเป็นเกียรติ” ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังกล่าว

“เป็นความภาคภูมิใจของประชาชนคนหนึ่งที่อยู่ใต้ฝ่าพระบาทของพระองค์ท่าน ว่าเราได้มีโอกาสสร้างสรรค์ผลงานถวายท่าน รับใช้เบื้องพระยุคลบาท มันเป็นความดีใจ ภูมิใจ

Advertisement

“บอกตัวเองว่าต้องทำให้ดีที่สุด”

หลายๆ ครั้งที่ต้องทำงานเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงต้องศึกษาหาข้อมูลให้รอบด้าน แล้วส่งสตอรี่บอร์ด ส่งสคริปต์ แม้กระทั่งเสียงตัวเองไปยังกองราชเลขา เพื่อให้ท่านทรงมีพระราชวินิจฉัยว่าเป็นอย่างไร

“โห! เป็นเรื่องที่น่าดีใจมากๆ ที่ท่านทอดพระเนตรงานของเราจริงๆ” เขาว่า

Advertisement

“หลายๆ ครั้ง พระองค์ท่านก็มีพระราชวินิจฉัยกลับมาว่าตรงนี้เป็นยังไง มันเป็นความดีใจ เป็นเกียรติมากๆ ของชีวิตผม ของครอบครัว

“จึงทำเต็มความสามารถทุกครั้ง เพราะว่ามันไม่ได้มีโอกาสแบบนี้บ่อยๆ”

และการทำภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติดังกล่าวนี่เอง ที่เป็นที่มาของการเก็บสะสมพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ รวมถึงภาพที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ

โดยเจ้าตัวเล่าว่า การทำภาพยนตร์เทิดพระเกียรตินั้น นอกจากจะต้องหาข้อมูลว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพระองค์บ้างแล้ว “รูปภาพ” ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้

“ผมจะดูว่าจะมีรูปภาพอะไรบ้างที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้เรา ไม่ว่าจะเป็นรูปพระราชกรณียกิจ หรือรูปที่เกี่ยวข้องกับพระราชดำรัส หรือที่พระองค์รับสั่ง มีอะไรบ้างที่จะเข้ากัน”

ซึ่งพอสืบค้นไปมา “ผมรู้สึกว่าผมประทับใจ” เขาว่า

“ยิ่งเจอมากเข้ายิ่งรู้สึกว่า เป็นภาพงดงาม ทรงดูสมาร์ท

“กลายเป็นค้นใหญ่เลย ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ไล่ขึ้นมา ตอนอภิเษกสมรส ตอนผนวช เลยตั้งอัลบั้มไว้ในฮาร์ดดิสก์เก็บรูปของพระองค์ไว้

“เจอที่ไหนก็เซฟเก็บ หรือไม่เจอที่ไหนก็ต้องหาซื้อมาเป็นของตัวเอง”

ซึ่งถ้าให้นับจำนวนตั้งแต่วันแรกที่เริ่มสะสมเมื่อ 7-8 ปีก่อน จนถึงปัจจุบัน “ผมว่าเกิน 500 รูป” เขาว่า

“มีหลากรูปแบบ ทั้งขาวดำ ทั้งสี มีทั้งภาพเขียนของเพื่อนที่เป็นศิลปิน หรืออาจารย์ศิลปากรทั้งหลายที่วาด เขาก็จะส่งให้มาเก็บไว้

“จริงๆ ไม่ได้คิดว่าจะได้ใช้ประโยชน์อะไร ไม่ได้อยากจะโชว์ คือมีความรู้สึกกับสิ่งที่เราสะสมว่ารูปของพระองค์ท่านรูปนี้สวยจังเลยนะ รูปนี้ดูน่ารักจังเลย”

นอกจากพระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าว เขาว่า เก็บเหรียญเกี่ยวกับพระองค์ท่านที่มีการจัดทำไว้ในช่วงเวลาต่างๆ อยู่ด้วยเหมือนกัน

“มีเหรียญของพระเจ้าอยู่หัวในช่วงเวลาต่างๆ แต่ไม่ได้เยอะมาก ก็คัดที่ตัวเองชอบ เพื่อเอาไว้ดู ไว้บูชา เพื่อเวลาเข้าป่า ไปไหน ไปถ่ายหนัง ก็จะพกติดตัวไปเพื่อเป็นสิริมงคล เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นทุกอย่างให้เราทำสิ่งที่ถูกต้อง” เขาเล่า

14482686_1828904640674559_8918864516335271936_n.jpg-ig_cache_key=MTM2MTIzNzk0NjM3NjYwOTgxNw==

ก่อนย้อนพูดถึงภาพพระบรมฉายาลักษณ์อีกครั้งว่า หากพิจารณาให้ดี ภาพเหล่านี้ยังสอนอะไรๆ ได้หลายอย่าง ทั้งวิถีที่ทรงเลือกดำเนินชีวิต รวมถึงวิถีที่ทรงมีพระราชดำริในเรื่องต่างๆ

“สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในภาพเหมือนกัน

“เราจะเห็นว่านอกจากท่านจะทรงงานหนักตลอดชีวิต ตั้งแต่เราเกิดมา แต่ในขณะเดียวกันความเป็นศิลปินในตัวท่านไม่หายไปเลย

“ท่านทรงเขียนรูป ท่านทรงดนตรีที่ท่านชอบ ท่านทรงถ่ายรูป คือท่านทรงแบ่งเวลาตัวเองได้ดีมาก ผมยังนึกไม่ออกว่าท่านมีเวลาตรงนี้มาจากไหน แสดงว่านอกจากทรงงานหนักแล้ว ยังจัดสรรเรื่องเวลาให้ตัวเองอย่างดี ขนาดเราเอง ทำงานเล็กๆ 2-3 อย่าง ยังหาเวลาให้ตัวเองแทบไม่ได้

“นั่นก็แอบเป็นคำสอน เป็นแรงบันดาลใจ ทำให้เราไม่ขี้เกียจ ดูสิ..พระองค์ทรงทำได้ขนาดนี้ เราจะเป็นข้าแผ่นดินที่ดีได้ ก็ควรดำเนินตามรอยตามสิ่งที่พระองค์ได้สอนไว้ ในทุกๆ เรื่อง”

อย่างไรก็ดี นนทรีย์ซึ่งชอบดูพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ บอกว่า หลังจากสำนักพระราชวังออกประกาศเรื่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา

เขาก็ไม่สามารถเข้าไปดูภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ได้อีก

“ดูแล้วความรู้สึกในหัวใจเรามันสั่น ดูทีไรก็รู้สึกเสียใจ

“คือแต่ละรูปผมใช้เวลาพิจารณา ดูรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะรูปที่คนอื่นเขียน เขาก็จะใส่ความรู้สึก ใส่รายละเอียดต่างๆ เราจะค่อยๆ พิจารณาดู”

อย่างไรก็ดี เขาบอกว่าจะพยายาม “ทำใจ” ให้ฟื้นจากความโศกเศร้าครั้งนี้

“ผมเชื่อว่าพระองค์อยากให้เราดำเนินชีวิตต่อไป เอาสิ่งที่ท่านทรงสั่งสอนไว้เป็นแบบอย่าง เป็นแรงผลักดันให้มีชีวิตต่อไป เลยไม่พยายามผลักตัวเองไปในมุมที่เศร้าจนเกินไป”

และถึงจะไม่ได้นำออกมาดู แต่นนทรีย์ก็ว่า “ถึงวันนี้

แล้ว พระบรมฉายาลักษณ์ทุกรูปภาพอยู่ในใจผมหมดแล้วครับ”

“เพราะภาพก็คือสัญลักษณ์ การที่เราดูหลายๆ ครั้ง ดูบ่อยๆ มันก็อยู่ในใจเรา ผมว่ามันค่อยๆ ฝังอยู่ในใจเรา ในตัวเรานานแล้ว

“ถ้าเกิดมีปัญหาภาพหายไป หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ความประทับใจเหล่านั้นยังอยู่ในใจผมตลอดไป คงไม่มีอะไรลบออกจากใจผมไปได้

“แล้วเชื่อว่าทุกคนก็มีภาพที่งดงามของท่านอยู่ในใจของทุกคนอยู่แล้ว

“แต่สิ่งที่เราจะถ่ายทอดให้ลูกหลานอาจไม่ใช่ภาพ แต่เป็นสิ่งที่เราได้รับจากพระองค์จากการเป็นคนไทย

“เราควรจะถ่ายทอดให้ลูกหลานเราต่อไป ว่าเราได้อะไรมาจากพระองค์บ้าง ท่านทรงทำอะไรให้เรามาบ้าง”

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image