หนุ่ม ศรราม เคลียร์ดราม่า กุ้งพลอย แจงเจอลูกได้เดือนละ 2 วันเหมาะสมแล้ว

หนุ่ม ศรราม เคลียร์ดราม่า กุ้งพลอย แจงเจอลูกได้เดือนละ 2 วันเหมาะสมแล้ว

มีประเด็นดราม่ามาอย่างต่อเนื่อง สำหรับคู่อดีตสามีภรรยา หนุ่ม ศรราม และ กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์ หรือ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ โดยล่าสุดเจอหน้าพระเอกหนุ่มในงานบวงสรวงละคร พรมนาคา เจ้าตัวก็ได้เปิดใจเคลียร์ทุกประเด็นร้อน

เคลียร์ประเด็นเรื่องATKหน่อยเรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไง?
“เรื่องATK ก็เกิดมาสองสัปดาห์แล้ว ก็เป็นปกติเวลาที่คุณติ๊กจะมาเจอลูก ก็ต้องส่งผลตรวจATKมา หรืออาจจะมีบุคคลที่สามที่จะมาถ่ายคลิปน้องก็ต้องมีผลตรวจATKอยู่แล้ว แต่เมื่อเวลาสองสัปดาห์ที่แล้วในเวลาที่นัดกัน เขาไม่ได้มีการส่งผลตรวจมาให้ผม ผมก็เลยยังไม่ให้วีจิไปเจอ เพราะว่าก็อย่างที่เห็นกันว่าช่วงนี้มันกลับมาระบาดแล้วก็ติดกันง่ายอีกครั้ง แล้ววีจิเขาต้องไปเรียนโรงเรียนอนุบาลด้วย เราก็ต้องบอกว่าเราห่วงแค่ลูกเราคนเดียวไม่ได้ ก็ต้องห่วงความปลอดภัยของลูกๆ ของคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นด้วย ถ้าวีจิติดแล้วไปโรงเรียนแล้วต้องไปติดลูกลูกของคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่น มันก็จะยิ่งไปกันใหญ่ เพราะฉะนั้นก็พยายามกำชับและพยายามดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ถี่ถ้วนมากขึ้น”

ตอนนี้ก็เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?
“ครับ เรียบร้อยคุณติ๊กก็เพิ่งเจอลูกไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา”

คิดไหมว่ามันจะประเด็นใหญ่ขนาดนี้?
“จริงๆแล้วส่งผลตรวจมาก็จบครับ แต่พอดีก็มีคนติดต่อผมเข้ามาว่าโพสต์เป็นคำหยาบ และผมเองก็เห็นเขาเอามาให้ผมดูบ้าง แต่มันก็ไม่ได้มีชื่อหรือมันก็ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับผม ผมก็ไม่รู้นะครับว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร แต่ผมอยากจะให้ดูตรงหน้ายูเซอร์เนมครับ มันเป็นหน้าของวีจิเพราะฉะนั้นเราจะต้องรู้ว่า เวลาที่มันเป็นหน้าหรือเป็นรูปลูกเรา ถ้ามีคนเขียนคำหยาบกูมึงหรืออะไรต่างๆ เราก็ต้องดูว่ามันอยู่ที่หน้าลูกเราหรือเปล่า”

Advertisement

แล้วคอมเมนต์ของคนที่อ้างเป็นญาติจะมีการดำเนินการยังไง?
“สำหรับคอมเมนต์นี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง คือตอนนั้นผมลง Tiktok กับลูก ลงรูปลูกก็มีคนมาคอมเมนต์ด้วยค่อยคำหยาบคาย ผมก็สวนกลับไปแล้วก็แคปยูเซอร์ไว้ แล้วผมก็ให้ที่ปรึกษาทางกฎหมายดูว่าผมจะทำยังไงได้บ้างกับคนที่ประพฤติตัวแบบนี้ในโลกโซเชียล และพอผมโพสต์ว่าผมให้ทีมกฎหมายของผมเก็บหลักฐาน เขาก็มาพิมพ์ขอโทษผมในวันเดียวกันเลย ด่าผมเช้าแล้วมาขอโทษผมเย็น แล้วทัวร์ก็ลงเขาเลยครับ”

แล้วส่วนตัวเราให้อภัยเขาไหม?
“คือผมให้ทีมกฎหมายเป็นคนดำเนินการครับ มันจะได้เป็นขั้นเป็นตอน เพราะว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นครั้งแรก มันต้องแคปยูเซอร์เนม หาที่อยู่ส่งจดหมายไปตักเตือนก่อนนะว่าอย่าทำแบบนี้อีก ถ้ามีอีกครั้งเราจะดำเนินคดีไปไป มันก็เป็นตามขั้นตอนแต่ละขั้นขั้นตอน ตามที่ที่ปรึกษาจะทำให้ แล้วก็ไม่ใช่แค่คุณคนนี้คนเดียวนะ ผมทำทุกคน”

Advertisement

แสดงว่ามาในลักษณะนี้เยอะ?
“มีเยอะครับ แต่ที่ผมจะตอบอะน้อย ผมจะตอบเฉพาะที่ผมสุดจะทนแล้ว หลังๆผมคิดว่าใครที่มายุ่งกับพื้นที่ส่วนตัวเรา เรามีสิทธิ์ที่จะตอบโต้เพราะเรามีสิทธิ์ที่จะชี้แจงว่ามันคืออะไร เราไม่ได้ทำใครเสียหาย มันเป็นรูปลูกเรา มันเป็นโมเมนต์ความทรงจำดีๆกับลูกเรา แล้วคุณเข้ามาทำแบบนี้ แล้วบางครั้งคนอื่นเขาเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อกันอีกเป็นพืด แทนที่เราจะเก็บโมเมนต์น่ารักๆนี่ไว้กลายเป็นว่าคนก็มาสนใจเรื่องของพวกนี้ทั้งยวง ซึ่งผมว่ามันไม่คุ้มกันเลย ผมว่ามันก็ต้องทำอะไรให้มันถูกต้อง”

ตักเตือนไปเยอะไหม?
“ผมไม่มีหน้าที่ไปตักเตือนใครหรอกครับ ผมมีหน้าที่แค่ดำเนินคดีเท่านั้นเอง”

ถามถึงกรณีที่ล่าสุดน้องวีจิเจอกับคุณแม่ แล้วมีการทำกิจกรรมทำขนม แล้วเครื่องทำขนมมันระเบิด เรื่องนี้โดยส่วนตัวทราบไหม?
“อันนี้ก็คือล่าสุดเลยหลังจากเรื่องตรวจATKก็มาเป็นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คือผมไม่ได้เห็นเองนะครับ ผมไปทำงานกลับมาเจอลูกก็ถามเขาว่าทำไมเขาหงอยๆ พี่เลี้ยงก็บอกว่ามันเป็นอย่างนี้นะ คือเครื่องทำขนมมันช็อตแล้วมันช็อตอยู่ ผมก็ถามว่าวีจิโดนอะไรบ้างหรือเปล่า ก็บอกว่ามันไม่โดน คือผมเองก็เป็นห่วงนะครับ ผมคิดว่าในวัยของวีจิ สิ่งที่เขาจะต้องเสริมนอกจากการเรียนรู้ปัจจุบันนี้ ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องว่ายน้ำ เพราะว่าตั้งแต่โควิดมา เขาก็ไม่ได้ว่ายน้ำอีกเลย และสิ่งที่ต้องเพิ่มเติมก็คือภาษาอังกฤษ ส่วนอะไรที่มันผาดโผนหรือไม่ปลอดภัย ผมค่อนข้างเป็นห่วงลูก”

แล้วถ้าเกิดพี่หนุ่มไม่ว่างแม่เขาสามารถพาไปได้ไหม?
“ไม่ได้สิครับ เพราะว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของติ๊ก ติ๊กเขาไม่มีสิทธิ์”

และมีการพูดคุยกันไหมว่ากิจกรรมไหนที่จะเหมาะสมกับช่วงวัยของวีจิ?
“คือไม่ได้มีการพูดคุยครับ แล้วเหมือนกับว่า ไลฟ์นั้นมันถูกลบไปแล้ว ก็มีพี่ๆที่เขาแคปหน้าจอทันบอกเรา ซึ่งตัวเขาก็ไม่ได้แจ้งอะไรมา ซึ่งผมไม่เห็นรูปนั้นครับ”

แบบนี้จะต้องมีการคุยกันมากขึ้นไหมเรื่องความปลอดภัย?
“ก็คงไม่ต้องคุยมากขึ้น เพราะว่าผมเป็นผู้ปกครองของวีจิแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของผม”

โอกาสที่จะให้เขาได้เจอลูกมากขึ้นมีไหม?
“คือการให้เขาเจอลูกเดือนละสองครั้ง คือคนอาจจะไม่เข้าใจ ผมก็ต้องขออนุญาตอธิบายอีกสักครั้งก็แล้วกัน คือผมกับลูกใช้ชีวิตปกติธรรมดาสามัญทั่วไปแบบพ่อลูก ไม่ได้จะเป็นข่าวหรือดราม่าใดใดเลย แต่การให้ติ๊กเจอได้สองครั้งก็ต้องทำความเข้าใจว่า บางครั้งวีจิก็ต้องไปโรงเรียนจันทร์ถึงศุกร์ ผมเป็นพ่อผมถ่ายละครจันทร์ถึงพุธหนึ่งเรื่อง พฤหัสถึงอาทิตย์อีกหนึ่งเรื่อง กว่าจะว่างก็เสาร์-อาทิตย์ หรือถ้าเกิดไปเรียนว่ายน้ำ ไปเรียนภาษาอังกฤษอีก ก็แบ่งกันเดือนละสองวัน ผมสองวัน ติ๊กอีกสองวัน มันก็โอเคนี่ครับ มันก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่ดูไม่เหมาะสมตรงไหนเลย”

เรียกว่าทุกอย่างดำเนินตามขั้นตอนของมันไปตามปกติอยู่แล้ว?
“ใช่ครับ เอาตั้งแต่คุณติ๊กเขาท้องยังไม่ย้ายออก วีจิเพิ่งคลอด ผมทำงาน7วันเป็นเดือนๆ วีดีโอคอลตลอด เข้าบ้านฉีดน้ำยาปุ๊บ ขึ้นห้องนอน เช้าตีห้าออกอีกแล้ว ทุกวันเป็นอย่างนี้ ชีวิตเป็นแบบนี้”

แล้วอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะทำให้ฟิกวันใหม่ไหม ว่าอีกฝ่ายจะได้เจอลูกได้เดือนละกี่ครั้ง?
“ก็คงต้องฝากที่ปรึกษาทางกฎหมาย แล้วก็พี่เลี้ยงเป็นคนสื่อสารกับเขา ว่าเราไม่อยากให้น้องเล่นอะไรที่มันผาดโผน หรืออะไรที่มันดูไม่ค่อยปลอดภัยทั้งที่มันยังไม่ถึงวัยเขา อะไรที่มันเป็นตัวเขา ถ้าถึงเวลาที่เขาชอบอะไรแล้วเราค่อยให้เขาเลือก บางทีเขาอาจจะไม่อยากขี่มอเตอร์ไซต์ ไม่อยากต่อยมวยก็ได้ ไม่อยากจะใส่กางเกง เพราะว่าเขาเป็นผู้หญิง เขาอาจจะอยากแต่งตัวสวยๆ อยากจะทักเปียสวยๆ อยากจะใส่ชุดสวยๆ คือปล่อยเขา ถ้าถามว่ากลับมาเป็นครอบครัวกันได้อีกไหม ไม่ครับ เพราะว่าผมทำดีที่สุดทุกอย่างแล้วครับ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image