ตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตรได้ทรงงานอย่างหนักเพื่อให้พสกนิกรชาวไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของไทยทั้งชาติ
ดังนั้นเมื่อสำนักพระราชวังประกาศว่า พระองค์เสด็จสวรรคต ในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 จึงนับเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงอย่างหาที่สุดไม่ได้ ทั้งยังสร้างความเศร้าเสียใจให้แก่ประชาชนคนไทยเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามแม้ความเสียใจยากที่จะเยียวยา แต่หลายคนก็เดินหน้าตั้งปณิธานว่าจะดำเนินตาม ‘คำพ่อสอน’ ให้สมกับที่ว่า ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์
โดย มิกค์ ทองระย้า นั้นจดจำอย่างไม่มีวันลืมกับเรื่อง ‘ปรัชญาชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง’
”ถ้าพูดถึงท่าน ผมนึกถึงพระราชกรณียกิจและความพอเพียงที่พระองค์มอบให้คนไทยครับ” เขาบอกด้วยความตื้นตัน
ด้วยว่า “เพราะความพอเพียงที่ท่านมอบให้ ช่วยชีวิตคนไทยได้มากๆเลย”
“ท่านทำให้ทุกคนรู้จักพอเพียง สามารถอยู่ในประเทศไทย ใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องไปกระเสือกกระสน หรือทำให้ตัวเองต้องลำบาก แต่ว่าเราว่าสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างพอเพียง ด้วยความพอดี”
และด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ดังนั้นตั้งแต่ 6 โมงเช้า วันที่ 14 ตุลาคม มิกค์จึงไปจับจองพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวงเพื่อเฝ้าถวายสักการะขณะรถอัญเชิญพระบรมศพเคลื่อนผ่าน ด้วยเหตุผลเดียวกับทุกคน คือ “เรามาเพราะรักพระองค์เหมือนกัน”
เช่นเดียวกับ แพนเค้ก - เขมนิจ จามิกรณ์ ที่นอกจากไปเฝ้าถวายสักการะขณะอัญเชิญพระบรมศพไปยังพระบรมมหาราชวังหลังจากนั้นยังเพียรไปถวายสักการะที่นอกกำแพงพระบรมมหาราชวังอยู่บอยครั้ง ด้วยคิดถึง ‘หัวใจของคนไทยทั้งประเทศ’ อยู่ตลอดเวลา
“ท่านทรงงานอย่างหนักในหลายด้าน เป็นผู้นำ เป็นผู้ที่ทรงงานอย่างจริงจังมาโดยตลอด ทุ่มเททุกอย่างให้กับประชาชนคนไทย” แพนเค้กให้เหตุผล
และแม้ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นพระองค์จริง แต่ “เรารู้สึกว่าเราถูกปลูกฝัง เป็นความรักที่ไม่มีเหตุผลมาตั้งแต่เด็กจนโต รู้สึกว่ารัก เทิดทูน โดยไม่มีเหตุผล เพราะท่านเป็นหัวใจของประเทศไทย”
ขณะที่ โม – อมีนา พินิจ กล่าวว่า ตอนนี้นั้นเธอนึกถึง ‘พ่อ’ ทุกขณะจิต
“โมตั้งใจจะดำเนินตามรอยทุกเรื่องที่ทำได้”
“ที่ผ่านมาท่านทรงงานมาตลอด ท่านเหนื่อยมามากแล้ว โมก็จะเข้มแข็ง และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อยากให้ท่านอยู่บนฟ้าให้มีความสุข”
ด้าน เจ – เจตริน วรรธนะสิน บอกว่าสิ่งที่ประทับในความทรงจำเขาตลอดมา คือ ‘พระปรีชาสามารถของท่าน’ ที่ทรงงานตลอด
รวมถึง “ความรักความห่วงใยของท่านที่มีต่อประชาชน ประเทศชาติ แผ่นดิน ทำให้ท่านทรงงานตลอด”
“ไม่เคยเห็นท่านหยุดพักสักเท่าไหร่”เขาว่า
“เกิดมา 45 ปี อยู่ในรัชกาลของท่านตั้งแต่เด็กจนโต เห็นแต่พระราชกรณียกิจของท่านทุกวัน”
“หลังข่าวจะเห็นภาพพระราชกรณียกิจของท่านสมัยที่ท่านยังมีพระวรกายแข็งแรง ไปช่วยประชาชน ไม่ว่าจะที่ไหน ทั่วประเทศไทยท่านไปหมด เป็นกษัตริย์ที่ทรงงานจริงๆ ของแท้”
และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ทำให้เขาตัดสินใจสักคำว่า ‘King 9’ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจไว้บนร่างกาย
คล้ายๆ กับ อุ๋ย – นนทรีย์ นิมิบุตร ที่นึกถึง “คนๆหนึ่งซึ่งทำงานหนักเพื่อแผ่นดินของพระองค์ตลอดเวลา”
“ตั้งแต่จำความได้ผมก็เห็นท่านทรงงานตลอดจริงๆ จนกระทั่งก่อนที่ท่านจะเสด็จไปโรงพยาบาลครั้งหลังสุด ท่านก็ยังทรงงาน”
“ผมรู้สึกว่าท่านใช้เวลาทั้งหมดกับการดูแลแผ่นดิน ดูแลประชาชนของท่าน เห็นแล้วประทับใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พอพูดถึงพระองค์ท่านทีไร สิ่งนี้ก็จะมาเป็นอันดับแรก ท่านทรงทำตามที่ตรัสไว้ทุกอย่าง เหมือนกับท่านวางแผน วางกรอบไว้ และใช้เวลาทั้งชีวิตทำอย่างนั้นจริง”
“ซึ่งความประทับใจเหล่านั้นยังอยู่ในใจผมตลอดไป และคงไม่มีอะไรลบออกไปได้”
เช่นเดียวกับคนไทยทุกคน ที่จะระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ของพระองค์ตลอดไป