คำฟ้องของ ‘ฟิล์ม’ เรื่อง’แจม รชตะ’ ดิบเถื่อนทำช้ำจนเขียว และคำถามในฉากรัก “เบามือรู้จักไหม”?
กำลังเดือดกันเลยทีเดียว สำหรับ กระแสละคร ‘คุณชาย’ ที่ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ทุกวันที่ออกอากาศ งานนี้ มติชนออนไลน์ เลยขอพาตัว 2 หนุ่ม ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ ที่รับบท ‘เทียน’ คุณชายใหญ่ของตระกูล และ แจม-รชตะ หัมพานนท์ กับบท ‘จิว’ นักฆ่าหนุ่มที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับความรัก มานั่งพูดคุยกันเสียหน่อย
กับบทนักฆ่า แจมบอกว่า การทำการบ้านขั้นต้นของตนคือต้องมานั่งคิดก่อนว่า จิวฆ่าเพราะอะไร มีจุดประสงค์อะไร รวมถึงไปดูซีรีส์เพื่อศึกษาคาแรกเตอร์ของนักฆ่า
“ต้องสื่อสารทางสายตามากๆ เลยครับ”
หากเป็นในพาร์ทของความรัก แจมก็ว่า “พี่ฟิล์มก็จะให้มุมมองความคิดของตัวละครว่า อย่าไปฟิกอะไรเยอะ ปล่อยให้เป็นไปตามความรู้สึก”
แต่กับเรื่องความฟิน ความจิ้น ฟิล์ม กลับบอกว่า “ผมไม่มีฟีลนั้นเลยนะ คิดว่ามันต้องจิ้นหรืออะไร ผมแค่รู้สึกว่าถ้าคนดูจะจิ้นก็ปล่อยให้เขารู้สึกตามตัวละครไป”
“เราเล่นแค่ในฐานะตัวละครให้ดีที่สุดเท่านั้นพอเลย”
“เราไม่ได้บอกว่าฉากนี้สบตาแล้วเกิดความรัก คือมันไปตามเรื่องราวมากกว่า” แจมว่า
การต้องปรับบทบาทจากพระเอกในละครทั่วๆ ไป มารับบทในละครแนวชายรักชาย ฟิล์มบอกว่า เป็นอีกหนึ่งความยากในการทำงานครั้งเช่นกัน
“ผมไม่อยากให้มันมีเงื่อนไขกับความรักครั้งนี้”
นั่นเลยทำให้เขาต้องทำการบ้านกับความไกลของบทบาทและความเป็นตัวเอง
“ในเรื่องของเลิฟไลน์ เรื่องความเป็น LGBTQ ของเรา ในส่วนอื่นๆ ผมว่ายังไม่หนักเท่าส่วนนี้”
“เรามีเพื่อนพี่น้องแบบนี้ก็จริง แต่ว่าเราไม่เคยรู้สึกแบบที่เขารู้สึกจริงๆ ความยากคือการที่เราจะรู้สึกให้ได้แบบเดียวกับเขา เราก็ต้องไปทำการบ้านในส่วนของตรงนั้น แล้วก็เอามาเบลนด์กับบทเพื่อให้เข้ากับบทมากที่สุดครับ”
ซึ่งกว่าจะเป็นแบบที่แฟนๆ อินกันนั้นก็ผ่านมาทั้ง “การเวิร์คช้อปและพูดคุยกับผู้กำกับ เพราะช่วงแรกก็มีเยอะมีน้อยไป พอเล่นไปสักพักก็จะได้ตรงกลางของพวกเรา”
ก่อนที่แจมจะเล่าต่อว่า “ครั้งแรกที่ผมตั้งต้นตัวละครนี้มา มันเทคแค่ความรัก ถ้ารักก็คือรักไม่ได้กำหนดว่าเพศไหน”
“แต่ผู้กำกับเขาอยากตีกรอบตัวละครนี้ให้ชัด เจอเทียนก็ชอบไปเลย”
แต่เมื่อเข้าถึงฉากเลิฟซีนความยากกลับไม่ใช่ที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย กลับเป็นเรื่องของความละมุนที่ฟิล์มบอกว่าแจมมีน้อยไปมาก
“ความที่เขาแรงเยอะและดิบๆ เขาจะกะแรงไม่เป็น แล้วพอมันต้องมาดูอ่อนหวาน มีความละมุน ผมรู้สึกว่าน้องควรจะมีความนุ่มนวลกว่านี้”
“เบามือรู้จักไหม” ว่าแบบตั้งใจแซว แล้วเขาก็หันไปมองหน้าอีกฝ่าย ซึ่งแจมก็ตอบกลับมาด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนจะแจงว่า
“คือผมเป็นคนที่ดิบๆ เถื่อนๆ แข็งๆ แต่เขาเป็นคนที่มีความอ่อนหวานในตัว ผมเลยต้องดูดความหวานของพี่ฟิล์มเข้ามา”
ด้วยความดิบๆ เถื่อนๆ ที่เจ้าตัวนิยามให้ตัวเองนั้น กว่าจะลงล็อกมีโมเมนต์หวานๆ ก็ทำให้ฟิล์มเจ็บระบมไปไม่น้อยเหมือนกัน
“แขนจะหักแล้วจ้า เล่นกันจนแขนผมเขียวอ่ะ ตื่นมาอีกวันเป็นรอยมือเขาเป็นจ้ำ” ฟิล์มฟ้อง
ทั้งนี้แจมบอกว่า ตัวเขากับฟิล์มรู้จักกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน ดังนั้นเวลามีอะไรก็จะคุยกันตรงๆ
แถมบางครั้งบางครายังผสมการลงมือทำให้ดู โดยฟิล์มบอกว่าคนที่มีความรักจะจับ จะสัมผัสกัน ต้องเป็นแบบไหน
“แตะหัว จับแก้ม ทำยังไง ต้องสอนอินดีเทลแบบลึกเลย”
“คือไม่ต้องรีบ เวลาเรามีความรักอ่ะ จะอยากอยู่ในโมเมนต์นั้นนานๆ ต้องค่อยลูบ ค่อยๆ สบตา อยู่กับความรู้สึกนั้นนานๆ”
และ ‘ครูจำเป็น’ อย่างฟิล์มก็ว่า เมื่อผลออกมาดีอย่างที่เห็น “ก็ดีใจที่น้องทำได้ แล้วทุกคนก็ชอบ”
ครั้นถามถึงการที่ละครแนววาย หรือชายรักชายแบบนี้ ได้พัฒนาจนสามารถมาเป็นละครในช่วงเวลาไพร์มไทม์แล้ว
ฟิล์มบอก “ดีใจครับ”
“มันคือการยอมรับอีกหนึ่งจุดสำคัญ ที่เรารู้สึกว่าสังคมปัจจุบันโลกเปิดกว้างขึ้น สังคมยอมรับมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน”
“แล้วก็ดีใจที่ได้อยู่ในโปรเจ็คต์นี้ ได้อยู่ในกระบอกเสียงที่ทำให้กลุ่มคน LGBTQ ได้มีพื้นที่ของตัวเอง”
ด้านแจมเสริมว่า “ละครก็ให้เราได้เรียนรู้แหละ ว่าเมื่อก่อนที่สังคมยังไม่ยอมรับ มันทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วก็ปัญหาของครอบครัวที่ถ้าพ่อแม่ยังบังคับลูกอยู่ ก็เกิดปัญหาในครอบครัว”
“ไม่ใช่แค่เรื่องเพศนะครับ แล้วสุดท้ายคนที่โดนตีกรอบ เขาก็ทรมาน คนที่ตีกรอบเขาก็ทรมานไปด้วย เพราะไม่ได้ดั่งใจตัวเอง”
ส่วนมุมในเรื่องความหลากหลายทางเพศนั้น ฟิล์มก็ว่าการได้มาเล่นละครเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เปลี่ยนไป ด้วยเหตุเพราะแต่ไหนแต่ไร เขาก็มองว่าทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกันมาโดยตลอด
“สำหรับผม ไม่เคยด้อยค่าใครตั้งแต่แรก มนุษย์ทุกคนมีค่าเท่าเทียมกัน ไม่ใช่แค่เรื่องเพศนะครับ ไม่ว่าจะรวยจะจน จะมีหน้าที่การดีหรือไม่ดี”
“มนุษย์ทุกคนมีค่าเท่าเทียมกันเสมอครับ”
