‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ เปิดใจ 4 ปี ย้าย 4 พรรค ลั่นจุดยืนแข็งแรง ไม่ได้เป็นแค่ไม้ประดับ

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ เปิดใจ 4 ปี ย้าย 4 พรรค ลั่นจุดยืนแข็งแรง ไม่ได้เป็นแค่ไม้ประดับ

เป็นอีก 1 คนบันเทิง ที่เปิดตัวเข้าสู่วงการการเมือง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักแสดงชื่อดัง

เปิดตัวด้วยการเป็นสมาชิกพรรค พลังท้องถิ่นไท เมื่อปี 2561 นั่งเก้าอี้รองโฆษกพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก่อนจะย้ายเข้าพรรคเพื่อไทย กระทั่งปี 2565 ฟิล์มย้ายพรรคอีก 2 ครั้ง เข้าพรรคไทยสร้างไทย และล่าสุด กับการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

ล่าสุด ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้เปิดใจ ถึงเส้นทางการเมืองของเขา กับ 4 ปี 4 พรรค ซึ่งฟิล์มบอกว่า จริงๆ ไม่มีฝั่งไหนหรอก ทุกคนอยู่ฝั่งประชาชนหมด และแม้ว่าผมย้ายพรรคมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ พรรคนี้ก็อยู่กับประชาชนเหมือนกัน คือเรามาด้วยอุดมการณ์ ตัวผมเอง ผมได้โอกาสจากผู้ใหญ่ที่ให้ผมได้มาแสดงบทบาทของผม ไม่ว่าจะเป็นผลักดันในเรื่องของซอฟต์เพาเวอร์ หรือว่าผลักดันในเรื่องของวัฒนธรรมก็คือวงการบันเทิงของพวกเราทุกคน คือผมพูดเสมอว่า ถ้าเกิดผมมีโอกาส ผมอยากจะตอบแทนสังคม ตอบแทนแฟนๆ ก็คือประชาชนทุกๆ คน ด้วยการที่หาช่องทางใหม่ๆ ในการหาเงินเข้ามายังประเทศของเรา

“สองเรื่องนี้ผมเชื่อได้เลยว่าจะทำให้รายได้ และก็ GDP ของประเทศไทยดีขึ้นแน่นอน เพราะว่าซอฟต์เพาเวอร์ก็นำรายได้เข้ามา ส่วนของวัฒนธรรมที่มาสอดคล้องกับซอฟต์เพาเวอร์มันก็มีเสน่ห์มาก ไม่ว่าจะเป็นส่งออกวัฒนธรรม T-Pop ทุกคนอาจจะเห็นก็ได้ครับ และไม่ต้องเป็นแหล่งเงินทุนจากข้างนอกและเอาคนไทยเราไปใช้งาน และเอาเงินไทยของเราออกไป มันจะได้เป็น T-Pop ที่เกิดจากประเทศไทยสักทีหนึ่ง”

Advertisement

กับกระแสที่หลายคนมองว่าย้ายพรรคหลายรอบมาก นำมาสู่คำถามที่ว่า มีความสงสัยไหมว่าตัวเองจะสำเร็จในสายการเมือง

ฟิล์ม บอกว่า จริงๆ ผมไม่ได้มองเรื่องนั้น ผมมองว่ามันดีด้วยซ้ำ บางกลุ่มอาจจะมองว่าแสดงว่าเรามีความสามารถ คือพรรคอื่นๆ ก็ดึงเราไปทำงานเยอะมาก เรามองเรื่องนั้นมากกว่า แต่ส่วนของผมเอง ผมมองว่าทางไหนที่ให้เราทำงานในสิ่งที่เราอยากจะทำ มันเป็นสิ่งที่ดี มันไม่ใช่ทุกพรรคที่จะผลักดันเรื่องของซอฟต์เพาเวอร์ วงการบันเทิง หรือว่าวัฒนธรรม หรือว่าอีกด้านหนึ่งที่ผมถนัดนั่นก็คือเรื่องของแพลตฟอร์ม แอพพลิเคชั่น หรือว่าเทคโนโลยีต่างๆ มันไม่ใช่จะมีทุกพรรคครับที่จะผลักดันเรื่องนี้

Advertisement

4 ปี 4 พรรค ทำให้หลายคนมองว่าจุดยืนไม่แข็งแรง จะอธิบายตรงนี้ยังไง?

“จริงๆ อยากจะบอกกับทุกๆ คนว่า จริงๆ จุดยืนแข็งแรงมาก และก็จุดยืนมีสิ่งเดียวเลย คืออยากให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อแม่ พี่น้องดีขึ้น แม้ว่าวันนี้ผมจะได้รับโอกาสที่มากกว่าคนอื่นๆ ที่มีทุกๆพรรค เปิดโอกาสให้เราเข้ามา แต่ผมก็ยังยืนคำเดิมว่าไม่อยากให้ทุกคนมองว่าทำไมเปลี่ยนหลายพรรค อยากให้ทุกๆ คนมองในตัวผมมากกว่า วันนี้เราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เราจะได้มีโอกาสในการทำงานในสิ่งที่เราอยากจะทำ คือพูดคำเดิมเลย มันดีกว่าไหม เราคิดช่องทางในการหาเงินได้ คือประเทศไทยเราแข็งแรงเรื่องอะไร เราก็เน้นเรื่องนั้น บ้านเมืองเรา ประเทศไทยเราแข็งแรงเรื่องของวัฒนธรรม การท่องเที่ยว แต่มันไม่มีใครทำเรื่องนี้ให้มันเด่นชัดขึ้นมาเลย เราควรจะส่งออกวัฒนธรรมของเราไปให้ทั้งโลกรู้ได้แล้ว ดีกว่าเราส่งข้าว หรือว่าเราส่งพืชพันธุ์เกษตร คือสิ่งเหล่านี้มันทำให้รายได้กลับมาเยอะกว่า”

คำที่บอกว่าคนบันเทิงเป็นแค่ไม้ประดับ?

“คือผมมองว่า คนบันเทิงเป็นแค่ไม้ประดับ มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะแสดงศักยภาพออกมาให้ประชาชนเห็นมากน้อยขนาดไหน แต่ในส่วนตัวผมผมอยู่มานานแล้ว ตั้งแต่ปี 60 แล้ว ผมเชื่อได้ว่าศักยภาพของผมมันทำให้คนเชื่อมั่น เชื่อมือ และก็เชื่อใจผมได้ ผมของจริงไม่ใช่เป็นแค่ดารา หรือว่าเป็นแค่ไม้ประดับ”

ถามว่า การทำงานที่ผ่านมานั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะระยะสั้นมากในการเปลี่ยนพรรคแต่ละครั้ง ฟิล์มว่า จริงๆ เบื้องหน้า ประชาชนอาจจะมองว่า เราเปลี่ยนหลายพรรค แต่ว่าเบื้องหลังจริงๆแล้วทุกพรรครู้จักกันหมด คือทุกคนเนี่ยมีนโยบายที่แตกต่างกัน และแต่ละพรรคก็ดีหมด พยายามคิดค้นนโยบายที่ทำเพื่อประเทศชาติ และก็ทำให้กับสังคมทั้งนั้น คือผมมองว่า วันนี้ไม่อยากให้มองว่าแต่ละพรรคแตกต่างกันแบบไหน หรือว่าเราย้ายพรรคมาเยอะมากน้อยขนาดไหน วันนี้มองว่ามันคืออีกหนึ่งโอกาสของผมมากกว่าที่ผมได้รับโอกาสที่ดีและมันก็ตรงกับสิ่งที่ผมอยากจะทำ

การเตรียมพร้อมสำหรับรอบนี้ที่ต้องลงแข่งขัน

“การเตรียมพร้อมก็คือ วันนี้โชคดีว่าเขาให้โอกาสเราเข้าไปอยู่ในทีมนโยบาย เราก็ได้ผลักดันให้มันเป็นนโยบายของพรรคในเรื่องของที่ผมบอกซอฟต์เพาเวอร์ และเรื่องของสตาร์ตอัพ คือกลุ่มวัยรุ่นจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่เราคิดออกมาเพราะว่าเราเจนเดียวกัน ผมเชื่อว่าทุกคนไม่อยากทำงานในแบบเดิมๆ ว่าเรียนจบมาต้องเป็นราชการ หรือเรียนจบมาต้องเป็นพนักงานลูกจ้าง คือวันนี้ทำไมเราจบแล้วเราถึงไม่เลือกช่องทางที่เป็นของตัวเองได้ ถ้าเกิดมันมีเทคโนโลยีที่พร้อมที่จะให้เขาทำ ค้าขายออนไลน์ก็ได้ หรือว่าอยากจะทำช่องทางของตัวเอง เป็นดารา ยูทูบสตาร์แล้วมันจะดีกว่าไหมครับที่มีรัฐบาลสนับสนุน หรือว่ามีองค์กร องค์กรหนึ่งที่ให้เงินกับคนที่มีไอเดีย สิ่งเหล่านี้แหละมันจะเกิดขึ้นในสิ่งที่ผมกำลังจะทำให้กับทุกคน”

ที่เปลี่ยนพรรคมาเยอะ หลายคนพูดว่าเกี่ยวกับเม็ดเงินหรือเปล่า

“ครับ บางคนก็อาจจะคิดว่าผมถูกซื้อตัวหรือเปล่า อยากจจะบอกว่าไม่ เพราะว่าผมก็เป็นแค่จิตอาสา ก็คือในเรื่องของการเมืองเนี่ยเราก็เป็นจิตอาสาที่อยากจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศชาติของเรา คืออย่าไปคิดเลยว่าผมถูกซื้อตัว คิดเสียว่าเชียร์ผมดีกว่าว่าผมได้รับโอกาสเป็นพรรคที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันก็เป็นเหมือนเราเป็นนักกีฬา ถ้าเกิดว่าเราเล่นดี เราเตะฟุตบอลดีมันก็เป็นเรื่องปกติที่จะถูกทีมต่างๆ เนี่ยดึงตัวไปทำงานครับแค่นั้นเอง”

ถามว่า ประชาชนคิดเห็นต่างกัน ชอบแต่ละพรรคไม่เหมือนกัน กังวลไหมว่าตัวเองจะเสียคะแนน

“ผมมองว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะการเมืองมันเป็นเรื่องอ่อนไหว และก็ทุกๆ คนเอาอารมณ์ไปร่วมกับมันเยอะมาก มันเป็นสิ่งทีดี และมันก็เป็นเรื่องปกติมากไป คือคำว่าประชาธิปไตยเนี่ยมันต้องเป็นการที่เห็นต่างกัน แต่มันต้องอยู่ในพื้นฐานของการที่พูดคุยกันได้ครับ คืออย่าด่า อย่าว่ากันเลย คืออยากให้ทุกๆ คนเปิดใจ ผมมองว่าวันนี้มันเป็นสมัยใหม่แล้ว อดีตเจาเคยทำอะไรไม่ดีมา ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ด่าให้กับพวกคุณทุกๆ คน แต่ในอนาคตที่เรากำลังจะปรับเปลี่ยนและก้าวเข้าไปสู่ข้างหน้ามันต้องก้าวไปสู่ความเจริญ มันต้องก้าวไปสู่ความไม่ขัดแย้งกัน มันต้องก้าวไปสู่ช่องทางใดช่องทางหนึ่งที่มันจะเป็นประโยชน์ของพงกเราทุกๆ คน เราอย่าเอาอารมณ์ไปร่วมกับมัน ถ้าเราเอาอารมณ์ไปร่วมกับมัน เราจะไม่ได้พรรคที่ทำเพื่อประชาชนเลย เราก็จะได้พรรคที่เป็นแค่พรรคของคนใดคนหนึ่ง แต่ถ้าวันนี้พวกเราทุกคนคนเปิดใจครับและเรามาเริ่มต้นกันใหม่ในศักราชใหม่ที่กำลังมาถึงนี้ ให้ทุกคนเปิดใจ และลองมองดูนโยบายว่าแต่ละพรรคมันมีนโยบายไหนที่มันตรงใจกับเรา ถ้าเกิดพรรคนั้นมีนโยบายที่ตรงใจกับเรา เราก็เลือก เพราะทุกพรรคผมเชื่อว่าดีกันหมด เราจะแข่งกันด้วยนโยบายครับในยุคที่กำลังจะมาถึงนี้”

ก่อนถามทิ้งท้ายถึงการเลือกตั้งในครั้งนี้ อดีตนักแสดงหนุ่ม บอกว่า “ไม่ได้ลงเขตครับ เป็นบัญชีรายชื่อ ปาร์ตี้ลิสต์”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image