จากที่ช่วงก่อนหน้านี้ นักร้องดัง อมิตา ทาทา ยัง ได้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลยาวนานถึง 40 วัน ล่าสุดวันนี้ (14 ธันวาคม) นักร้องสาวได้เดินทางมาที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย พร้อมน้องเรย์ ลูกชาย เพื่อมอบผลิตภัณฑ์ อมิตา ดีเฟนซีฟ เอสเซนส์ ให้แก่ผู้มาบริจาคเลือด เนื่องในวันคล้ายวันเกิด อายุครบ 42 ปี โดยงานนี้เจ้าตัวก็ได้บอกเล่าถึงอาการป่วยก่อนหน้านี้ที่ยังต้องติดตามรักษาอย่างต่อเนื่องไว้ว่า
“ตัวทาเองมีปัญหาหลัก คือ โรคกระเพาะที่เป็นปัญหาใหญ่ อาจจะเพราะเราทำงานดึก ร้องเพลงกลับถึงบ้านเราก็หิว ก็กิน ยิ่งอายุมากทำแบบนั้นมันไม่เวิร์ก กรดไหลย้อนเอยอะไรเอย มันก็มาทำร้ายเส้นเสียงด้วย แต่ล่าสุดคือทาเป็นไซนัสอักเสบรุนแรงจนทำให้ปวดหูมาก เพราะมันคลั่ง โชคดีมากที่มันไม่ถึงขนาดเป็นหนอง แต่ติดเชื้อแบคทีเรียแบบรุนแรง ให้ยาฆ่าเชื้อไปทั้งหมด 9 ตัว แต่ไม่ได้ผล 3 ตัวแรกคือไม่ได้ผลเลย ยาฆ่าเชื้อบางตัวจะต้องลองให้ดูก่อน 2-3 วันถึงจะรู้ว่าได้ผลไหม ยาบางตัวเรากินแล้วไม่ได้ผลทันที เหมือนยาคลายกล้ามเนื้อ มันแล้วแต่คนจริงๆ
สำหรับทาให้ไปแล้ว 3 ตัวแรก ไม่ได้ผล มีอาการคลื่นไส้และอาเจียนหนักมาก ยิ่งทำให้เส้นเสียงพังไปอีก เครียดเลย ตอนแรกหมอบอกเส้นเสียงสวยกว่านักร้องหลายคนเรานี่ภูมิใจมาก แต่วันที่แย่ ทาร้องไห้หนักมาก ทาไม่เคยเห็นเส้นเสียงตัวเองเลือดออก แล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องกรดไหลย้อนที่มันส่งผลขึ้นมา มันเครียดด้วย ทาทานอะไรไม่ได้อาเจียนออกหมด
มาต่อเรื่องยาฆ่าเชื้อ 9 ตัวก็แล้ว ก็ต้องทานต่ออีก อาการนี้หาย อาการอื่นมา มันไม่จบไม่สิ้น เพลียมาก ทานอะไรไม่ได้เลย คุณหมอก็บอกไม่อยากให้น้ำหนักลด ตอนแรกเราคิดในใจเราก็ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์สิวะ เราจะได้ผอม หมอบอกเอาตัวเองให้หายก่อนไหม แต่น้ำเกลือเป็นร้อยถุงเลย เพราะเราทานได้แค่ผลไม้ ก็อยู่โรงพยาบาลรวมแล้ว 40 วันค่ะ ตอนแรกไม่คิดว่าจะนานขนาดนี้แต่ด้วยอาการไซนัสของเรารุนแรงจริงๆ แบคทีเรียเชื้อที่เราไปติดมา เราหายาที่มันเข้ากับเราไม่ได้ แล้วตัวทาเองร่างกายก็เซนซิทีฟ แพ้บ้าง อาเจียนบ้าง ท้องเสียก็มี แล้วมันต้องให้ครบโดส 3-7-10 วัน เรารู้สึกแย่มากๆ ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย
พอมีอาการปวดไซนัสมันจะมีอาการปวดหน้า กระบอกตา ทั้งหัวเลยก็มี ฟิวเหมือนขึ้นเครื่องบินตลอดเวลา มันคลั่ง ก็แย่ บ้านหมุนด้วยอีก หลับตาก็ไม่ได้ อาการคือโคลงเคลงเหมือนคนเมาบก เดินขาขวาก็ไม่มีแรง ต้องมีคนคอยพยุงตลอด แล้วบ้านเรา 4 ชั้น คุณหมอเลยไม่แนะนำให้กลับบ้านจนกว่าอาการบ้านหมุนจะหาย แล้วไข้ไม่ลดเลย มีไข้ต่ำๆ ตลอด”
ก่อนหน้านี้เธอเคยออกมาบอกว่ามีหลายโรคที่รุมเร้า ทาทาเผยว่าตอนนี้อาการป่วยที่เป็นคือติดเชื้อแบคทีเรีย บ้านหมุน ไซนัสไม่ดี และค่าเลือด มันให้ต้องนอนโรงพยาบาลไป 10 วัน เพราะคุณหมอไม่อยากให้ออก ถ้าออกไปก็จะไม่หายเลย
ขณะที่ทำการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลนานหลายวัน เธอบอกว่ามีท้อ เพราะว่าไม่ได้อยากอยู่ตรงนี้ แค่เดินไปเข้าห้องน้ำยังเหนื่อย แต่ก็ต้องพยายามเดิน เพราะไม่งั้นอาการมันก็จะไปเรื่อยๆ พอกลับมาบ้านก็นอนพักรักษาตัวเยอะๆ และยังต้องต้องไปฟอลโลว์อัพอีกครั้ง
“ตอนนี้ก็พยายามทำให้ชีวิตตัวเองปกติที่สุด แล้วตอนนี้โควิดก็มีรุ่นใหม่ตรวจแล้วขึ้นเส้นเดียว เราก็กังวลว่าจะเป็นหรือเปล่า กลัวเป็นอีก เพราะครั้งที่แล้วที่เป็นเข้าเป็นเดือนเลย เป็นหนักมาก เพราะเวลาทาเป็นที่ทาจะแย่โดยมากเป็นเรื่องของอาเจียน แล้วเวลาอาเจียนเส้นเสียงพัง ซึ่งเป็นอาชีพเราทำอะไรไม่ได้ ก็ไปกันใหญ่”
สิ่งที่คำคัญที่สุดคือลูก เพราะเป็นห่วงลูกมาก ไม่อยากให้เขามาเยี่ยมที่โรงพยาบาล เพราะว่ามันก็ไม่ได้เป็นที่ที่จะให้ลูกมา ทุกครั้งที่เห็นเขามันเหมือนต้องสู้
“ฉันต้องสู้เพื่อเด็กคนนี้ ฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อเขา แล้วมีวันที่เขามานอนกับทา เขาไม่ยอมกลับ เขานอนกับทาอยู่ 2-3 วัน เป็นวันที่อาการเราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าเราคงมีกำลังใจด้วยได้กอดเขา ได้อยู่กับเขา แล้วเขาก็เห็น ด้วยความที่ทาไม่มีเส้นเลือดที่เป็นเส้นตื้นที่สามารถให้ยาได้ ถ้ามองดีๆ ทาจะมีแผลที่หลังมือ ยังช้ำอยู่เลย อันนี้คือเปิด PICC line (เปิดที่ต้นแขนซ้าย) อันนี้คือรอบล่าสุด ส่วนข้างขวาคือรอบโควิด ไม่มีเส้นก็ต้องเปิดเข้าหลอดเลือดโดยตรง มันเป็นอะไรที่ทำงานแต่ว่าไม่มีใครอยากทำหรอกแต่ด้วยยาที่เราให้พอสักพักนึงอ่ะ มันระคายเส้นเลือดมากเพราะมันแรง คุณหมอเลยแนะนำว่าให้เปิดแบบนี้เลยดีกว่า”
หลังจากก็ต้องฟอลโลว์อัพทั้งเรื่องหูคอจมูก ที่จำเป็นมากๆ เธอบอกว่าเพราะมันเป็นเหมือนวงจรชีวิตคน พออันนี้มา อันนั้นมา มันก็กระทบกันและกัน แล้วก็เป็นเรื่องเครียด
ส่วนอาการไซนัส ทาทาบอก เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับการร้องเพลง เข้าโรงพยาบาล 40 วัน ต้องยกเลิกงานไป 10 งาน เพราะเวลาร้องเพลงต้องใช้ทั้งหมด หู คอ จมูก ซึ่งหมอที่เข้ามาดูเป็นหมออาจารย์ที่เกี่ยวกับเส้นเสียงโดยตรงเท่านั้น
“ไม่น่าเชื่ออ่ะ วันที่บอกเราว่าเส้นเสียงสวยที่สุดที่เคยเห็นมา จน 3 วัน ต่อมามาเห็นว่าเลือดออกอ่ะ อาจารย์ก็ช็อกเหมือนกัน”
สำหรับความเสียหาย หากนับตั้งแต่โควิดด้วย ทาทาบอกว่า “เป็นล้านกล้าบอกเลย”
ป่วยหนักขนาดนี้ ทาทาเองก็ยอมรับว่ามูหนักมาก ใหญ่มาก ถูกพระอาจารย์ใหญ่ๆ ทักก่อนเข้าโรงพยาบาลแไม่ถึง 2 วัน ทั้งตอนป่วยก็นึกถึง ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีทั้งพูด มีทั้งบน
“เรื่องมูคือหมดเลย เพราะมันอ่อนล้าและอ่อนแรงจริงๆ ฟังดูอาจจะไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ได้เป็นมะเร็ง หรือเป็นโรคที่มันหนักๆ ขอให้อย่าเป็นอย่างนั้นเลย และคนที่เราคิดถึงมากๆ คือ เพื่อนรัก คุณหญิงแมงมุม เพราะเราอยู่กับเพื่อน เราไปหาเพื่อนอยู่บ่อยๆ เราเห็นเขา เขาสู้มาก เราอยู่แค่ 40 วัน แต่เขาอยู่มาเกือบจะ 4 ปี ทาร้องไห้หนักมาก ทาโทรหาพี่ดอลลาร์ บอกเขาว่าเจอแค่นี้ทายังจะทนไม่ได้เลย ทาร้องไห้ สงสารทั้งเพื่อน สงสารทั้งตัวเอง แต่เราผ่านมาแล้ว และเราจะต้องไปต่อ”