พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นกษัตริย์ที่เป็นที่รักและเคารพยิ่งของพสกนิกรชาวไทย ประชาชนทุกคนจึงขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการประดับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไว้ในบ้าน
อย่าง กระแต – นิภาพร บุญยะเลี้ยง นั้นบอก “เชื่อว่าคนไทยทุกคนเป็นเหมือนกัน”
“ของแตที่ห้องพระจะมีรูปท่านตอนทรงผนวชติดไว้บูชา คิดว่ารูปนี้ท่านเป็นพระผู้ประเสริฐมาก แล้วท่านเป็นในหลวงที่เดินตามรอยธรรม”
“ถือว่าเรามีบุญมากที่เราได้เกิดมาในรัชกาลที่ 9”
และด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เธอจึงขอไปทำความดีกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ด้วยการแจกอาหาร น้ำดื่ม และเก็บขยะที่บริเวณท้องสนามหลวงเพื่อตอบแทนสังคม
คล้ายๆ กับหนุ่ม กะลา-ยุทธพงษ์ แสงสุวรรณ ที่ขอทำความดีเพื่อ ‘พ่อ’ ด้วยการนำอาหารมาแจกให้ประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพ เพื่อตอบแทนสิ่งที่พระองค์ทรงทำสิ่งดีๆ ไว้มากมายให้บ้านเรา
โดยเขาว่า “วันนี้ที่ผมมา ผมรู้สึกว่าผมคงตอบแทนท่านได้ไม่ถึงเสี้ยวนึงที่ท่านทรงทำเพื่อพวกเรา แต่ผมก็อยากมา ผมอยากมาทำอะไรบ้าง”
“ผมเคยร้องเพลงเกี่ยวกับพ่อเพลงนึง ชื่อเพลง ‘พ่อบอก’ เป็นคำสอนที่ท่านทรงอยากให้คนรักกัน วันนี้ผมก็พยายามทำแบบนั้น”
ที่บ้านของเขาจึงมีรูปของ ‘พ่อ’ ประดับไว้เตือนใจเสมอ
“เป็นรูปฉลองครองราชย์ 60 ปี ครับ ที่ถ่ายกับพระมหากษัตริย์ทั่วโลก นั่นเป็นรูปที่ผมรู้สึกว่าพ่อของเรายิ่งใหญ่ แต่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ด้วยการที่ไปสู้รบมาแล้ว ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่แบบนั้น มันทำให้เห็นว่าประเทศที่เจริญกว่าเรา หรือประเทศที่เจริญที่สุดในโลก ก็ยังมาด้วยความรัก”
“ผมว่าภาพนั้นมันเป็นภาพที่ที่สุดแล้วของผม” หนุ่มว่าพลางยิ้ม
เช่นเดียวกับเกรซ – กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า ที่กล่าวว่า “รูปในบ้านที่ใหญ่ที่สุดเป็นรูปของคุณย่ากับคุณพ่อเข้าถวายเงินเป็นพระราชกุศล ซึ่งก็นานมากก่อนเกรซเกิดอีก 30 กว่าปีแล้วค่ะ”
ส่วนอีกรูปที่ใหญ่ไม่แพ้กัน “เป็นรูปที่พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ มาถ่ายรูปรวมกันในงานฉลองครองราชย์ครบ 60ปี ในปี2549 ก็ยังเป็นรูปที่อยู่ในความทรงจำเกรซตลอด”
เพราะ “ท่านเป็นพ่อของทุกคนค่ะ เรามีหัวใจดวงเดียวกัน เรามีพ่อที่เป็นศูนย์รวมของครอบครัวใหญ่ของประเทศชาติ”
“สำหรับตัวเกรซ ท่านคือแบบอย่างที่ดีในทุกๆ ด้าน กีฬา ดนตรี ภาษา ถ่ายภาพ วาดภาพ ทั้งพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ท่านทรงงานอยู่ตลอดเวลา”
ดังนั้นเธอจึงตั้งปณิธานไว้ว่า “จากนี้เราต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้พ่อเป็นกังวลหรือห่วงอะไร จากนี้จะขอเป็นคนดี ทำดีเพื่อพ่อหลวง”
ขณะเดียวกัน “อยากจะฝากถึงคนทั่วไป ที่ซึมเศร้าหรือโศกเศร้าอยู่ตอนนี้ อยากให้ใครที่ยังไม่ได้มาสักการะ ให้มาสักการะ แล้วคุณจะได้พลังกลับไป เหมือนกับเกรซที่มาที่นี่ ก็ได้พลังกลับไปทุกครั้งที่รู้สึกแย่ มารับพลังจากท่านไปใช้ชีวิตด้านบวก”
ใบเตย-สุธีวัน ทวีสิน ก็บอกเหมือนกันว่า “คิดว่าทุกบ้านคงมี”
“ของใบเตยเป็นรูปที่ทรงขึ้นครองราชสมบัติ ใบเตยก็เลี่ยมกรอบทองสีทองเหลืองอร่ามเลย ติดเอาไว้เคารพ สักการะบูชาก่อนออกจากบ้าน นี่แหละคือพระมหากษัตริย์เรา กลับมาถึงบ้านก็นี่แหละคือบ้านของเรา นี่คือแผ่นดินของท่านและแผ่นดินที่เราอยู่”
ดังนั้นเมื่อได้ทราบข่าวการสวรรคตจึง “เสียใจมาก ไม่เคยคิดว่าจะเสียใจมากขนาดนี้”
“คือใบเตยเป็นเหมือนเด็ก ที่คิดว่าเรามีพระมหากษัตริย์และไม่เคยคิดว่าพระมหากษัตริย์จะจากเราไป”
“วันแรกจำได้ว่าตื่นมาแล้วคิดว่าชีวิตจะยังไงต่อ เราเหมือนรู้สึกว่าเราดำเนินชีวิตต่อไปไม่ได้นะ ถ้าไม่มีท่าน ทุกอย่างคือต้องหยุด”
“แต่ใบเตยเชื่อ ขนาดท่านสวรรคต ท่านยังทำให้ทุกอย่างดูเรียบง่าย ท่านคงอยากให้ทุกอย่างเป็นปกติที่สุดเพื่อประเทศของเรา เพื่อปวงชนชาวไทย ได้อยู่ในแผ่นดินแบบสุขสบาย ได้อยู่ในแผ่นดินไทยเหมือนที่ท่านเคยอยู่”
“คิดว่าท่านต้องการอย่างนั้น ท่านอยากให้เราสู้ต่อไป ท่านอยากให้เราขยันทำมาหากิน ท่านอยากให้เราขยัน สู้ชีวิตเพื่อท่าน เหมือนที่ท่านสู้ชีวิตมาเพื่อเรา”
ด้าน ปู -ไปรยา ลุนด์เบิร์กที่ล่าสุดได้เดินทางไปเยี่ยมหมู่บ้านผู้ลี้ภัยที่ ศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านต้นยาง อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ในนามทูตของสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย หรือ UNHCR ประเทศไทย เพื่อให้การช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่ในด้านต่างๆ ก็บอกผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเหมือนกันว่ารูป ‘พ่อหลวง’ เป็นรูปที่มีทุกบ้านแม้แต่บ้านผู้ลี้ภัย
“ทุกครั้งที่ปูเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัย ปูจะเห็นหลายๆ บ้านติดพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะพวกเขาได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร และรักในหลวง ร.9 เช่นเดียวกับปวงชนชาวไทยค่ะ”
รูปที่มีทุกบ้านนี้ ล้วนแสดงให้เห็นว่า ทุกคนมีหัวใจดวงเดียวกัน