ยืนยันว่าขอเป็นนักแสดงอิสระหลังหมดสัญญากับบ้านเก่า ล่าสุด เชียร์-ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ ยังได้มาร่วมงานกับวิกพระรามสี่ในละครซีรีส์เรื่องใหม่ “เดอะ คิวปิด บริษัทรักอุตลุด ตอน ซ่อนรักกามเทพ” ทำให้หลายคนมองว่าเธออาจจะเซ็นสัญญากับทางช่องนี้ ล่าสุดเจ้าตัวได้มาร่วมงาน “เปิดวิกบิ๊ก 3 Runway 2016” พร้อมกับชี้แจงว่า วันนี้มาในฐานะนักแสดงคนหนึ่งของซีรีย์เดอะคิวปิด บริษัทรักอุตลุด ของบรอดคาซท์ ตนขอขอบคุณช่องและ หน่อง-อรุโณชา ที่ให้โอกาส ส่วนตัวรู้สึกตื่นเต้นละดีใจที่ได้มาร่วมงานกับคนใหม่ๆ ส่วนเรื่องการเซ็นสัญญานั้นตนมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ แค่ตอนนี้มีความสุขที่ได้ทำงาน และอยากจะขอใช้เวลาศึกษาว่าที่ไหนจะเหมาะสม ซึ่งตอนนี้ยังยืนยันว่าเป็นนักแสดงอิสระ
“แฮปปี้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือการแฮปปี้ ไม่ใช่ว่าเราทิ้งที่ไหนมา ไม่ใช่อย่างนั้นแต่เรารู้สึกแฮปปี้กับการที่เราคิดว่าเราอยากจะเป็นอิสระเพราะเราอยากจะเรียนรู้การทำงานที่ใหม่ๆและเราได้ทำกับมันจริงๆมันเป็นไปตามแพลนที่เราวางไว้ ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีแล้วก็แต่ละที่แต่ละอย่างต้องบอกว่าการทำงานมันไม่เหมือนกันเลยนะคะเพราะฉะนั้นแล้วเราจะรู้สึกว่าเราได้อะไรใหม่ๆตลอดเวลา ก็ดีกับชีวิตการทำงานเราค่ะ”
“แนวโน้มคืออย่างที่เชียร์เคยให้สัมภาษณ์ค่ะคือเรามาอยู่ตรงนี้คือมันไม่ใช่แค่เราจะรู้สึกว่าเราจะตัดสินใจหรือเอาตัวเองเป็นเซ็นเตอร์ขนาดนั้น แต่คือบางทีเราอยากทำงานกับที่นี่ แต่ที่นี่อาจจะไม่เหมาะกับเราหรือเปล่า ฉะนั้นแล้วเชียร์ขอในการเริ่มทำงานก่อนแล้วกัน ว่าที่ไหนจะเหมาะกับเรา ซึ่งเหมือนเป็นการให้โอกาสทั้งตัวเองและให้โอกาสทั้งสังกัดต่างๆด้วยที่จะเซ็นสัญญากับเรา บางทีเขาอาจจะอยากได้เรา แต่พอเราไปทำงานเขาอาจจะคิดว่าเราไม่ใช่แบบที่เขาอยากได้ก็ได้ ต้องบอกว่าถ้าเป็นโอกาสในครั้งนี้นะ มันค่อนข้างสบายๆมากๆเลยซึ่งแค่เราได้มีโอกาสมาร่วมมันก็เป็นความพิเศษของเราแล้วล่ะ ฉะนั้นเรื่องสัญญาเชียร์ว่ามันก็เป็นแค่หลักฐานอันหนึ่งเป็นแค่รูปธรรมอันหนึ่ง แต่เชียร์ว่าในแง่นามธรรมเชียร์โอเคแล้วค่ะ” เชียร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการผันตัวเป็นนักแสดงอิสระในครั้งนี้ทำให้มีกระแสโจมตีรุนแรงว่าเนรคุณ ซึ่งเชียร์ บอกว่าแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรถูกผิดสำหรับความคิดคน แต่สำหรับตนมีหนทางที่ชัดเจนแล้วว่าอยากเป็นนักแสดงอิสระ จึงไม่เสียใจหากใครจะคิดอย่างไรก็ให้เป็นความคิดส่วนบุคคล
“หนทางเชียร์ชัดเจนมากว่าเราต้องการเป็นอิสระ เราต้องการมาเรียนรู้ประสบการณ์อะไรใหม่ๆ ซึ่งเชียร์ว่ามาตรฐานในชีวิตคนเรามันไม่เท่ากันอยู่แล้ว ฉะนั้นใครจะตัดสินเรายังไงเราไม่รู้สึกว่าเขาคิดผิดหรือเขาคิดถูกคิดผิด เชียร์ว่าเรื่องนี้ถ้ามองด้วยความเป็นกลางนะ คือถ้าเราไม่เอามาตรฐานของเราไปตัดสินใครมันก็เป็นเรื่องที่แล้วแต่คนตัดสินใจแล้วกัน ถามว่าเสียใจไหม ไม่เลยคือเราก็มองแบบนี้บางเรื่องเราอาจจะมองว่าไม่น่าทำอย่างนี้เลย แต่พอเรามองดีๆแล้วเราจะคิดได้ว่าแล้วเราเอาอะไรมาวัดล่ะ มาตรฐานเราคือตรงไหนประมาณนี้มากกว่าค่ะ ฉะนั้นแล้วเรื่องแบบนี้เชียร์จะรู้สึกว่ามันจะไม่บั่นทอนจิตใจเพราะมันก็เป็นความคิดของเขา แต่ความคิดของเรา เราตัดสินใจก็โอเคเดินตามสิ่งที่เราเลือกที่จะทำดีกว่า”
