‘ชมพู่’ คิดถึงงานแสดงติดใจการเล่นหนัง มูฟออนดราม่าชุดเมืองคานส์ ปีหน้าเอาใหม่

 

‘ชมพู่’ คิดถึงงานแสดงติดใจการเล่นหนัง มูฟออนดราม่าชุดเมืองคานส์ ปีหน้าเอาใหม่

กลับมารับงานแสดงอีกครั้งในรอบหลายปี สำหรับนางเอกซุปตาร์ตัวแม่ ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่มาร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์ Long Live Love! ลอง ลีฟ เลิฟว์ ที่สยามพารากอน ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดใจถึงประเด็นที่กลับมาเล่นหนังอีกครั้ง พร้อมตอบดราม่าเรื่องชุดหลังไปร่วมเดินพรมแดงในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เมืองคานส์

กับเรื่องนี้มันสนุกยังไงทำไมเราถึงยอมเล่น?
“จริงๆ ต้องบอกก่อนว่าด้วยวัยมันหาบทที่เรารู้สึกว่าเราเข้าไปแตะแล้วรู้สึกว่ามันใช่ค่อนข้างจะยากอยู่แล้ว พี่มุก (ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ) ติดต่อมาแล้วก็เล่าเรื่องให้ฟังเราลองอ่านบทก็รู้สึกมันก็พอจะเป็นไปได้นะก็คือเป็นเรื่องชีวิตคู่ที่เรารู้สึกว่ามันไม่ฝืด”

Advertisement

อ่านบทปุ๊บเราเลือกเลย?
“คือจริงๆ ก็ตั้งแต่ได้ยินเรื่องก็ค่อนข้างสนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่ว่าตอนนั้นติดเรื่องท้องอยู่”

กับการกลับมาเล่นภาพยนตร์ในรอบกี่ปี?
“เรื่องล่าสุดก็ไดอารี่ตุ๊ดซี่เนอะ ตอนนั้นพี่สายฟ้าพี่พายุก็สองขวบ ตอนนี้ลูกกำลังจะหกขวบก็สามสี่ปีแล้วค่ะ”

มันต้องมีอะไรปรับเปลี่ยนไหม?
“มันเหมือนกับว่าพอชมหายไปแล้ว กลับมาก็เหมือนกับเราก็เป็นตัวเราเอง เราก็โตขึ้นเอ็นเนอร์จี้ข้างในเรามันก็เป็นอีกแบบหนึ่ง มันไม่ได้เหมือนตอนที่เราออกมาทำงานทุกวันแต่ชมว่ามันเป็นพลังงานที่ดีนะและชมก็มาโดยที่ไม่ได้คิดว่าอะไรมันจะต้องเปลี่ยนไปหรือว่าอะไรมันจะต้องเหมือนเดิมก็คือมาสัมผัสเอาข้างหน้าแล้วก็เปิดรับเพราะฉะนั้นก็รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดี”

Advertisement

บรรยากาศในกองถ่ายยังเหมือนเดิมไหม?
“มันก็คงไม่เหมือนเดิมเพราะว่าอาจจะไม่ใช่กองที่ชมคุ้นเคย ก็อยู่วงการมานานเนอะเอาจริงๆ ส่วนมากเราก็ถ่ายละครถ้าเรากลับไปกองละครตอนนี้ก็คนเดิมๆ ที่เราเคยเจอก็อาจจะมีไปทำอย่างอื่นบ้างแล้ว แต่อันนี้เป็นหนังก็เหมือนเป็นอะไรที่เราไม่ค่อยคุ้นเคยอยู่แล้วเพราะเราไม่ใช่สายหนัง ก็เหมือนเป็นเด็กๆ ก็เริ่มมีคนยกมือไหว้เรามากขึ้น (ยิ้ม) มันก็จะเป็นฟิลนั้น”

เรื่องนี้มันก็ทำให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงเพราะเรากลับมาเล่นหนังอีกครั้ง?
“ค่ะ ก็คิดถึงตัวเองเหมือนกันค่ะในงานแสดงของตัวเอง”

เพราะโตขึ้นเลยทำให้การเลือกรับบทรับงานมันเปลี่ยนไป?
“มันก็แน่นอนแหละจริงๆ ชมว่าไม่ใช่แค่เราอยากได้อะไรที่มันตรงกับตัวเรานะแต่ด้วยความที่ชมว่าในตลาดเรื่องส่วนมากถ้าเป็นเรื่องของคู่รัก เป็นเรื่องของคนอีกวัยหนึ่งแล้ว อันนี้ก็เป็นธรรมชาติที่เราก็ต้องเข้าใจของวงการบันเทิงชมว่าจริงๆ มันก็เหมือนกับทุกที่แหละ พออายุเราถึงจุดหนึ่งประสบการณ์ในชีวิตเรา ภูมิที่อยู่บนหน้าเรา มันก็จะเป็นข้อจำกัดว่าเราจะไปทำอะไรที่มันฝืนกับข้างในมากๆมันก็ไม่ได้แล้วเพราะฉะนั้นเวลามีบทที่เรารู้สึกว่าเราซิ้งค์ได้มันก็ดีค่ะ”

เพราะหนังเรื่องนี้มันทำให้เราคิดถึงการเล่นละครไหม จะกลับมาได้เห็นอีกไหม?
“(หัวเราะ) ชมว่านานๆ ที จังหวะแบบนี้ น่าจะกำลังดีอย่างที่บอกเหมือนเราไปทำอะไรใช้ชีวิตไปนู่นไปนี่พอเรากลับมาตรงนี้ชม All in เลย ชมรู้ว่าชมเทคิวให้กับตรงนี้นะชมให้แล้วและชมก็จะให้ทั้งหมด แล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นสัดส่วนที่พอดี”

ละครคือยังใช่ไหม?
“คือละครมันถ่ายนานเนอะ แล้วคิวมันอาจจะไม่ได้เหมือนคิวหนัง ก็ต้องบอกว่าตอนนี้ติดใจหนัง”

มันลงล็อกกับชีวิตเราที่สุด?
“ใช่ค่ะ (ห่วงลูกด้วย?) ด้วยค่ะ ลูกก็เป็นอันดับหนึ่งของเรา”

เป็นยังไงบ้างกับการกลับไปเมืองคานส์อีกครั้ง?
“ก็ดี ไม่ได้ไปหลายปีแล้วค่ะ”

รอบนี้มันเหนื่อยกว่าเดิมไหม?
“เหนื่อยเพราะเราแก่แล้ว (หัวเราะ)”

ก่อนหน้านี้ก็เคยอุ้มท้องไปมาแล้วรอบนี้เหนื่อยกว่าเดิมยังไง?
“มันก็เหนื่อยทุกๆ ครั้งแต่ว่าคาดนี้เราคิดว่ามันคงสบายตัวนะ เราน่าจะคล่องตัวไม่ได้เอาลูกไปแต่ก็กลายเป็นว่าเหนื่อยอยู่ดี เพราะในเวลาจำกัดที่เราไปแล้วต้องทำอะไรหลายอย่างมาก”

รอบนี้เตรียมตัวนานไหม?
“ก็ประมาณหนึ่ง แต่ว่าอาจจะไม่ได้เหมือนทุกๆ ปีที่เหมือนเรารู้ว่าจบปีนี้ปีหน้าเราไปต่อเพราะว่าเหมือนเป็นปีแรกที่เรากลับไปหลังจากโควิด เพราะฉะนั้นช่วงแรกมันก็จะมีความ เฮ้ย ตกลงเราจะไปไหมหรือเราจะอะไรเพราะฉะนั้นการเตรียมตัวมันก็จะยึกยัก (มันกระชั้นชิด?) ก็ไม่ได้ถึงกับกระชั้นชิดมากถ้าเทียบกับทุกปี เวลาเตรียมตัวอาจจะน้อยกว่าทุกครั้ง”

ภาพจากอินสตาแกรม chomismaterialgirl

ในแต่ะวันแฟนๆ ค่อนข้างฮือฮากระแสชื่นชม?
“ก็โอเคค่ะ (ยิ้ม) ขอบคุณทุกกระแส”

อย่างชุดวันสุดท้ายสีแดง เห็นกระแสไหม?
“เห็นค่ะ ถ้าถามความรู้สึกก็…ใช้คำว่าอะไรดี ก็เมื่อเห็นภาพจากในเก็ตตี้ (เก็ตตี้ อิมเมจส์) ใช่ไหม โดยปกติเวลาเดินเสร็จแปปนึงภาพก็จะออกละ เราอยู่บนรถยังไม่ทันถึงโรงแรมก็จะเห็นภาพแล้ว เห็นก็รู้แล้วว่ามันไม่ดี แต่ว่ามันก็มีปัจจัยหลายๆ อย่าง เราก็เข้าใจได้ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นได้ เพียงแต่ว่าก็อาจจะเป็นปัจจัยที่เราคิดไม่ถึงว่ามันสามารถเกิดแบบนี้ได้”

สิ่งที่เราชอบในชุดนั้นคืออะไรที่ทำให้เลือกมาใส่ในวันนั้น?
“จริงๆ ก็ชอบทุกอย่าง รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ไม่เคยทำ เป็นอะไรที่ใหม่ ชอบก็คือชอบ (ยิ้ม)”

พอมีกระแสในแง่ลบมันบั่นทอนเราไหม เพราะเราก็มั่นใจที่จะทำ?
“บั่นทอนไหมเหรอ เอาจริงๆ ไม่ได้รู้สึกว่าแบบ….คือรูปไม่ดีก็คือรูปไม่ดี จบแค่นั้น ยอมรับแล้วก็มูฟออน ถามว่าบั่นทอน เสียใจร้องไห้ไหมคงไม่ขนาดนั้น เราปูนนี้แล้ว (หัวเราะ) มันผ่านมาเยอะมากแล้ว ถามว่าไม่ได้เตรียมใจไหม ก็ไม่ได้คิด คือเราทำอะไรเรามองเป็นบวกอยู่แล้ว เพราะเราต้องมองทุกอย่างเป็นแง่บวกอยู่แล้วถูกไหม แต่ถามว่ามันเกิดขึ้นได้ไหม มันก็เกิดขึ้นได้ อายุเท่านี้แล้ว อยู่มาขนาดนี้ นี่เป็นฟีดแบ๊กลบครั้งแรกที่เคยเจอหรือเปล่าก็คงไม่ใช่ ก็เกิดขึ้นได้ก็แค่นั้นเอง”

ภาพจาก Getty Images

โจทย์ในการเลือกชุดมันยากไหม เพราะคนก็ตั้งตารอว่าจะใส่ชุดอะไร?
“ยากไหมเหรอ มันก็แน่นอนแหละ ต้องทำความเข้าใจว่าเราไม่ได้อยู่ในจุดที่ว่าอยากจะได้อะไรแล้วเราก็จะจิ้ม เบื้องหลังมันมีอะไรที่คนไม่รู้มากกว่านั้น การที่ดีไซเนอร์จะตอบรับเรา มันเป็นไปไม่หรอก เราไม่ใช่ริฮานน่าที่มีคนเอาชุดเป็นร้อยเป็นพันมาออฟเฟอร์เรา เพราะฉะนั้นเราทำให้ดีที่สุด จากตัวเลือก จากทรัพยากรที่เราหาได้ ซึ่งเบื้องหลังของการที่หาแล้วได้มาก็เป็นอะไรที่คนดูไม่มีทางรู้ว่ากว่าจะอะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นในกระบวนการตัดสินใจ แน่นอนการเห็นภาพจบแล้ววิจารณ์ หรือแสดงความคิดเห็นมันง่ายกว่ามากๆ กับกระบวนการคิดการตัดสินใจของเรา”

กลายเป็นว่าคนจะคาดหวังกับเราว่าต้องเพอร์เฟ็กต์ ไม่มีที่ติ?
“ก็เข้าใจ เราเองก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น ณ วันที่อยู่ด้วยกันกับทีมที่ลอง ฟิตติ้ง ทุกอย่างมันก็ดูสมบูรณ์แบบในแบบของมัน”

เราแข็งแรงกับคำวิจารณ์ทีมเรา?
“จริงๆ อยู่ด้วยกันก็เนเจอร์เดียวกัน เพราะว่าทำงานด้วยกันมา ก็ไมได้อะไร มูฟออนแล้วก็ไปทำอย่างอื่นต่อ เพราะเรามีอะไรให้ทำอีกเยอะ”

ครั้งหน้าเราต้องมีแพลนสำรองเตรียมรับมือไหม?
“ก็คงเหมือนเดิม ตัดสินใจคอนดิชั่นกับบริบท ณ ตอนนั้น ถามว่าถ้าย้อนหลับไปวันนั้นในบรรดาช้อยส์ที่มี ก็ยังคิดว่าก็ยังเลือกชุดนี้อยู่ดี เพราะฉะนั้นก็ไม่เป็นไร มูฟออน ปีหน้าก็เอาใหม่ ไปต่อๆ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกใจทุกคน ทำเหมือนก็บอกว่าเหมือนเดิม ทำแบบที่ชอบ ทำแบบที่ถนัดก็ไม่ออกจากคอมฟอร์ทโซน เปลี่ยนก็ประหลาด เพราะฉะนั้นมันไม่มีทางที่จะถูกใจทุกคน เอาที่เราสบายใจ”

ถามถึงที่ถ่ายรูปกับพระเอกจีน หยางหยาง ทำแฟนๆ หวีด?
“เขาหล่อดี ขาว หล่อ ก็ไม่อะไรจะพูดก็หล่อ เราก็ชอบตี๋อยู่แล้วไง (หัวเราะ) เราก็มีทักทายกันนิดหน่อย ตอนจะถ่ายรูปทีมพีอาร์ก็จะแนะนำ (เขามีแฟนคลับในไทยเยอะ?) พอมีรูปออกไปก็มีฟีดแบ๊กมาทางเรา (คนอยากสิงร่างแม่ ตัดแปะรูปหน้า?) ได้นะๆ หล่อจริงๆ ไม่จกตา (ยิ้ม)”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image