ฟังเต็มๆ คำตอบ ‘ชมพู่–น็อต‘ เคลียร์ปมซุกสาว ลั่นมีวันนี้ได้เพราะมีภรรยาที่ดี
เปิดใจกันชัดๆ ในรายการ 3แซ่บ เมื่อ แอฟ ทักษอร พาบุกอาณาจักร วีนายน์ ของ น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์ สามีสุดหล่อของ นางเอกสาวซุปตาร์ ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต พร้อมนั่งเคลียร์ปมดราม่าที่ถูกโยงแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว พร้อมประกาศกร้าวสมบัติทั้งหมดยกให้ภรรยาไปเรียบร้อยแล้ว
เรื่องหึงหวงมีบ้างไหม?
น็อต : เชื่อว่าจริงๆ ผู้หญิงทุกคนหึงแหละ แต่ชมเขาแมนๆ อยู่แล้วเลยไม่ได้มาแสดงออกว่าหึงหวง
ชมพู่ : ผู้หญิงมันจะมีเซ้นต์บางอย่าง เวลาเห็นผู้หญิงด้วยกันเราก็จะรู้ว่าแบบไหนที่ฉันรู้คิดอะไร บางทีก็จะบอกเขาว่า พี่อย่างนี้มันไม่ใช่ อย่างนี้พี่ก็ต้องระวังตัวนะ แต่ถ้าเช็คโทรศัพท์ไม่เคยทำ
ครบรอบแต่งงาน 7 ปี กับลูกน้อยทั้ง 3 อย่างสวีทหวานกันเหมือนเดิมไหม?
น็อต : ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ปกติ คือเราไม่ได้เป็นสไตล์ซูเปอร์สวีทตั้งแต่ต้น คือเป็นอย่างนี้ก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่างเป๊ะ ช่วงนี้ลูกจัดการลำบากมาก ถ้าลูกหลับหมดก็ได้คุยกันเงียบๆ
ตั้งแต่เป็นแฟน แต่งงานกันมาไม่เคยทะเลาะกันเลย ไม่เคยขึ้นเสียงกันเลย?
น็อต : ไม่เคยขึ้นเสียงกันเลยอันนี้พูดได้ 100%
ชมพู่ : คือถ้าสมัยเป็นแฟนกันแรกๆ มี แบบปีแรกเคยมีที่เห็นเขาเป็นแบบคุณพายุ แล้วเราก็เป็นเวอร์ชั่นถามไม่ตอบ
น็อต : ลงจากรถไปเลย วิ่งข้ามสะพานลอย
ชมพู่ : เราก็เป็นแบบไม่อยากคุยอ่ะ แล้วก็เดินสับๆ เชิ่ดๆ ไปเลย ก็ผ่านยุคนั้นมาในช่วงปีแรก แล้วหลังจากนั้นก็พอรู้ทางกันแล้ว เราจะมาเล่นเกมกันทำไม
น็อต : ตั้งแต่แต่งงานก็ไม่มีเลย ไม่เคยขึ้นเสียงกันเลย มีอะไรก็นั่งคุยกัน ถ้ามันไม่เคลียร์พี่ก็จะนั่งจนเขาเคลียร์ ใช้เหตุผล
เรื่องอะไรที่ทำให้เราขัดแย้งกันมากที่สุด?
น็อต : ก็บางอย่างเห็นไม่ตรงกัน เรื่องลูกก็มี หรือถ้ามีข่าวอะไรก็จะนั่งคุยกันตลอด
ถามถึงข่าวที่ไม่ใช่ของเราแต่สุดท้ายมากระทบคู่เรา?
น็อต : ถ้าโดยส่วนตัว ไม่มีมูลความจริงเลย พี่เองคุยกับชม ชมรู้ดี น้องที่เป็นข่าวด้วยเป็นน้องที่ทำงานอยู่แล้ว แล้วแฟนน้องเขาจริงๆ ก็เป็นรุ่นน้องที่สนิทซึ่งพี่เตะบอลด้วยทุกอาทิตย์อยู่แล้ว แล้วคนในจะรู้ว่าข่าวมันไม่มีมูลความจริงเลยแม้แต่น้อย พอมันมีข่าวออกมาคนที่เราแคร์ที่สุดคือครอบครัวของเรา มีข่าวมาก็จะบอกชมว่าได้ข่าวหรือยัง แล้วตอนแรกที่รู้ว่าเป็นคนนี้เพราะชมเล่าเอามาให้พี่ดู พี่ก็ยิ่งตลกหังเราะเลยว่าเป็นไปได้ยังไง จากนั้นแฟนน้องเนี่ยพี่ก็โทรไปเลย ชมก็นั่งอยู่ เราเข้าใจกันหมดแล้ว ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีอ่ะ ตัวแฟนน้องเขาก็หัวเราะ พี่ขำมากเลย เพราะฉะนั้นเราไม่ให้ค่าเลยแม้แต่นิดเดียว
ชมพู่เองก็น่าจะเจออะไรพวกนี้มาหลายรูปแบบแล้ว?
ชมพู่ : คือตรงนี้ต้องบอกว่าเราห้ามเขาไม่ได้ คือต่อให้วันนี้เราออกมาพูดหรือว่าเราไม่ได้พูดอะไร หลังจากเทปนี้ออกไป คนก็ยังอยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากจะเชื่ออยู่ดี ซึ่งตรงนี้มันเป็นสิ่งที่เราคงจะทำอะไรไม่ได้ แล้วเราก็รู้อยู่แล้ว เราอยู่วงการมาเรารู้อยู่แล้วว่าการที่เราอยู่ตรงนี้ เราจะให้คนทุกคนมองเราไปในเวย์เดียวกันทั้งหมดเหมือนกันทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้ ค่อนข้างจะทำใจได้และรู้ว่าคงเป็นอะไรที่ไม่ต้องไปดีลกับมันเพราะมันเป็นเรื่องที่ดีลไม่ ได้แต่ว่าอีกมุมมองหนึ่งก็คือในฝั่งที่ว่าแล้วคนที่เขาทำแบบนี้กับเราเขาทำทำไม น่าจะเป็นจุดนี้มากกว่าที่เรารู้สึกเพราะว่าเราเองก็ไม่เคยทำร้ายใคร ชมว่าเป็นเรื่องธรรมดาแหละคนเราเวลามีใครมาแตะครอบครัวเรา แล้วเราเป็นคนที่ให้คุณค่าสถาบันครอบครัวพอมีคนมาแตะเราตรงนี้เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน ถึงแม้ใครจะมองว่าเราลอยตัวเหนือดราม่า แต่ว่าใครมาแตะบ้านเราเราก็ไม่ชอบหรอก
น็อต : แคร์ที่สุดเวลามีข่าว แคร์ที่สุดคือตัวภรรยาเรา คราวนี้อย่างที่บอกว่าข่าวนี้พี่ใช้เวลาเคลียร์ 1 นาทีจบแล้วพี่โทรไปหาตัวแฟนน้องเขาจบเลย
แต่คนข้างนอกเคลียร์ยาก?
น็อต : จริงๆ อย่างที่บอกว่าเราแคร์ที่สุดก่อนคือภรรยากับคนในบ้านเรา ครอบครัวเราตรงนี้ คือตรงนี้จบแล้วเราไม่ติดอะไรแล้วเป็นสามีซุปตาร์แต่ผมไม่ใช่คนวงการบันเทิง แล้วผมถามว่าโซเชียลมีผลต่ออาชีพการงานผมไหม ไม่มี เพื่อนฝูงผมรู้จักผมดี เพราะฉะนั้นมันไม่ได้กระทบต่อการงานหรือสิ่งที่ผมพยายามสร้าง คือต้องมานั่งแก้ข่าวหรือรายงานตัวมานั่งตั้งโต๊ะแถลงมันไม่ใช่เรา ก็เลยเฉยๆ แต่วันนี้มีโอกาสว่ามาเยี่ยมแล้วอยากจะถามก็ยินดีเล่าให้ฟัง
ชมพู่ : คือจะเล่าให้ฟังว่าพอมีประเด็นแล้วมีเฉลยมาว่าเป็นตัวละครตัวนี้นะ ชมก็ส่งให้พ่อ(น็อต) ดูพ่อก็โทรมาก่อนเลยจริงๆ ก็อยู่ในบ้านเดียวกันนะแต่หากันไม่เจอ (หัวเราะ) พ่อก็โทรมาบอกว่าคือเขาก็ถามถึงเราก่อนว่าความรู้สึกเราเป็นยังไงเราหวั่นไหวไหม คิดยังไง
น็อต : คิดยังไง พี่ก็ถามชมก่อน คืออย่างที่บอกว่าไม่แคร์เลย แคร์เมียคนเดียว
ชมพู่ : แต่ที่บอกว่าใช้เวลาเคลียร์ 1 นาที แต่คือชมก็จะบอกว่ามันไม่ได้ไปถึงจุดที่ว่าต้องเคลียร์กันเพื่อให้ชม เพราะว่าชมก็ไม่ได้คิดว่ามันจริงตั้งแต่แรก นึกออกไหม เวลามีใครมาถามแล้วจะให้เรามานั่งโพรเทคผู้ชายว่า ไม่ใช่เขาไม่ใช่คนแบบนั้น เราก็แบบว่าจะพูดยังไงอ่ะไม่ให้ดูเหมือนว่าเราหลงผู้ชายเรา เข้าใจไหมอ่ะ บางทีเราก็ขี้เกียจอธิบายตรงนี้แต่เราอยู่ของเราอย่างนี้ คือเรารู้ว่าอะไรเป็นอะไรตรรกะของมันเห็นอยู่ในทุกวัน คนเรามันอยู่กินด้วยกันถ้ามันเปลี่ยนแปลงไปมันรู้สึกได้
อะไรทำให้เราเชื่อมั่น?
ชมพู่ : เพราะว่าเรามีภาพอะไรบางอย่างที่มันใหญ่มากๆ รวมกันมั้งชมว่านะ อย่างวันนี้แม่แอฟมาแม่แอฟก็น่าจะพอสัมผัสได้ว่าเรามีเป้าหมายอะไรบางอย่างที่มันเป็นภาพใหญ่ด้วยกัน แล้วเราก็กำลังเห็นกันและกันอยู่ในภาพนั้น แล้วเราก็รู้ว่าพอมีโฟกัสอะไรที่มันแทบจะไม่มีอะไรที่จะดิสแท็กเขาได้ สำหรับเราเรื่องแบบนี้ก็เลยคิดว่ามันนอนเซ้นต์สำหรับเขา
น็อต : คืออย่างที่บอกว่าเขาเข้าใจผม เขาก็จะเห็นว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ แล้วเรามีภาพใหญ่ผมกำลังสร้างอะไรอยู่ ผมมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวแล้วก็ทีมงานผม ไอ้สิ่งที่ควรพยายามจะสร้างปัญหาให้กับครอบครัวเราผมมองว่าความจริงเป็นเรื่องเล็ก เพราะผมแคร์ครอบครัวผม แคร์ทีมงานลูกน้องผม ถ้าคนเหล่านี้เข้าใจผม ผมว่าผมไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว ก็อย่างที่บอกว่าสร้างมาทั้งหมดเนี่ยก็คือต้องการจะยกให้กับภรรยาและลูกเท่านั้น ทุกวันนี้ก็ยกให้หมดแล้วพินัยกรรมเขียนสั้นๆ เลย ทุกอย่างที่เป็นของวิศรุตก็คือให้ชมพู่ อารยาแต่เพียงผู้เดียว 100 เปอร์เซ็นต์ทั้งหมด หุ้นทั้งหมด ทั้งหมดทุกวันนี้ของชมพู่คนเดียวครับ
ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกยังไง?
ชมพู่ : ก็คือดีใจที่เขาไว้ใจเรา เขาก็ไม่กลัวเราเอาไปตุ๊งหมดเนอะอะไรแบบนี้ (หัวเราะ) แต่ก็รู้แหละว่าเขาเป็นคนที่ถี่ถ้วนเรื่องแบบนี้มากแล้วเขาให้เรา จำได้เลยพ่อให้บัตรเครดิตใบแรก เขาบอกว่า พี่คิดอยู่นานมาก (หัวเราะ) แต่เรารู้ว่าตรงนี้คือถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วเขาให้เรา เขาให้เราจัดการ ก็รู้แหละว่าเขาเห็นถึงความซื่อสัตย์ เขาเห็นคุณค่าในความซื่อสัตย์ของเรา
น็อต : ผมมีทุกวันนี้ได้เพราะผมมีภรรยาที่ดีที่เขาบอกว่าเบื้องหลังผู้ชายที่ประสบความสำเร็จหรืออยากจะประสบความสำเร็จก็ต้องมีผู้หญิงที่แข็งแกร่งและผู้หญิงที่ดีอยู่ข้างหลังเสมอ
