‘ก้อย รัชวิน’ เปิดใจ เผยเหตุผลสำคัญที่ไม่ขอเงินตูนใช้สักบาท

 

‘ก้อย รัชวิน’ เปิดใจ เผยเหตุผลสำคัญที่ไม่ขอเงินตูนใช้สักบาท

ก้อย รัชวิน กับ ตูน บอดี้แสลม พร้อม น้องทะเล ลูกชายวัย 1 ขวบครึ่ง พากันไปออกรายการ ‘คุยแซ่บโชว์’ บอกเล่าถึงชีวิตทุกวันนี้ โดยก้อยบอกว่าตอนนี้ลูกเริ่มพูดได้หลายคำ และเริ่มไม่อยู่นิ่ง เป็นเด็กแอ็คทีฟ ชอบวิ่งเล่น ขณะเดียวกันก็เป็นวัยที่ชอบเลียนแบบ ดูว่าผู้ใหญ่ทำอะไรแล้วจะทำตาม

“เพราะฉะนั้นช่วงนี้เป็นช่วงที่พ่อและแม่อยากจะเสริมอะไรให้เขา อยากจะเติมอะไร อยากจะให้เขาโตเป็นแบบไหน มันคือช่วงเวลาที่จะนำพาสิ่งนั้นมาให้ อย่างเช่น อยากให้ลูกเป็นเด็กดีมีมารยาท อยากให้ลูกมีสัมมาคารวะ อยากให้ลูกยกมือไหว้คน เราก็ต้องไหว้ ทำแบบนี้ให้เห็นซ้ำๆ จากตอนแรกที่เขาอาจจะยังทำไม่เป็น แต่พอเราทำเรื่อยๆ อย่างเช่นพี่ตูนกลับมาบ้านก็ยกมือไหว้พี่ตูน หรืออย่างทะเลทำอะไรให้พี่ตูน ทะเลหยิบอันนี้ให้พ่อหน่อย หยิบปุ๊บพี่ตูนยกมือไหว้ขอบคุณลูก พอเขาเห็นปุ๊บเขาก็จะทำ จะรู้ว่านี่คือการยกมือไหว้แสดงการขอบคุณ หรือเป็นการสวัสดี”

Advertisement

ส่วนเรื่องที่ลูกเรียกเธอว่า ‘ตูน’ ก้อยบอกว่าเป็นสิ่งที่เธอก็ไม่เข้าใจ

“บอกลูกมาตลอดว่านี่พ่อตูน นี่แม่ก้อย แต่ทุกครั้งเวลาถามทะเลว่า ทะเลแม่ชื่ออะไร เขาจะบอกว่า ‘ตูนคือจะเรียกแต่ตูนตูน”

Advertisement

เรื่องความสามารถลูก ก้อยบอกว่าได้พาลูกไปตรวจ myDNA ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ทางลายนิ้วมือเพื่อหาความถนัดของลูก และพบว่า อันดับ 1 คือเรื่องดนตรี 

“เวลาได้ยินเสียงเพลงเขาก็จะเต้น ร้องตาม โยก หรือเวลาที่ก้อยพาไปดูคอนเสิร์ตพี่ตูน เขาจะตั้งใจดู แล้วก็ตบมือ อินกับการดูคอนเสิร์ต เขาซึมซับเสียงดนตรีตั้งแต่อยู่ในท้องเ พราะพี่ตูนเล่นกีต้าร์ให้ลูกฟังตั้งแต่ทะเลอยู่ในท้อง”

เมื่อพิธีกรถามว่าตูนหลงลูกขนาดไหน ก้อยบอก “อย่าเรียกว่าหลง เรียกว่าคลั่งเลย คือแม่ก็คลั่ง มันเหมือนรักครั้งใหม่ของเราสองคน”

คนที่จะดูคลั่งมากกว่าน่าจะเป็นพี่ตูน เพราะพี่ตูนต้องไปเล่นคอนเสิร์ต แล้วเขาต้องบินจากภูเก็ตไปโน่นไปนี่ บางทีเล่นเสร็จตี 1 – ตี เราบอกไม่ต้องห่วง นอนพักไปเลย แล้วสายๆค่อยบินกลับ เขาก็จะเลือกไฟล์ทที่เช้าที่สุดของวันถัดไป เพื่อที่จะบินมาหาลูก แล้วก็จะใช้เวลาทั้งวันกับลูก ให้เวลากับลูกเยอะมากๆ”

ขณะเดียวกันถ้าตูนต้องไปคอนเสิร์ตหลายๆวัน เธอก็จะถ่ายรูปลูกพร้อมรายงานความเคลื่อนไหวตลอดเช่นกัน

“รายงานให้พ่อรู้ว่าลูกทำอะไร กินข้าวหรือยัง นอนหรือยัง เราต้องรายงานทุกอย่าง แล้วพ่อก็จะวีดีโอคอลกลับมา เวลาวีดีโอคอลนางก็อัดหน้าจอไว้ว่าคุยอะไรกับลูกบ้าง”

ณ จุดนี้เต็มอิ่มที่สุดในชีวิตไหม ?

กับคำถามนี้ก้อยบอก “มันคอมพลีทค่ะ แล้วการที่ย้ายไปอยู่ภูเก็ต มันเหมือนกับเราได้ใช้ชีวิตจริงๆ เป็นครอบครัวแบบพ่อแม่ลูก คน ก้อยต้องขอบคุณพี่ตูนที่เขาตัดสินใจจะพาเราและลูกย้ายไป ซึ่งความคิดนี้มาก่อนโควิดด้วยซ้ำ

อยู่มาวันหนึ่งนางพาเราไปที่ดินผืนหนึ่งโล่งๆ แล้วก็จับมือบอกว่าเราจะมาสร้างบ้านอยู่ที่นี่ด้วยกันนะ ก็อึ้ง แล้วหันไป ถามหนูหรือเป็นประโยคบอกเล่า (หัวเราะ) เราก็ยังไม่มีภาพในตอนนั้นว่ามันจะเป็นยังไง สุดท้ายแล้วพอเวลาผ่านมา ผ่านสถานการณ์โควิดต่างๆมา ก้อยขอบคุณเขามากๆ”

ก้อยยังบอกด้วยว่าเธอกับตูนตั้งใจจะเลี้ยงลูกให้โตมากับธรรมชาติ

“พัฒนาการของเด็กควรเป็นไปตามธรรมชาติ แล้วโลกสมัยนี้มันไม่ได้สะอาดเหมือนสมัยคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า เรา ธรรมชาติมันน้อยลงมากๆ เราเลยต้องหาที่ที่เป็นธรรมชาติให้กับลูกจริงๆ การไปอยู่ภูเก็ตอย่างน้อยมันได้ธรรมชาติ”

บอกด้วยว่าทุกวันนี้เธอไม่ให้ลูกดูโทรศัพท์มือถือเลย โทรทัศน์เธอก็ไม่ได้เปิดมา 2 ปีแล้ว ส่วนตูนที่ชอบดูการแข่งขันฟุตบอลมาก็จะดูตอนลูกหลับแล้ว

“เราจะไม่ดูบอลระหว่างที่ลูกยังไม่นอน แต่ก็ไม่ได้เคร่งขนาดว่าพาออกไปข้างนอกแล้วมีจอ LED ต้องปิดตา ไม่ให้ดู ไม่ได้ขนาดนั้น ก็เห็นได้”

ครั้นพิธีกรถามว่าตอนอยู่บนเวทีตูนโหดดุดันไม่เกรงใจใคร เสาไฟก็ปีนมาแล้ว ตอนนี้ยังโดดอยู่มั้ย ?

ก้อยก็ว่า “ไม่โดดแล้ว ตอนนี้เรามีชีวิตอยู่เพื่อลูกแล้ว เราจะไม่ทำอะไรที่มันสุ่มเสี่ยง ก้อยไม่ได้บอกนะ แต่ก้อยสังเกตว่าเขาไม่ได้ผาดโผนเหมือนเดิมแล้ว แต่ว่าเรื่องของการใช้ร่างกายหนักๆมากกว่า ถ้าเป็นแต่ก่อนพี่ตูนจะวิ่งมาราธอนต่อปีเยอะๆมาก เดี๋ยวนี้เรารู้สึกว่าเราเซฟร่างกายไว้เพื่อตัวเล็กดีกว่า”

เธอยังบอกด้วยว่าตอนนี้อยากมีลูกอีกสักคน

“อยู่ในกระบวนการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงผู้ชายอยากได้หมด แต่ถ้าถามใจเราอยากได้ผู้หญิง เพราะมีผู้ชายแล้ว ก็มีดูไว้ว่าต้องคลอดภายในปีเถาะ ถ้านับเป็นจีนข้ามไปถึงมกราปีหน้า แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสคือถ้าได้ก็ดี ถ้าตามศาสตร์จีนคือพี่ตูนปีมะแม ก้อยปีกุน ถ้ามีลูกปีเถาะจะดีกับเราทั้งคู่ เป็นความสมพงษ์กัน”

ส่วนที่ว่ากันว่าเธอไม่เคยขอเงินสามีใช้แม้แต่บาทเดียว ก้อยอธิบายเหตุผลว่า

“ต้องบอกว่าพี่ตูนเขาดูแลซัพพอร์ตในเรื่องของครอบครัว ลูก แต่สำหรับก้อยเองเรารู้สึกว่าเราทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ เราหาเงินมาด้วยตัวเองตลอด เราไม่อยากจะเพิ่มภาระให้เขา ใช้เงินตัวเองภูมิใจกว่า ก้อยก็ทำธุรกิจหนึ่งที่เป็นรายได้ให้กับตัวก้อยเองมาจนถึงทุกวันนี้ ก้อยอยากจะทำให้มันต่อยอดดูแลตัวเองแล้วก็ดูแลลูกต่อไป”

สำหรับตูน เขาบอกว่า เขารู้สึกขอบคุณก้อยมากที่เสียสละ และดูแลครอบครัวอย่างดี

ผมมักจะพูดกับเขาอยู่เสมอทุกวัน เราไม่ได้ลงโมเม้นท์วันเกิดหรือวันครบรอบ ผมจะพูดกับเขาตลอด ตื่นเช้ามานึกออกก็จะบอกว่า รักนะ ขอบคุณที่ดูแลครอบครัวอย่างดีและเสียสละ บอกทุกวันอยู่แล้ว ขอบคุณมากที่เสียสละให้ ครอบครัวขนาดนี้”

ด้านก้อยก็ว่า “ขอบคุณพี่ตูนหลายๆอย่างที่ทำให้ก้อยกับน้องทะเล ทำให้วันนี้เรามีครอบครัวที่เติมเต็มทุกอย่างในชีวิตจริงๆ เราก็อยากจะตื่นนอนมาเจอเขาทุกเช้า แล้วก็นอนหลับไปพร้อมกันทุกวัน มีลูกที่น่ารักๆด้วยกันอีก ก็จะพยายามให้น้องสาวทะเลมาไวๆนะคะ”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image