‘ป๋อ-เอ๋’ ย้อนเล่าในวันที่เกลียดกันจนไม่อยากเห็นหน้า ไปต่อไม่ได้ถึงขั้นคิดหย่า

‘ป๋อ-เอ๋’ ย้อนเล่าในวันที่เกลียดกันจนไม่อยากเห็นหน้า ไปต่อไม่ได้ถึงขั้นคิดหย่า

เป็นคู่ที่สวีทหวานจนหลายคนอิจฉา สำหรับ พระเอกหนุ่ม ป๋อ ณัฐวุฒิ และภรรยาคนสวย เอ๋ พรทิพย์ แต่ใครจะเคยรู้ว่าทั้งคู่เคยต้องผ่านมรสุมชีวิตคู่ที่ทำเอาเกลียดกันจนไม่อยากเห็นหน้าและมีคำว่าหย่าเข้ามาในชีวิตคู่แลอ้ว

ความสัมพันธ์ตอนนี้ของป๋อกับเอ๋เป็นอย่างไร?
ป๋อ : โครตดี มันไม่ได้ว้าวนะ มันเหมือนประคองเดินไปด้วยกันสบายๆ บนถนนเส้นนึง ซึ่งก็ชมนกชมไม้ไปเรื่อย แต่ก่อนจะมาถึงเส้นนี้ก็เจอเรื่องที่มันยาก

ช่วงที่ขรุขระคือช่วงไหน?
เอ๋ : ช่วงมีลูกคนแรก เพราะว่าเราไม่เคยมีลูกกันมาก่อน ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเมื่อเมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้ ขั้นต่อไปต้องทำอะไร เราไม่รู้ ก็เลยเกิดการทะเลาะกัน เพราะเธอคิดแบบนั้น ฉันคิดแบบนี้ ทำไมเธอไม่คิดแบบฉัน ทำไมฉันไม่คิดแบบเธอ

ป๋อ : ทะเลาะกันตลอดเวลาตั้งแต่คบกันแล้วนะ เป็นทะเลาะแบบสามัญ แต่ตอนมีลูกมันทะเลาะที่รู้สึกว่ามันไม่เหมือนทุกครั้ง เป็นทะเลาะที่เห็นแววตาที่ไม่ใช่ของแฟนที่ทะเลาะกัน มันเริ่มเห็นแววตาว่าเอ๋ไม่ยอมแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นก็ได้เอาดิ เอาไง เริ่มท้าทาย แล้วเรารู้สึกว่ามันไปต่อไม่ได้

Advertisement

เคยถึงจุดที่รู้สึกว่าต้องยุติมั้ย?
เอ๋ : มีค่ะ อย่างที่พี่ป๋อเคยบอกว่า สายตามันเปลี่ยนไปสายตาที่เอ๋มองพี่ป๋อคือฉันไม่อยากเจอหน้าผู้ชายคนนี้ ฉันเกลียด มันมีอารมณ์นั้นแว๊บเข้ามา

ป๋อ : ตอนนั้นก็เกลียดเอ๋ ไม่ชอบ

Advertisement

เอ๋ : เขาบอกเอ๋เลยว่าพี่เกลียด

ป๋อ : ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้ ลงมาจากบันไดก็เกลียด ทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้ ทำไมต้องฟึดฟัด ทำไมอยู่กันดีๆ ไม่ได้ พูดอย่างนี้ก็จะไปอย่างนั้น เคยรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดมั้ย เราไม่ได้เกลียดแบบจะไปห้ำหั่นเขานะ แต่เราไม่ชอบเขาแบบนี้ 8 ปีที่ผ่านมาที่เคยจีบไม่ใช่ผู้หญิงแบบนี้นิ ทำไมเปลี่ยนไป มีลูกต้องดีขึ้น แล้วทำไมไม่พยายามสร้างให้มันดีกว่านี้ มันวน มันตีก็เกิดเป็นความชิงชัง สิ่งเหล่านี้เกิดอยู่ประมาณครึ่งปี เราถึงขั้นคิดของเราแล้วว่าเราจะไปไหนต่อ ถ้าเกิดหย่าต้องทำยังไง เคยถามเพื่อนที่เป็นทนายด้วยถ้ามันเกิดขึ้นอย่างนี้จะต้องทำยังไง คิดไปถึงนั้นแล้ว เอ๋ไม่เคยรู้ วันนึงเรียกกันมาคุยว่าถ้าเอ๋ทำแบบนี้ ลูกต้องอยู่กับเอ๋ เอ๋ก็ต้องมีผัวใหม่ พี่ก็ต้องมีเมียใหม่ แล้วอยากได้แบบนี้มั้ย ก็ได้นะ มันก็แค่นี้ วันนึงคุณต้องมูฟออนอยู่แล้ว ก็ต้องเลือกว่าเอ๋อยากได้แบบนั้นหรือเปล่า ตอนนั้นเลว เป็นคนมีมุมที่จะต้องชนะเหมือนกัน และคนที่เราทำร้ายก็คือเขานี่แหละ แล้วพอจะไปหย่าจริงๆ โมเมนต์มันเริ่มเกิด เราไม่ได้อยากได้แบบนี้ แล้วมัยแปลกมากที่เริ่มคุยดีมากขึ้น ทะเลาะน้อยลง ไม่เข้าใจเหมือนกัน

ในช่วง 6 เดือนนั้นเป็นอย่างไร?
ป๋อ : เราไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันเหมือนเดิมแล้ว เขาก็ไปในสิ่งที่เขาอยากไป ผมก็ไปทำในสิ่งที่ผมอยากทำมากขึ้น โดยไม่ต้องแคร์ซึ่งกันและกัน แต่ยังอยู่บ้านเดียวกันนะ เขาก็ไปกับลูกบ้าง จะไปกินข้าวเขาก็ชวนผมไป ก็ทำตัวปกติเหมือนเดิม ใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ก็มีบางช่วงที่ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างใช้ชีวิต และเราก็ไม่ชอบ ไม่ชอบโมเมนต์ของการโดดเดี่ยวแบบนี้ รู้สึกเหมือนอยู่ไม่ได้ อย่างที่คุณบอก เมื่อก่อนทุกอย่างมันเหมือนของตาย พอมาวันนี้เอ๋ไปกินข้าวกับเพื่อน 4-5 ทุ่มยังไม่กลับบ้าน เรารู้สึกว่าของตายอันนี้ มันเริ่มไม่ใช่ของตายของเราอีกต่อไปแล้ว และเขาสามารถไปคุยกับใครก็ได้ไง ก็เกิดอาการคุ้มคลั่งบ้างในบางครั้ง แต่ก็รู้สึกว่าทะเลาะกันเอ๋น้อยลงแล้วก็เริ่มไม่เกลียดเขาแล้ว

มันจบลงอย่างไร ความรู้สึกมันหายไปด้วยเหตุการณ์อะไร?
ป๋อ : ลูก แม่ คุยกับแม่ แม่บอกว่าผมไม่ได้อยากได้แบบนี้หรอก แม่บอกว่าผมพยายามได้มากกว่านี้ ก็เลยคิดว่า ใช่ ชนะไปแล้วได้อะไร

แล้วพฤติกรรมอะไรของเอ๋ที่ป๋อโคตรรำคาญ?
ป๋อ : เอ๋จะเป็นคนดื้อเงียบ เขาจะไม่ทำตาม แต่เขาจะไม่เถียง หรือจะมีภาษากายที่แสดงให้เราเห็นว่าเขาไม่ได้เรา ยิ่งไม่เถียงเรายิ่งรู้สึกโกรธ เถียงมันยังดีกว่า ก็อยากให้ลองพูดมา แต่เขาก็จะบอกว่าอย่าหาเรื่อง แต่เราแค่อยากจะพูดให้มันเคลียร์ และผมก็เป็นคนค่อนข้างเจ้ากี้เจ้าการด้วยแหละ เจ้าระเบียบ เจ้าวางแผน เป็นคนน่ารำคาญคนหนึ่งแหละ

เอ๋ : ความบ้าอำนาจ เผด็จการ เจ้าระเบียบ จุกจิกคิดเล็กคิดน้อย ก็หลายเรื่องอยู่นะ เขาจะเป็นผู้ชายหัวโบราณ จะคิดเสมอว่าสิ่งที่เขาคิด สิ่งที่เขาว่ามันเป็นสิ่งที่เขาวางแผนและถูกต้องแล้ว เอ๋ไม่มีสิทธิ์ที่จะเถียงหรืออะไร เอ๋ก็เลยเงียบ พอเงียบก็จะผิดว่าทำไมไม่พูด พอพูดก็ผิดว่าทำไมเถียง

ที่เขาเป็นอย่างนี้มันมีข้อดีมั้ย?
เอ๋ : ข้อดีคือเขารักเรา ถ้าไม่รักก็คงไม่เป็นอย่างนี้ ไม่เจ้าระเบียบ เจ้ากี้เจ้าการทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากความรักแหละ

ป๋อ : เพื่อนสนิทที่สนิทรู้ใจเรามาก เขาจะบอกว่ารู้มั้ยว่าเป็นเอ๋เหนื่อยนะ เขาเหนื่อยแทนเอ๋ที่อยู่กับผม (หัวเราะ) เพื่อนเข้าใจว่าเอ๋เหนื่อย ผมก็เลยพยายามไงผมความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องของความพยายาม มันไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์หรอก มันไม่มีใครสมบูรณ์แบบเป็นจิ๊กซอว์ที่ต่อกันพอดีตามที่เราคุยตอนงานแต่งมันไม่ใช่ขนาดนั้น เพราะสุดท้ายเราก็ต้องมาปรับกันเรื่อยๆ ต้องหาเวลามาต่อจิ๊กซอว์กันเรื่อยๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image