‘มิน พีชญา’ เผยเหตุไม่รับละคร เล่าเรื่องรักข้ามจากเฟรนโซน 10 ปีสู่หวานใจ

‘มิน พีชญา’ เผยเหตุไม่รับละคร เล่าเรื่องรักข้ามจากเฟรนโซน 10 ปีสู่หวานใจ

นางเอกสาว มิน พีชญา เปิดใจครั้งแรกกับเส้นทางความรักหนุ่มนอกวงการร่วม 2 ปี พร้อมไขข้อสงสัยทำไมไม่ยอมเปิดหน้าซักที เล่าโมเมนต์จากเพื่อนกลายมาเป็นคนรู้ใจ เคลียร์ประเด็นเหตุไม่รับงานละครกว่า 2 ปี เพราะอะไร? ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31

มีละครติดต่อมามากกว่า 100 เรื่อง ปฏิเสธหมดเลย?
“เว่อร์มาก ไม่ถึง 100 เรื่อง ถ้าหลัก 10-20 ถึง จริงๆ เราอยากรับละคร เพราะเราก็เป็นนักแสดงคนหนึ่งที่แสวงหาบทที่เราอยากจะเล่นอยู่เสมอ แล้วมินเป็นคนชอบการแสดง ถ้าเราอ่านบทเราจะรู้ว่าบทนี้เคยเล่นแล้ว พอเราไปเล่นอาจจะรู้สึกว่ามุมมองไม่สามารถจะบิดได้”

แสดงว่าที่ยังไม่รับ 2 ปีที่ผ่านมา บทยังไม่โดนใจเรา?
“มองว่าจังหวะ บท และเวลาหลายๆอย่างด้วย ทั้งคิวคนที่จะเล่นด้วยและคิวเรา เราต้องบริหารเวลาในการทำธุรกิจด้วย”

Advertisement

2 ปีที่ไม่เห็นหน้าเลยคือหันหน้าไปทำธุรกิจ?
“เป็นธุรกิจที่ช่วยที่บ้านด้วยแล้วก็ของเราด้วย ของเราจะมีธุรกิจอสังหาฯ ทางบ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับห้างวัสดุก่อสร้างอยู่แล้ว ตอนนี้เราก็เข้ามาช่วยบริหารด้วย ตำแหน่ง MD คุมภาพใหญ่ แต่จริงๆ ทีมเขาก็เก่งกันอยู่แล้ว”

จริงมั้ยที่ตามข้อมูลบอกว่าธุรกิจที่เราทำไปหลักร้อยล้านถึงพันล้าน?
“ตามมูลค่าธุรกิจของครอบครัวตัวธุรกิจมันถึงอยู่แล้ว แต่ในส่วนของมินก็เพิ่งเริ่มตัวเล็กๆ เป็นนักธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น”

อันนี้คือทำหมู่บ้าน ขายหมู่บ้านเลยใช่ไหม?
“ใช่ค่ะ ก็จะดูในเรื่องของแบบ แก้แบบกันไปมาไม่ลงกับที่ดิน มีเรื่องแบบที่ต้องตอบโจทย์ของลูกค้า ช่วงโควิดที่ผ่านมาก็ขายหมดแล้ว”

Advertisement

ที่ทำตรงนี้เพราะคุณพ่อมีที่เยอะแล้วไม่มีใครสานต่อ?
“มินก็มีที่ของตัวเองด้วย อันที่คุณพ่ออยากจะแชร์เราก็เป็นพาร์ทเนอร์กัน คอนเซ็ปต์บ้านนี้คือไม่ยกมรดกให้ลูกแต่ลูกเป็นพาร์ทเนอร์ อะไรที่มินก้าวเข้าไปก็จะเป็นในส่วนของสัดส่วนผู้ถือหุ้นแล้วก็เป็นพาร์ตเนอร์กับคุณพ่อ”

ทำมากี่หมู่บ้านแล้วที่ขายไปแล้ว?
“ตอนนี้ที่ทำคือขึ้นเฟส 3 แต่คุณพ่อทำมานานแล้ว คุณพ่อทำมา 20 ปี เรื่องห้างวัสดุก่อสร้างเราทำมา 30 กว่าปี ด้วยมุมมองของคุณพ่อคุณแม่มองว่าในชีวิตหนึ่งคนเราจะมีบ้านได้ซักกี่หลัง เราต้องให้สิ่งที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นวัสดุก่อสร้างที่หาได้ในปัจจุบันเราจะเลือกเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดเข้ามาขายในร้านเรา”

งานอีเวนต์ไม่รับ?
“ยังรับอยู่ แต่บางครั้งต้องปฎิเสธเพราะชนกับประชุมที่นัดผู้ใหญ่ไว้ หรือพาร์ตเนอร์คนอื่นๆ เราจะไม่เลือกเสียเครดิต จริงๆ ขอเลื่อนประชุมก็ได้ แต่เราไม่ขอเลื่อน ถ้ามีอีเวนต์ที่คิวลงตัวไปอยู่แล้วค่ะ”

วันนึงถ้าเราเบื่อเล่นละคร เราสามารถไปเป็น MD ได้เต็มเวลาไหม คิดว่าจะมีความสุขไหม ?
“พูดยากมาก เพราะเราสร้างตัวตนของเราในวงการมาด้วยตัวเราเองแต่แรก อยู่มาวันหนึ่งจะให้มาทิ้งไป มินก็คิดถึงนะเพราะมินชอบการแสดง เวลาเราดูซีรีส์เกาหลีแล้วเล่นดี ถ้าเราได้เล่นบทนี้จะเล่นแบบไหน เราเล่นละครเป็นแพชชั่นแล้วหาบทที่เราชอบ”

เส้นทางความรักปัจจุบัน มีเวลาให้ความรักด้วย?
“มันก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งในชีวิต”

หนุ่มข้างกายคนนี้รู้จักกันมานานหรือยัง?
“ที่เห็นเป็นข่าวอยู่จะบอกว่ารู้จักกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่ได้ปิด เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว”

จากความเป็นเพื่อนเปลี่ยนเป็นความรักได้อย่างไร?
“มินใช้คำว่าค่อยๆ ดีกว่า ไม่มีใครจีบใครเลย อยู่มาวันหนึ่งเราก็ไม่รู้ยังไงเหมือนกัน ตอนข้ามเฟรนด์โซนนี่เป็นอะไรที่สับสนมาก สับสนกันทั้งคู่ ต้องคิดภาพก่อนว่าคนเป็นเพื่อนกันแล้วซัพพอร์ตกันมาตลอด แล้วอยู่มาวันหนึ่งเราจะทำลายความสัมพันธ์นี้ สมมุติถ้ามันข้ามแล้วมันแป้ก ความสัมพันธ์จบเลย มันมองหน้ากันไม่ได้ มันมายังไงก็ไม่รู้มันมาช้ามาก เช็กกันไปมาว่ามันมากกว่าเพื่อนแล้วหรือยัง”

ที่ผ่านมาคือเขารู้ชีวิตเรา เรารู้ชีวิตเขากันมาโดยตลอดแต่ไม่มีใครข้ามเส้น?
“รู้ตลอด อยู่ในงานวันเกิดมินเกือบทุกปี”

ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรเลย เพื่อน?
“ไม่ได้คิดอะไรเลย เพื่อน”

10 ปีที่แล้วเขามีสนใจเราอยู่บ้างหรอ?
“คิดว่าเขาชื่นชมมาโดยตลอด อย่างเราเป็นสไตล์เพื่อนเราก็จะบริสุทธิ์ใจตลอด เขาก็รู้จักนิสัยมินจริงๆ รู้ทั้งข้อดีและมุมที่เรากำลังเติบโต คือเราในวันนั้นกับเราในวันนี้คนละคนเลย คือเราก็โตขึ้น”

เราในวันนั้นเป็นยังไงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่รู้ว่าเขาจีบแต่เราไม่เลือกเขา?
“เราก็มีแฟน เขาก็อยู่เคียงข้างตลอด แต่ก่อนเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไร ด้วยความเป็นคนไม่จุกจิกไม่คิดอะไรเยอะ พอเราโตขึ้นเรื่องความรักเราเย็นมากคือเราไม่รีบ เหมือนเราหาคนที่จะใช้ชีวิตคู่แล้ว ที่ตอบโจทย์เราจริงๆ”

แล้วคนนี้เขาตอบโจทย์เรายังไง ทำไมจาก10 ปีที่แล้วไม่ใช่ ทำไมวันนี้ใช่?
“คือเนื่องจากเขาไม่เคยจีบเรา ไม่เคยมีปฏิกิริยาที่จีบ”

แล้ววันนี้เขาเปลี่ยนไปยังไงเราถึงรู้สึกว่าใช่?
“ช่วงที่ข้ามเฟรนด์โซนอันนี้มินเล่าไม่ถูกจริงๆ มันเป็นอะไรที่ยากมากมันมีดีเทลแล้วมินลืมไปหมดแล้ว”

มันจะมีเช่นแบบว่าแหย่คำถามกันว่าทำไมยังไม่มีแฟน ตอนนั้นที่ถามอยากได้คำตอบว่าอะไร?
“คือเขาสุภาพมากแล้วเป็นคนซัพพอร์ต อบอุ่น เราก็แบบสรุปเขาแค่อบอุ่นกับเราแล้วซัพพอร์ตเราในฐานะเพื่อน หรือว่ามากกว่านั้น หลังๆ เราเริ่มคิด”

อะไรทำให้เริ่มคิด เพราะถ้าเป็นเพื่อนจะไม่มีประโยคนี้ในหัวเลย?
“มันไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย เราคุยโทรศัพท์กันแล้วไม่เจอหน้ากันเลยนะ อยู่คนละจังหวัดด้วยบางทีเขาก็อยู่ต่างประเทศ มันไม่ใช่ฟีลที่ไปเดตกันมันเป็นเพื่อนกันมาตลอด เป็นเพื่อนกันมานานเกินไป ไม่ได้คิดอะไร หรือข้ามเส้นกว่านั้นต่างคนต่างก็มีคนอื่นอยู่ ช่วงนั้นที่มินบอกว่าโสดน้ำหนักเหลือ 39 ผอมซูบ พอมินลุกขึ้นยืนได้ก็เริ่มดูแลตัวเองเล่นกับเพื่อนเยอะขึ้น ช่วงโควิดเจอเพื่อนไม่ได้ก็ต้องโทรคุยกัน มันจะมีลิสต์เพื่อนที่จะโทรหา เพราะเราไม่อยากอยู่คนเดียว”

คนนี้ต้องโทรคุยทุกวันไหม?
“ไม่ๆ คนนี้ไม่ได้โทรคุยทุกวันก็จะมีเพื่อนผู้หญิงสลับกันไป”

ณ วันนั้นเขาโทรหาเราหรือเราโทรหาเขา?
“เขาโทรหาเราเป็นเรื่องที่เราจะสั่งสินค้าของเขา”

เขามีคำตอบตกลงชัดเจนไหมว่าเป็นแฟนกันมั้ย?
“ตอนหลังอ่ะมี ตอนที่ข่าวเริ่มเล่น นักข่าวก็คือพ่อสื่อแม่ชักให้เหมือนกัน จ่อไมค์สัมภาษณ์ไปมาก็เหมือนผสมขึ้นไปเรื่อยๆ”

จุดไหนที่เราตัดสินใจคบกับคนคนนี้ในปัจจุบัน?
“ความสบายใจ มินว่าพอเราเติบโตขึ้นเรื่องความรัก เราไม่ได้นั่งตามเอาใจใครเหมือนตอนที่เราเด็กๆ ต้องถูกใจเขา เขาอยากให้เราเป็นแบบนี้เรามาปรับตัวเองเพื่อเขา 100% จนสูญเสียความเป็นตัวเอง ในอดีตเราเรียนรู้ว่าเราเผลอทำร้ายตัวเอง เราเปลี่ยนตัวเองจนเราลืมไปว่าเราต้องรักตัวเองก่อน พอเรารักตัวเองเป็นเราจะรักคนอื่นเป็น แล้วเราจะดูแลตัวเองได้ถูกต้อง เขาด้วย พอเราเริ่มรู้ว่าเราชอบอะไร เรารู้สึกว่าเราไม่ได้อยากได้อะไรเลยนอกจากความรักที่บริสุทธิ์ นอกนั้นเราดูแลตัวเองมาตลอดอยู่แล้ว เราแค่ต้องการใครซักคนที่แม้ว่ามินทำธุรกิจแล้วมินอยากคุยมินแค่อยากมีเพื่อนคุยแล้วเขาซัพพอร์ตเรา ไม่ได้ต้องการให้ทำอะไรให้ด้วยนะ เราคุยกับเขาแล้วมีความสุข แล้วที่ผ่านมาเขาทำอย่างนั้นอยู่แล้วแต่อยู่ในอีกบริบทนึง”

เขาเติมเต็มมั้ย ?
“ก็เต็มนะ(ยิ้ม)”

ตลอดทั้งชีวิตเรารู้อยู่แล้วว่าผู้ชายแบบนี้ สไตล์แบบบนี้ที่ต้องการในชีวิต?
“นี่คือคำถาม ก่อนหน้านี้มินไม่รู้ ก่อนหน้านี้มินไม่รู้ว่าต้องการอะไร เราแค่ชิลไปเรื่อย เพราะมินเป็นคนชอบทำงาน เคยรับละครปีนึง 5 เรื่อง ไม่มีวันหยุดเลยตลอดทั้งปีก็ทำมาหมดแล้ว จนวันนึงเราไม่ได้ใส่ใจเรื่องความรัก เราก็มีแต่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่ได้นั่งตกผลึกกับมันจริงๆ สรุปแล้วเรามีควารักเพื่ออะไร พอเราเริ่มมีสมดุลในชีวิตมากขึ้นก็เริ่มเห็นความสำคัญของการเลือกคู่ไม่ใช่การเดทไปเรื่อยๆ การเป็นผู้หญิงไม่ได้ชอบเปลี่ยนไปเรื่อยๆอยู่แล้ว คบกับใครก็อยากที่จะมั่นคงกับคนคนนั้น แล้วจริงๆ ในอดีตก็คบยาวทุกคนเลยนะ ก็จริงจัง ตั้งใจทุกครั้ง แต่เราไม่รู้ว่าเราชอบอะไรกันแน่”

ไม่ใช่ว่าเขาเป็นสายซัพพอร์ตมินอย่างเดียว มินก็ซัพพอร์ตเขาด้วย เขาเรียกว่าสายเปย์?
“อย่าใช้คำว่าเปย์ฟังดูน่ากลัวมากเลย เรียกว่าสายซัพพอร์ตทุกเรื่อง ทุกครั้งที่อยู่ในความสัมพันธ์เราอินกับความรักครั้งนี้มินก็จะซัพพอร์ตในทุกเรื่องอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่กับคนรักกับผู้จัดการ เลขาฯ เราก็ดูแล เราดูแลกันเป็นครอบครัวตลอด ถ้าเรามีคนที่เรารักเราก็อยากให้เราอยากเป็นฟีลผู้ให้ เวลาเราคบใครเขาก็มีฐานะของเขาอยู่แล้ว แต่มินไม่ได้เป็นผู้หญิงที่อยากได้โน่นอยากได้นี่ เราอยากเป็นฟีลที่ว่ารู้สึกว่าเราให้แล้วเราสบายใจ เราไม่ไปเอาอะไรของเขาแต่ถ้าเขาอยากให้จริงๆ วันเกิด โอกาสสำคัญอันนี้รับได้”

วันเกิดเขาที่ผ่านมาให้อะไร น่าจะมากกว่าหนึ่ง?
“10 ชิ้น เลือกเองทุกอย่าง แล้วก็ให้ตั้งแต่ก่อนวันเกิด ก็จะเป็นพวกกลุ่มหุ้น สิ่งของที่จับต้องได้ก็มี เสื้อผ้า มือถือ นาฬิกา รองเท้า หมวก กระเป๋า”

ทำไมถึงไม่เปิดหน้า?
“ไม่ได้ไม่เปิด เปิดตลอด มีในไอจี ลงรูปกลุ่มก็ลงปกติอยู่ในนั้นแหละ ถ้าลง 2 คนให้เขาปรับตัวนิดนึง ค่อยๆ ให้ทำความเข้าใจชินกับการถูกพูดถึง”

แล้ววันนึงจะเปิดไหม?
“ถ้าวันนึงเจอรูปสวยก็จะลงนะ ที่สำคัญคือรูปมินต้องสวย”

ได้ข่าวคุณแม่ก็ปลื้มคนนี้มากด้วย?
“คือเป็นเพื่อนกันมานานจนคุณแม่ก็รู้จัก คุณแม่รู้จักเพื่อนมินทุกคน แล้วก็รักเพื่อนมินทุกคน”

ตอนที่เปลี่ยนจากเพื่อนเป็นแฟนบอกแม่ยังไง?
“แม่รู้จักอยู่แล้ว จริงๆแม่เชียร์อยู่แล้ว มันจะมีช่วงที่มินอกหักแล้วก็ซึมอยู่บ้านร้องไห้ก็ไปนอนอยู่กับแม่ แม่ก็เห็นเราเศร้า แม่ก็ถามว่าเพื่อนอยู่ไหนบ้าง อีกคนก็อยู่ต่างประเทศอีกคนก็ทำงานหนัก แล้วเพื่อนคนนี้อยู่ไหน เหมือนเขี่ยบอล แต่ตอนนั้นเราเศร้าอยู่”

ปีกว่าแล้วคนนี้ใช่ไห?
“ก็ใช่นะ (ยิ้ม)”

ใช่นี่หมายถึงฝากชีวิตและอนาคตไว้ได้ไหม?
“ก็ได้นะ (ยิ้ม)”

วางแพลนถึงขั้นแต่งงานเลยไหม?
“อย่าเพิ่งถึงขนาดนั้นเลย ตอนนี้งานยุ่งมากเลยค่ะ บางวันก็นอนตี 5 ยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น”

อยากจะบอกอะไรกับเขา?
“ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างตลอด น่ารักมาก”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image