สร้างความประทับใจในบท ‘พบู‘ จากละคร ‘ใต้เงาจันทร์’ ไปเมื่อปีก่อน ครั้งนี้ มาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า กลับมารับบทที่ท้าทายอีกครั้งในละครเรื่อง ‘บุษบาเร่ฝัน’ งานที่เจ้าตัวบอกเลย “ยากมาก” เพราะต้องเปลี่ยนคาแรกเตอร์ทั้งหมด 4 ตัวในเรื่องเดียว
นั่นคือเป็นทั้ง ‘ซุ่ย‘ ผู้หญิงทำงานออฟฟิศ ซึ่งตำแหน่งหน้าที่ไม่ดีนัก อาศัยอยู่กับครอบครัวที่เป็นแนวอีโค เป็นคนที่รู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี
“ไม่พอใจว่าทำไมบ้านฉันถึงไม่รวยเหมือนคนอื่น ทำไมฉันถึงไม่ได้ตำแหน่งดีๆ กับเขาบ้าง ทำไมถึงไม่มีรถดีๆ ขับ แต่ก็ไม่ตะเกียกตะกาย แค่รู้สึกไม่พอใจ แล้วก็ไม่ได้ทำให้ดีขึ้น กลับกลายเป็นว่า ฉันอยากเป็นคนนั้น ฉันอยากเป็นคนนี้”
และความไม่พอใจที่ว่านี่เองที่ทำให้เธอ ‘เปลี่ยนจิต’ ไปเป็นอีกคนที่คิดว่าดีกว่า
แล้วก็ทำได้เสียด้วย!
บางเวลาเธอจึงกลายเป็น ‘คุณโรส‘ เจ้านาย ที่ “เห็นเขาดูสวย เก่ง แฟนหล่อ ก็เลยอยากเป็น”
แต่พอได้เป็นจริง แล้วพบว่า “ไม่ได้เป็นแบบที่คิด ก็ไม่พอใจ”
เลยเปลี่ยนเป็น ‘แวนด้า‘ มาร์กี้เล่าถึงคาแรกเตอร์ที่ 3
“ตัวแวนด้าออกแนวแว้ดๆ ทำงานหลักในบริษัท แต่อาชีพเสริมเป็นพริตตี้ มีเสี่ยเลี้ยง”
แล้วก็ไม่ชอบอีก
เลยเปลี่ยนเป็น ‘กอหญ้า‘ สาวโลกสวย ดูภายนอกเป็นลูกคุณหนู บ้านรวย ทุกเช้าก็มีรถตู้หรูๆ มาส่งที่ทำงาน
“แต่ที่จริงแล้วกอหญ้าไม่ได้เป็นลูกคุณหนู เป็นลูกแม่บ้าน ติดรถเจ้านายมาทำงาน”
สุดท้ายคนที่ไม่เคยพอใจอะไรที่ตัวเองมี จึงรู้ และพยายามกลับไปเป็นตัวเองอีกครั้ง
“มันยากที่ต้องเปลี่ยนตัวแสดงวันเดียวกันหลายตัว ทำให้เราสับสนบ้าง อะไรบ้าง อาจจะมีเรียกแทนตัวเองผิดบ้าง” เล่าพลางหัวเราะร่วน
ก่อนจะว่าอย่างไรก็ดี เล่นๆไป “มันก็ดีขึ้นตามกาลเวลา”
“คือยิ่งเล่นบ่อยขึ้น ยิ่งคิวเยอะขึ้น ก็ยิ่งดีขึ้น” เธอว่า
ถามว่าในบรรดาบททั้ง 4 บทไหนที่ยากสุด
“แวนด้าค่ะ” นางเอกบอก
“เอเนอร์จี้เยอะ ต้องหนีเสี่ยบ้าง อะไรบ้าง มันมารยาอะ แล้วใช้เสียงเยอะ เป็นบุคลิกที่โทนเสียงสูง เล่นแล้วกลับไปเจ็บคอมาก”
นอกจากการเปลี่ยนบุคลิก อีกเรื่องที่ลำบากคือการแต่งเนื้อแต่งตัว เพราะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หน้า ผม ตลอดๆ
“เปลี่ยนทีนึงใช้เวลาเกือบชั่วโมง แล้วถ่ายไปได้ 2-3 ซีนก็ต้องเปลี่ยนอีก”
“ตัวละครมี 4 ตัว แต่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบางวัน 6 ครั้ง จากซุ่ย ไปเป็นโรส เป็นแวนด้า กลับมาเป็นซุ่ย แล้วเป็นกอหญ้า แล้วมาเป็นโรส อะไรแบบนี้ วันนึงเปลี่ยนครบ 4 ตัว บ่อยมาก ถ้าแค่ 3 ตัวถือเป็นเบสิกละ” เธอเล่าพลางทำท่าปาดเหงื่อ
นอกจากความสนุกสนานที่จะได้คนเล่นยังว่าละครเรื่องนี้ยังมีข้อคิดสอนใจ
“คือทุกคนน่าจะมีความอิจฉาความไม่พอใจ ไม่มากก็น้อยอยู่ในตัว ไม่ผิดเพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่แต่ละคนสามารถควบคุมมันได้แตกต่างกันไป บางคนอิจฉาแต่ว่าไม่รีแอ็ค อยากได้แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับบางคนมันอาจจะกระทบชีวิตเขาเยอะ หรือกดดัน ซึ่งละครเรื่องนี้ก็มีวิธีแก้ไขว่าเราสามารถรับมือกับอารมณ์นั้นๆ ยังไงบ้าง”
ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานั้นแตกต่างกับชีวิตจริงของเธออย่างสิ้นเชิง เพราะในชีวิตจริงเธอไม่ค่อยมีเรื่องให้วุ่นวายใจเหมือนอย่างซุ่ย
“ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีเรื่องอะไรสักเท่าไร แต่ชีวิตกี้ก็ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรกับใครสักเท่าไรอยู่แล้ว ส่วนมากจะดูจากคนอื่น เอาสิ่งที่คนอื่นเขาเจอบ้าง แล้วเราก็มาปรับใช้กับชีวิตเรามากกว่า”
เพราะ “เราก็ค่อนข้างใช้ชีวิตด้วยสติ คิดก่อนอยู่แล้ว”
ส่วนที่คนดราม่าเรื่องฝากร้านนั้น “ก็แค่ถามปกติค่ะ ไม่มีอะไร” เธอว่า
“บางคนก็อาจจะคิดว่าเราหลอกด่าหรือเปล่า กี้ไม่ได้หลอกด่าหรอก”
“แค่ถามเฉยๆ นะ เจตนาไม่ได้มีอะไร แค่อยากรู้ว่ามันช่วยไหม เพราะว่าร้านที่เราซื้ออะ ไม่มีร้านไหนที่ฝากเลย”
“เลยอยากรู้ว่าร้านที่เขาฝากมันช่วยไหม มันช่วยให้เขาขายดีขึ้นไหม พอฝากปุ๊บมาเลยหรือเปล่า”
“คือบางรูปเป็นรูปที่เราอยากดูคอมเมนต์ เวลาเราไม่เขียนงดฝากร้าน มันมาเยอะมาก มันมาเยอะ ณ ที่นี่ คือ เราไม่เห็นคอมเมนต์อย่างอื่นเลย”
“แล้วบางรูปตามกาลเทศะแล้ว มันไม่ควรจะฝาก อย่างเช่น วันพ่อ รูปในหลวง แต่มาฝากร้าน รูปงานศพ นี่เลยเป็นเหตุผลที่หนูถาม”
“แต่เรายินดีให้ฝากบางรูปนะ รูปที่ห้ามก็ขอความร่วมมือ”
ส่วนเรื่องความรักที่คนมองว่าคบไฮโซ เธอก็ขอเชิดใส่แล้วตอบแบบมั่นๆ ว่า “ก็แล้วแต่”
“ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ คนที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิต แล้วมีรายได้สูง เขาก็จะหาแฟนไม่ได้เลยหรอ เพราะแค่ว่าเขารวย บางคนได้มาจากพ่อแม่ บางคนทำด้วยตัวเอง”
“ถ้าทุกคนคิดว่าคบกับเขาแล้วไปเกาะเขาอย่างนั้นเขาหาแฟนไม่ได้เลยนะ เพราะว่าคนที่รวยเท่ากันมันจะมีสักกี่คน เป็นเพื่อนไปแล้วกี่เปอร์เซ็น เป็นญาติไปแล้วกี่เปอร์เซ็น เพราะฉะนั้นมันจะเอามาคิดแบบนี้มันไม่แฟร์กับตัวเขามากกว่า”
แต่่ทั้งนี้ก็ “ไม่ซีเรียส ไม่เก็บมาคิด คุณคือใครเราไม่รู้จัก คือเราเป็นยังไงเรารู้ตัวเองอยู่แล้วอะ เราไม่สามารถที่จะทำให้ทุกคนพอใจได้”
“ไม่ต้องไปบอกว่าฉันเป็นอย่างนี้ เราก็เป็นแบบที่ทุกคนเห็นเนี่ยแหละ”
“ก็ใช้ชีวิตปกติ เหมือนที่คนปกติเขาทำกัน”