‘พงษ์พัฒน์’ เผยอยู่เคียงข้าง ‘หม่อมน้อย’ จนวินาทีสุดท้าย จากไปอย่างหมดห่วง ‘นก สินจัย’ ยกเป็นครูตลอดชีวิต ย้ำคำสอนอย่ามักง่าย
เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร สถานที่จัดพิธีบำเพ็ญกุศลและรดน้ำศพ หม่อมน้อย หรือ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล ทั้งนี้ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์-แดง ธัญญา วชิรบรรจง, นก สินจัย เปล่งพานิช, ก้อง ปิยะ เศวตพิกุล, ชุดาภา จันทเขตต์ เดินทางมาร่วมงาน
ก่อนร่วมกันให้สัมภาษณ์ โดย พงษ์พัฒน์ กล่าวว่า ช่วงที่หม่อมน้อยไม่สบาย พวกตนไปเยี่ยมกันบ่อย ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นป็นสัจธรรม ซึ่งเราทุกคนต้องยอมรับ
พงษ์พัฒน์บอกด้วยว่า ตั้งแต่ได้พบกัน หม่อมน้อยก็สั่งสอนมาตลอดว่า อยู่วงการนี้ให้ทำดีๆ อย่ามักง่าย
“นี่คือสิ่งที่อาจารย์รักและห่วงใยพวกเราตลอด”
เล่าด้วยว่า ตอนที่หม่อมน้อยสิ้นใจ ตนก็ไปอยู่ข้างๆ ร่วมกันคนอื่นๆ อีกหลายคน
“ตามความเชื่อของพุทธศาสนา คือในวาระสุดท้ายที่จิตสุดท้ายจะออกจากร่าง เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด พวกเราทุกคนช่วยกันสวดมนต์ส่งอาจารย์ ได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว คิดว่าสว่างกับหนทางที่ไป และใสสะอาด สวยงามครับ”
ด้าน นก สินจัย บอกว่า ในความคิดของตนหม่อมน้อยคือครู และจะเป็นครูไปตลอดชีวิตของพวกเรา
“ไม่ใช่ตลอดชีวิตท่าน เป็นครูตลอดชีวิตของทุกคนที่ได้เรียน”
“วันนี้ท่านไปแล้ว คำสอนท่านยังอยู่นะ และต้องปฏิบัติตลอด” พงษ์พัฒน์กล่าวเสริม
“อย่ามักง่ายนะ วันไหนที่คุณมักง่าย ถึงแม้ว่าอาจารย์จะจากเราไป 10-20 ปี พวกเราทุกคนก็ต้องไม่มักง่ายไปตลอด ตามคำสอนของอาจารย์”
ขณะ ชุดาภา ก็ว่า นอกจากคำสอน หม่อมน้อยยังเป็นตัวอย่างในด้านการทำงาน เป็นคนทุ่มเท มีพลังในการทำงานสูงมาก “ซึ่งการกระทำของหม่อมเป็นคำสอนด้วย นอกจากคำพูดที่หม่อมพยายามสอนทุกอย่างแล้ว”
สินจัยยังบอกอีกว่า เธอมีโอกาสได้แสดงเป็นนางเอกในภาพนตร์เรื่องแรกของหม่อมน้อย ตอนนั้นต่างคนต่างใหม่และสนุกที่จะได้ทำอะไรร่วมกัน สนุกที่จะเผชิญกับปัญหา
“นกว่ามันคือประสบการณ์ที่ดีมากๆ จนถึงวันนี้ หม่อมได้ทิ้งทุกอย่างไว้ให้กับวงการ ทิ้งลูกศิษย์ทุกคน ทิ้งคำสอนทุกอย่างไว้ เรามีหน้าที่ทำตาม เลือกทำต่อ คือความซื่อสัตย์ของเรานี่แหละที่จะตอบแทนท่าน ว่าคุณจะรักษาสิ่งดีๆ ที่หม่อมสอนไว้ยังไงต่อไป หม่อมเห็นเราอยู่แล้ว เชื่อว่าหม่อมเห็นเราแน่ๆ เพียงแต่ว่าคุณจะเป็นยังไงต่อไป นกเชื่อว่าหม่อมได้ทิ้งทุกอย่างไว้ให้กับวงการ”
เธอยังบอกด้วยว่า ถึงวันนี้คำสอนของหม่อมน้อยที่จำขึ้นใจ คือให้ศรัทธาในการทำงาน ซื่อสัตย์ เคารพสิ่งที่ทำ เคารพอาชีพ
“นั่นคือสิ่งที่หม่อมพูดมาตั้งแต่แรกเลย คุณมีหรือเปล่า ถ้ามีฉันจะสอน ถ้ามี คุณก็เป็นนักแสดงที่ดีได้ ท่านได้บ่มเพาะนก มาจนเป็นนก สินจัย ในทุกวันนี้”
ส่วน ก้อง ปิยะ ก็ว่า 4 ปี ที่ได้ทำงานกับหม่อมน้อยในเรื่อง ‘ศรีอโยธยา’ หม่อมน้อยได้ปรับคาแร็กเตอร์ ปรับทุกสิ่งทุกอย่างในการแสดงให้ซึ่งถือเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิต
“ครูแนะนำสิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดให้กับเรา เราก็พยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับครู ถือว่าครั้งนี้เป็นการสูญเสียที่สำคัญมากๆ ในชีวิตของพวกเรา ซึ่งเป็นศิษย์ของหม่อม”
เขายังบอกด้วยว่าสิ่งที่หม่อมเป็นห่วงที่สุดในวาระสุดท้ายก็คือผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุด ‘Six Characters มายาพิศวง’
“หม่อมห่วงหนังจนวาระสุดท้ายเลย พี่อ๊อฟ พี่แดง บอกว่าหนังเข้าแล้วนะ คนได้ชมแล้วนะ หม่อมก็มีความสุข”
เรื่องนี้แดง ธัญญา เสริมว่า ตอนงานรอบกาล่า หม่อมน้อยซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลยังติดตามดูบรรยากาศงานผ่านการถ่ายทอด
“วันรุ่งขึ้นพวกเราเข้าไปหา หม่อมก็หมดห่วงทุกอย่าง ดูเหมือนจะรอวันนั้นที่จะได้ปลดล็อก เพราะตอนเช้าครูเล็ก ภัทราวดี ได้วิดีโอคอลเข้าไปชื่นชม บอกว่าชอบหนังนะ ดีจังเลย หม่อมก็ยิ่งรู้สึกดี และอยากจะโต้ตอบมาก แต่ก็โต้ตอบไม่ได้แล้ว เรารู้สึกว่าหม่อมสบายใจเพราะคนระดับครูเล็กส่งข่าวมา พวกเราทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันจบได้สวย มันดีแล้วนะ”
ธัญญายังบอกด้วยว่า ก่อนหน้านั้นดูเหมือนหม่อมน้อยมีอาการหายใจลำบาก แต่ก็เหมือนพยายามจะอยู่จนถึงวันที่หนังเข้าโรง และก็จากไปในวันนั้นจริงๆ
“ดูเหมือนหายใจลำบาก แต่ก็พยายามที่จะอยู่ เพื่อที่จะรับรู้ว่ามันสิ้นสุดแล้วนะ เพราะมันเป็นวันที่หนังฉายวันแรก หม่อมไปอย่างสบายใจจริงๆ” “ตอน 22.20 น. วันที่ 15 กันยายน ก็หมดห่วงทุกอย่าง” พงษ์พัฒน์กล่าวในที่สุด
เมื่อถามว่า หม่อมน้อยเป็นต้นแบบให้กับการทำงานอย่างไรบ้าง?
พงษ์พัฒน์กล่าวว่า หลายอย่าง เรื่องของความตั้งใจทำงาน วิธีการคอนแท็กต์กับแต่ละคน ในการที่เราจะคอนแท็กต์นักแสดงแต่ละคน หม่อมน้อยเป็นตัวอย่างของการสอนไปด่าไป พวกเราทุกคนโดนด่าหมดเวลาที่อาจารย์สอน แต่คำด่ามันจะเป็นคำสอนที่เข้าไปอยู่ในหัว คนบางคน…ธรรมดาไม่รู้เรื่องต้องด่าก็มี อาจารย์สอนให้เราเรียนรู้ว่าคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน วิธีการของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
ขณะที่ แดง ธัญญา กล่าวเสริมว่า ท่านจะให้เราไปหา ไม่ใช่จบคลาสแล้วก็จบกันไป ไม่ใช่ ต้องเข้าไปหา แล้วแกจะตักเตือนและให้วิชา บอกว่ามันควรจะต้องอยู่ยังไงในสภาวการณ์ที่วงการภาพยนตร์มันเปลี่ยนไปมาก
ตอนที่แกเจ็บแกยังพูดอยู่เลยว่าต้องปรับตัวนะแดง ทำงานต้องคิดให้เยอะขึ้น แกก็ยังห่วงอยู่ หน้าที่ของเราในฐานะศิษย์ที่ได้รับความรู้มากมายจากท่านก็มีหน้าที่จะต้องส่งต่อ อันนี้คือภารกิจที่ยิ่งใหญ่มากๆ ที่จะต้องส่งต่อให้กับนักแสดงรุ่นใหม่เพราะเป็นคำสอนที่อมตะ เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถจะรับได้ และเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพต่อไปได้
