‘ครูไพบูลย์-กระต่าย’ ไลฟ์แจงคดีพรากผู้เยาว์ สู้ต่อจนถึงที่สุด ฟาดแรงคอมเมนต์เกรียน
หลังจากที่ ประจักษ์ชัย ไหทองคำ และ เอ๋ มิรา ชลวิรัลวานิศร์ อดีตภรรยา ได้ออกมาโพสต์อัพเดตเรื่องคดีพรากผู้เยาว์ ว่า ครูไพบูลย์ แสงเดือน ถูกตัดสินจำคุก 8 ปี ล่าสุด ครูไพบูลย์ และ กระต่าย พรรณนิภา นักร้องสาว-ภรรยาคนปัจจุบัน ก็ได้ตั้งกล้องไลฟ์พูดคุยขณะอยู่ในรถขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ
“ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณทุกความห่วงใยครับ ขับรถไปด้วยพูดไปด้วย อาจไม่ได้ตอบทุกคอมเมนต์ ใครไม่ให้กำลังใจก็แล้วแต่ แต่ผมจะขอบคุณเฉพาะคนให้กำลังใจ คุณก็ต้องเสพข่าวอย่างมีสติ ไปดูว่าประเด็นคืออะไร ใครเป็นคนฟ้อง ฟ้องแบบไหน คดีเป็นรูปแบบไหน กฎหมายไทยเป็นระบบกล่าวหา ใครกล่าวหาก็คนนั้นเป็นโจทก์ ก็สู้กัน ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
คนฟ้องไม่เกี่ยวกับกระต่าย หลายคนมาคอมเมนต์ อาจจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครองที่มาฟ้องแทนกระต่าย มันไม่ใช่คดีนะ กระต่ายไม่ได้ฟ้อง และเรื่องมันก็ไม่เกี่ยวกับกระต่าย แต่เป็นคนเก่าที่เขามาฟ้องผม มันไม่ได้เกี่ยวกับกระต่ายเลย พี่ๆ หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ บางคนอาจจะติดตามข่าวมาเรื่อยๆ อาจจะเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขา กระแสและเห็นข่าวมาเรื่อยๆ ว่าที่เขาฟ้องมันเกิดจากอะไร และทำไมถึงฟ้อง วันนี้ก็มาอัพเดตให้ทุกคนฟังเฉยๆ เพราะบางคนอาจจะไปอ่านข่าวแล้วไม่เข้าใจ คิดว่าทำไมผมถึงไม่พูด ผมก็พูดอยู่นะครับ พยายามพูดมาตลอด แต่ผมเป็นผู้ชาย อาจพูดเรื่องส่วนตัวไม่ได้ เดี๋ยวจะสาวไส้ให้กากิน ก็พูดได้เท่าที่จำเป็นต้องพูด ที่เหลือก็ให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย
ไม่ได้มีอะไรครับ ขอบคุณอย่างเดียวตอนนี้ ผมเห็นพี่ๆ หลายคนก็มาให้กำลังใจ ขอบคุณหลายคนที่เข้ามาให้กำลังใจ ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา ศาลเขามีหน้าที่ตัดสิน ไม่ว่าตัดสินแบบไหน ก็ต้องอุทธรณ์อยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมดา จะตัดสินแบบยกฟ้องหรือตัดสินแบบไหน
ผมก็ต้องใช้สิทธิ์ของผม เขาก็ต้องใช้สิทธิ์ของเขาเต็มที่อยู่แล้วครับตามกระบวนการกฏหมาย และไปว่ากันในชั้นศาล ชั้นอุทธรณ์ ชั้นฎีกาก็ว่ากันไป นี่เป็นแค่ครั้งแรก ผมก็ไม่เคยเป็นหรอก นี่ก็ครั้งแรกที่ขึ้นโรงขึ้นศาล เป็นประสบการณ์ก็ได้เรียนรู้วิธีการ ก็ได้เห็นพฤติกรรมคนในศาล เห็นแม้กระทั่งว่าศาลเป็นยังไง หมายถึงตัวบุคคลนะ ไม่ใช่ศาลที่เป็นวัตถุนะ เรารู้หมด แต่ยังพูดอะไรไม่ได้ ต้องรอให้มันเสร็จก่อน ใจเย็นๆ ก่อน ยังพูดอะไรไม่ได้ จนกว่าทุกอย่างจะถึงที่สุด ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของมันไปเรื่อยๆ แต่มันอาจจะต้องใช้เวลา
ก็ไม่มีอะไรมากครับ หลายคนก็เป็นห่วง จะรับสายจะโทรหาแต่ละคนก็เกรงใจ หลายคนก็ทักมา ก็ถือโอกาสไลฟ์สดแล้วบอกทีเดียว ขอบคุณไปพร้อมๆ กัน ขอบคุณที่ให้กำลังใจ ก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และทุกๆคน ที่เป็นกำลังใจให้ เพื่อนก็เห็นชีวิตกันมา ใครเป็นยังไงก็เห็นหมด แต่ศาลอาจไม่เห็น (หัวเราะ) ไม่เป็นไร ก็สู้ พิสูจน์ในศาล
ขอบคุณทุกคนมากๆ ผมก็สบายใจขึ้นมาระดับนึง ว่าต่อไปเราจะมีแนวทางแบบไหน ขนาดผมยังตกใจว่า ยังไม่ได้พูดอะไรเลยแต่เป็นข่าว ผมเข้าห้องน้ำตอนสายๆ หลังออกจากศาล ผมไปเข้าห้องน้ำ ข่าวออกทุกช่องแล้ว เรายังไม่ได้พูดอะไรเลย”
โดยในระหว่างที่ไลฟ์สดก็ได้มีบางคอมเมนต์ที่เข้ามาป่วน ครูไพบูลย์ ก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า “บางทีการคอมเมนต์ก็เหมือนให้เกียรติตัวเอง คอมเมนต์ยังไงเกียรติก็อย่างนั้นแหละครับ สิ่งไหนควรไม่ควร ถูกไม่ถูกมันก็อยู่ที่คุณ เหมือนคำที่เราพูดออกไป คนแรกที่ได้ยินคือเรา เพราะฉะนั้น คุณก็จะได้รับสิ่งที่พูดออกมาหรือคอมเมนต์ออกมา การไม่รู้จักการให้เกียรติคนอื่นก็ส่อให้เห็นถึงสันดาน
บางคนก็แปลกเหมือนมีการศึกษา มีวุฒิภาวะ เหมือนเป็นคนปกติ แต่คอมเมนต์มาน่ากลัว อ่านไม่ได้เลย แต่ผมไม่ได้ว่านะ ถ้าสมมุติว่าไปอ่านข่าว และคุณเชื่อแบบนั้นอะ…โอเค คุณอาจจะเชื่อข่าวได้ก็เป็นสิทธิ์ของคุณ แต่การที่คุณมาเมนต์ไม่ลืมหูลืมตา มันจะมีประเภทเมนต์ไม่ลืมหูลืมตา มันก็ไม่น่ารักเท่าไหร่”
