‘กาละแมร์’ รับผ่านมรสุมช่วงที่มีน้ำตา แจงไม่ใช่เจ้าของ ‘พาวเวอร์ชอต’ ลาออกขอหาที่ยืนใหม่
เตรียมคัมแบ๊กกลับมาทำรายการแล้ว หลังขอถอนตัวออกไปนานเกือบ 2 ปี สำหรับ พิธีกรคนดัง กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ จากประดราม่าโฆษณาเกินจริงอาหารเสริม ‘พาวเวอร์ชอต’ พร้อมเปิดใจครั้งแรกในรายการ คุยแซ่บโชว์ ว่าความจริงแล้วไม่ใช่เจ้าของบริษัทอย่างที่ทุกคนเข้าใจ เป็นเพียงหุ้นส่วนคนนึงเท่านั้น พร้อมกลับมาทำรายการทอล์กอีกครั้ง
เราได้กลับมาทำงานที่เรารักที่สุดก็คืองานพิธีกร เราทำมา 20 กว่าปีอ่ะ เดือนหน้ากุมภาพันธ์ก็จะมีรายการใหม่ทางช่องเดิม ก่อนเที่ยง หลังจากที่วางมือไปเกือบ 2 ปี งานพิธีกรมันอยู่ในสายเลือด ไปไหนคนก็จะบอกคิดถึงเมื่อไหร่จะมีรายการอีก เราก็คิดถึงการสัมภาษณ์คนคุยกับคน พอผู้จัดที่เคยทำงานด้วยกันมาชักชวนว่ามีรายการที่เหมาะกับเราและไม่เคยทำ เป็นทอล์กที่ถ้าใครมีอะไรอยากเคลียร์ให้มา ‘เคลียร์กับแมร์’ เราคิดว่าทุกคนมีช่วงเวลาที่ผ่านเรื่องดีเรื่องไม่ดี มันผ่านมาได้ยังไง
การต้องกลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน กาละแมร์ ก็ว่า ตื่นเต้นอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือด ก็รอคอยที่จะทำอย่างเต็มที่ ไม่กลัวที่จะกลับมาแล้วไม่เปรี้ยงเหมือนเดิม แต่กลัวจะไม่ได้ทำในสิ่งที่รักมากกว่า จะไม่คิดกังวลอะไรไปก่อน คิดว่าอะไรที่ใส่เต็มที่ผลต้องออกมาดีแน่นอน
ก่อนจะย้อนเล่าถึงวันที่ตัดสินใจลาออกจากทุกรายการที่ทำอยู่ว่าเพราะมีสิ่งที่้ต้องไปแก้ปัญหา มีเรื่องวุ่นวายต่างๆ แล้วก็เกรงใจรายการไม่อยากให้ได้รับผลกระทบ ทั้งพิธีกรร่วม สปอนเซอร์ต่างๆ ก็ไปจัดการความรับผิดชอบของเราก่อนดีกว่า ก็เลยขอลาออกจากการเป็นพิธีกรในตอนนั้น ตอนนั้นทุกคนก็บอกว่าต้องถึงขั้นนั้นเลยหรอ แต่เราก็ขออนุญาตและขอบคุณความเมตตาของทุกคนเสมอไว้มีโอกาสจะมารับใช้ใหม่ ส่วนความรู้สึกส่วนตัวก็มีหวิวบ้าง เพราะเป็นสิ่งที่เราทำมา ความผูกพัน คิดถึงบรรยากาศ แต่มันก็มีสิ่งที่เราต้องรับผิดและรับชอบ
ส่วนคำที่ว่า ‘สัจจะมันค้ำคอ’ กาละแมร์ ก็แจงว่าด้วยความที่เป็นคนที่ถือสาในคำพูดตัวเอง ถ้าเราผิดก็จะยอมรับผิด อันที่เราอยากแก้ไขเราก็จะแก้ไขให้ถูกต้อง
เรื่องธุรกิจ พาวเวอร์ชอต ที่หลายคนคิดว่าเป็นเจ้าของ ความจริงนั้นก็มีหุ้นอยู่ 30% แต่เราก็ทำเต็มที่ มองว่าเป็นบริษัทของเรา แต่ในวันที่ต้องรับผลกระทบแบบ 100% กาละแมร์บอกว่า ก็ด้วยความที่มีหน้าของเราออกสื่อ เรื่องก็เกิดจากเราเห็นหน้าเรา อะไรที่รับผิดชอบได้เราก็รับ ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าจะแก้ไขยังไงให้ดีขึ้น ส่วนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว
“ไม่ได้เกี่ยวข้อง แมร์ลาออกจากทุกตำแหน่ง และไม่มีความยุ่งเกี่ยวกับพาวเวอร์ชอตแล้ว แมร์ได้คิดทบทวนแล้ว เหมือนเราทำงาน มีความเห็นในทางตรงกัน แต่พอทำไปสักพัก ทัศนคติไม่ตรงกัน เป้าหมายไม่เหมือนเดิม เพื่อความสบายใจของทุกๆ ฝ่ายก็ออกมาดีกว่า ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ แต่ในแง่การทำงาน ถ้าเป้าหมายไม่เหมือนกัน ทัศนคติไม่ตรงกัน เราก็หาที่ยืนดีกว่าค่ะ”
ตอนนี้รู้สึกว่าเป็นอิสระ ได้ชีวิตตัวเองกลับคืนมา
ยอมรับเคยผ่านช่วงที่เสียน้ำตา ก็เป็นเรื่องปกติ คือร้องไห้คนเดียว คนเราก็มีทั้งเสียใจ ดีใจ เศร้าใจ มีทั้งสุขและทุกข์ ตอนนั้นก็รู้สึกว่าเฮ้ย…อะไรขนาดนี้เลยเหรอในชีวิตเรา แต่พอร้องไห้ก็มีสติ มาถามตัวเองว่าร้องเพราะอะไร เสียใจเพราะอะไร จะหาทางแก้มันยังไง ร้องให้พอ แล้วก็ไปทำสิ่งที่เราต้องทำต่อไป มันร้องเพื่อให้ระบายออกมา เอาจริงๆ ก็ร้องไม่นาน เพราะมีสิ่งที่ต้องทำ ลูกน้อง ทีมงานก็เฝ้ามองเราอยู่ กี่สิบชีวิต เสียใจได้ ล้มได้ แต่ต้องลุกให้เป็น
