สืบเนื่องจากกรณีของพิธีกรหนุ่ม น็อต – อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล ที่ด่าทอและต่อยหน้า นายกิตติศักดิ์ สิงโต เป็นจำนวนหลายครั้ง และยังบังคับให้กราบรถ เนื่องจากนายกิตติศักดิ์ขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถมินิคูเปอร์ คันทรี่แมนของน็อตจนไฟท้ายแตก โดยน็อตเข้าใจว่าคู่กรณีตั้งใจหนีจึงบันดาลโทสะ ที่กำลังเป็นที่วิพากา์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้
ในส่วนของคนบันเทิงเองนั้น ก็มีหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าว เริ่มจาก อ้น – ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์ ที่แต่งกลอนให้กับกรณีที่เกิดขึ้น
ส่วน พล่ากุ้ง – วรชาติ ธรรมวิจินต์ ก็โพสต์รูปรถมินิคูเปอร์
พร้อมข้อความบรรยายภาพถึงเรื่องการให้อภัยว่า “อภัยทาน หมายถึงการให้อภัยไม่ถือโทษโกรธเคืองไม่จองเวรจองกรรมต่อใครๆบางครั้งบางเหตุการณ์อภัยทานนี้อาจจะมีความยิ่งใหญ่และสำคัญมากถ้าไม่ให้อภัยแล้วไหนเลยจะให้ข้าวของเงินทองช่วยเหลือพวกศัตรูหรือผู้ที่ตนเกลียดได้ ถ้าไม่ให้อภัยแล้วไหนเลยจะให้ความรู้ให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์แก่พวกคนที่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับตนเองได้ ที่จริงแล้วการให้อภัยเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไปสำหรับกัลยาณชนคนดีงามทั้งหลาย
แต่การให้อภัยนั้นต้องมีเหมือนกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คือถ้าฝ่ายหนึ่งให้อภัยแล้วอีกฝ่ายหนึ่งยังจ้องที่จะทำลายล้างผลาญกันอยู่การให้อภัยมันก็เกิดไม่ได้ มีเรื่องแปลกอยู่สำหรับมนุษย์ปุถุชนทั่วไปที่ต้องการให้คนอื่นให้อภัยแก่ตนเองไม่ต้องมาโกรธไม่ต้องเกลียดไม่ต้องคิดทำร้ายไม่ต้องมาเบียดเบียนตน ถึงแม้ตนจะไปฆ่าเขาก่อนทำร้ายทำลายไปด่าไปว่าเขาก่อนก็ตามหรือแม้เรื่องที่ตนทำผิดต่าง ๆ ก็ตามจะมากน้อยอย่างไรก็ต้องการให้คนอื่นอภัยให้
แต่ถึงคราวที่ตนจะต้องให้อภัยคนอื่นบ้างกลับทำไม่ได้ คือจะคิดว่าตนเองถูกหมดคนอื่นผิดหมดแล้วอภัยทานจะเกิดได้อย่างไร ผู้ที่เป็นตัวอย่างในเรื่องอภัยทานคงไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้า แม้อดีตชาติที่ผ่านมาจะกี่ร้อยกี่พันชาติก็ตามถึงจะถูกพระเทวทัตจองเวรทำร้ายขนาดไหนก็ตาม แม้ในปัจจุบันที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วพระเทวทัตก็คงตามทำร้ายทำลายพระพุทธเจ้าเหมือนเดิมจนวาระสุดท้ายพระเทวทัตก็ถูกแผ่นดินสูบ ก็ไม่ปรากฏแม้แต่นิดเดียวว่า พระพุทธเจ้าทรงผูกเวรจองเวรกับพระเทวทัต ทรงให้อภัยได้เสมอ
ถ้าจะคิดง่าย ๆ ในเรื่องอภัยทาน เราในฐานะเป็นชาวพุทธนับถือพระพุทธเจ้าศึกษาเรียนรู้ธรรมมามากการอภัยทานเป็นความประพฤติที่คนประเสริฐที่สุดในโลกคือพระพุทธเจ้า ทรงประพฤติเป็นแบบอย่างพวกเราจะให้อภัยเพราะถือว่าได้ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเราก็จะเป็นคนประเสริฐเหมือนอย่างพระองค์ท่านได้ หรือเราจะมาคิดถึงส่วนรวมที่จะต้องมาเสียหายเพราะการทะเลาะวิวาทกันของพวกเราก็พอจะให้อภัยหยุดทะเลาะกันได้ หรือไม่ก็มาคิดถึงเรื่องเวรกรรม เมื่อเราทำกรรมกับเขาสักวันหนึ่งเขาก็ต้องทำกับเราคืนบ้างซึ่งมันอาจจะแรงกว่าที่เราทำกับเขาก็ได้ หรือต้องไปตามใช้เวรกรรมกันอย่างไมมีที่สิ้นสุด”
ด้าน อ้น – สราวุฒิ มาตรทอง ก็ขอเตือนให้ทุกคนมีสติและเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเขาว่า “ระวัง!อย่าให้อารมณ์กลายเป็นศาลเตี้ย…ระวัง!อย่าละเลงตัวหนังสือด้วยความสะใจ ปล่อยให้กฎหมายและข้อเท็จจริงทำหน้าที่ของมัน เราควรเรียนรู้จากสถานการณ์…พอแล้ว”
คล้ายๆ กับ แบงค์ – ปรีติ บารมีอนันต์ ที่อยากให้ทุกคนตั้งสติ แล้วทำตามที่เขาว่า “สองวันมานี้มีแต่ข่าวไม่ดีตั้งแต่ลากคนลงจากมอไซค์ลงมาต่อยเพราะพลาดไปชนรถเค้า อีกอันนึงกระบะต่อยเจ้าหน้าที่ทางด่วน….ใจหนึ่งผมเองก็อยากวิพากษ์วิจารณ์แบบรุนแรงเหมือนหลายๆคนนั่นแหละ….แต่….ผมคิดถึงพระองค์ท่านที่มองดูพวกเรา มองดูสังคมของชาวสยามอยู่ ผมคิดได้เองว่าพระองค์ท่านคงจะทรงงานอยู่บนฟ้าแล้วมองลงมา…ท่านคงเสียพระราชหฤทัยในพระราชดำรัสที่ท่านเคยทรงตรัสสอนไว้ว่า “ประมาณตน…แล้วอย่าทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”….ผมเสียใจนะ…อยากให้ทุกคนตั้งสติ….ไหนบอกมาหลายปีแล้วไงว่าจะทำดีเพื่อพ่อ?….แล้ววันนี้ไม่มีพ่อแล้วแต่ก็ยังไม่สายที่เราจะเริ่มใหม่ทำตัวให้ดีขึ้นเนอะ:)….เราอยู่ในบ้านของพ่อ…ในฐานะลูก ผมเองก็ไม่อยากเห็นคนในบ้านทะเลาะกันเองอีกแล้วทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่…..ข้าพระพุทธเจ้านักดนตรีของพระราชาในรัชกาลที่9….ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด#นักดนตรีของพระราชา”
ดังนั้นแล้ว เราทุกคนก็ควรอ่านข่าวอย่างมีวิจารณญาณ และใช้ชีวิตอย่างมีสติ
ขอบคุณภาพจาก bankkcash, plakung001, aonsarawut_sky, ohnsri1000
