‘ต่าย ชุติมา’ เผยทักหา ‘แอฟ’ ปมแอปเปิล ย้อนถามชาวเน็ตดราม่าพูดถึงอดีต ลั่นอยู่หัวแถว
ไปร่วมงานเปิดแคมเปญ ผจญภัยกับเปปป้าพิกหมูน้อยสีชมพู ณ ใต้ท้องทะเลสุดมหัศจรรย์ ที่ ซีไลฟ์ แบงคอก สยามพารากอน ในวันนี้ (26 กรกฎาคม) จากนั้น ต่าย ชุติมา ได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่ระยะหลังมีดราม่าเกี่ยวกับเธอเกิดขึ้นหลายครั้ง โดยว่าบางทียังไม่ทันทำอะไร แต่ก็เจอพาดหัวข่าวที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งทำไมถึงไม่มีการตรวจสอบให้ดีก่อน
“อย่างเรื่องรูปแอปเปิล ปกติเราเป็นคนโพสต์เรื่องคติ ธรรมะ สัจธรรมซึ่งพอครั้งนี้โพสต์ไปก็รู้สึกความหมายของในรูป ว่าทุกสิ่งทุกอย่างออนไลน์ทุกคนแชร์กิจกรรมกับรูป มันไม่เหมือนกันหรอก บางคนโชว์แต่ด้านดีๆ อาหารแพงๆ แต่ความจริงเป็นยังไง เหมือนโพสต์ให้ข้อคิด”
“แต่ทีนี้คือดันเป็นรูปแอปเปิล ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันคืออะไรเหรอ เพราะเราไม่ได้รู้เรื่องราวในโซเชียล ว่าเขาเรียกใคร แทนใคร เพราะเป็นคนไม่อ่านเรื่องคนอื่น ไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น เพื่อนก็มาบอกว่าเดี๋ยวคนเข้าใจผิด เราก็เอ๊ะ! ทำไมคนต้องตีความ แล้วมีคนแคปรูปเอาไปโพสต์ใส่แคปชั่น โดนพาดหัวข่าวอีกว่าเราโพสต์รูปนี้พร้อมแคปชั่น ‘ดูพยายามดีนะ’ ซึ่งเราไม่ได้โพสต์ ก็งง เราแชร์อะไรที่เป็นคติสอน กลายเป็นว่าโดนผลกระทบมาอีก ว่าอยู่นิ่งๆ เหอะ กลายเป็นโดนโยง”
“เราโพสต์ด้วยเจตนาดี เจตนาบริสุทธิ์ แล้วอยากให้ข้อคิดสอนคน แต่คนที่อคติ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงคิด ถึงโยงไปเป็นเรื่องอะไรแบบนั้นได้”
เรื่องที่มีคนสงสัยว่ามีปัญหาอะไรกับ แอฟ ทักษอร หรือเปล่า ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนความสัมพันธ์จะดี มีการแชร์โพสต์เหตุการณ์ที่ลูกๆ ได้เจอกัน ต่ายก็ว่าถ้ามีปัญหากันจริงจะโพสต์ทำไม
“เราโตแล้ว เราไม่ใช่คนที่จะมาโพสต์ด่าออนไลน์ มันไม่ใช่” ต่ายบอก
ก่อนยืนยัน “แล้วเราก็ไม่ได้มีปัญหากันด้วยเลยค่ะ”
ครั้นถามว่ามีการคุยกันหลังไมค์ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดไหม ต่ายบอก
“ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิด เพราะก็รู้สึกว่าเขามีความเป็นผู้ใหญ่ เขาก็เข้าใจสถานการณ์อยู่ แล้วเราไม่ได้มีปัญหากัน”
ด้วยเหตุนั้นจึงคิดว่าคงไม่ต้องถึงขั้นยกหูโทรหา
“แต่เพื่อนก็บอกว่าบอกเขาหน่อยไหม เพื่อนก็ชาวบ้าน 1 (หัวเราะ) บอกเขาหน่อยไหมว่าเห็นข่าวหรือยัง แต่เราแค่รู้สึกว่าถ้าเจตนาเราไม่ได้มีอะไรแบบนั้น จะแก้ตัวทำไม”
เป็นเพราะเชื่อด้วยว่าแอฟน่าจะเข้าใจ?
“ใช่ๆ แต่ก็มีถามไป ว่าเห็นข่าวหรือยัง เพราะตอนนั้นที่เรามีข่าว พี่แอฟเขาก็กลัวเราเข้าใจผิด ซึ่งเราก็ไม่ได้มีอะไร ก็มีทักไปนิดหน่อย อันนี้ไม่ได้มีอะไรเลยนะ เขาก็น่าจะเข้าใจนะคะ”
“เหมือนคนชอบมาโยงทุกเรื่อง ให้มีเรื่อง”
เธอยังบอกอีกว่าในความรู้สึกของเธอ ส่วนที่หนักหนาจริงๆ คือการพาดหัวข่าว
“เรื่องที่หนักคือพาดหัวข่าว เพราะคนไทยอ่านแค่พาดหัวข่าว เนื้อข้างในมันไม่ใช่ ทุกอย่างอยากให้พาดหัวข่าวถูกต้อง เป็นจริง อันนี้ทำข่าวได้เลย แต่ถ้าทำให้คนเข้าใจผิดทัวร์มาลง ไม่รู้จะทำทำไม”
เรื่องที่โดนตีความ ต่ายก็ว่า “เราโพสต์ด้วยเจตนาดีและบริสุทธิ์ แต่ถ้าเกิดว่าคนที่อ่านมีเจตนาที่มีความอคติ หรือมีเจตนาที่คิดลบหรือคิดไปเอง อันนี้เราห้ามไม่ได้”
“เราโพสต์รูปหรืออะไรต้องมีความหมายแฝงทุกครั้งเหรอ เราไม่ได้เป็นคนยากหรือมีเลเยอร์ขนาดนั้น เป็นคนตรงๆ โพสต์อะไรก็ตามนั้นเลย”
เมื่อถามว่าอยากบอกอะไรไปถึงคนที่โยงบ้าง ต่ายบอก “เราก็งง ว่าเขียนตอนไหน หรือข่าวที่ก่อนหน้านี้ที่บอกเราพูด ก็คือยังไม่ได้พูด พอพาดหัวปุ๊บคนก็มาด่า ว่าพูดแบบนี้ได้ไง”
เธอยังรับด้วยว่าพอมีเรื่องแบบนี้ ก็ส่งผลให้เวลาจะโพสต์อะไร ต้องคิดให้เยอะกว่าเดิม
“เพื่อนก็เตือน ว่าถ้าเป็นกระแสเยอะก็ไม่ต้องโพสต์ ซึ่งเรารู้สึกว่าทำไมจะโพสต์ไม่ได้ ถูกไหม เราก็โพสต์ปกติอยู่แล้ว คนที่มีจิตใจที่ดีเขาอ่าน ก็ไม่ได้มีอะไร”
เรื่องที่ทำอะไรก็โดนจับจ้อง ต่ายบอกจับจ้องได้ แต่อยากให้จับจ้องให้ถูกตามเจตนาของเธอ
“ครอบครัวเราหรือตัวเราเองไม่ได้มีอะไรอยู่แล้ว เป็นคนปกติธรรมดา ที่เลี้ยงลูก ทำงาน ปกติเลย ไมได้แขวะใคร ไม่ได้มีเรื่อง ไม่ได้มีปัญหา”
แต่กลายเป็นว่าก่อนจะโพสต์อะไร ก็ต้องคิดว่าจะเป็นประเด็นอีกหรือเปล่า
“บางทีจะโพสต์เรื่องเป็นห่วงลูก ยังต้องคิดเลย ว่ามันจะกระทบใครหรือเปล่า”
ล่าสุดที่ ทิม พิธา ไปเที่ยวพัทยากับลูก คนก็จับจ้องว่าเธอไปด้วยไหม ซึ่งเรื่องนี้ต่ายบอก
“ทุกเรื่องเขาโยงหมด”
“ไม่ต้องไปพัทยา เขาไปนั่งกินข้าวก็จับคู่จาน หรือเราไปเชียงใหม่ คนก็ตามไปถามที่ร้าน ว่ามากับใคร ดีเอ็มมาถามก็ได้นะ (หัวเราะ) อะไรแบบนี้ ก็ไม่ต้องขนาดนั้น”
ครั้นเมื่อว่ามีแนวโน้มจะเปิดตัวชายหนุ่มอีกราย ซึ่งเป็นเจ้าของแหวนที่เธอเคยเล่าไหม ต่ายก็ว่า นั่นเป็นการเล่าให้ฟังว่ามันเคยเกิดขึ้น
“คนจะคิดว่าไทม์ไลน์คือตอนนี้ เพราะฉะนั้นคือเวลาพูดอะไรต้องลงท้าย ณ วันที่ เวลา อะไรอย่างนี้”
“บางทีเราตอบอะไรไป มันเป็นการอัพเดตช่วงนั้น สมมุติวันนี้ทะเลาะกัน บอกสื่อว่าโสดค่ะ อีก 2 วันดีกันแล้ว ทุกคนเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ถูกมั้ย”
แสดงว่าตอนนี้โสด?
“ณ วันนี้ คือตอนนี้โสด” บอกพลางหัวเราะ
“เหมือนบางทีเล่าอะไรให้ฟังในเรื่องของอดีต อดีตต้องเป็นคนนี้แน่เลยใช่ปะ คืออดีตก็ไม่ได้มีคนเดียว อายุจะ 40 แล้ว ไม่ได้มีคนเดียวหรอกค่ะ”
กับเจ้าของแหวน ต่ายบอก “เขาก็มาง้อแหละ แค่แบบว่าพอดีกว่า เรารู้สึกยังไม่พร้อมด้วย ถ้าจะมีครั้งที่สองมันก็ต้องมั่นใจกว่านี้นะ เขาก็ยังไม่ได้ทำตัวให้มั่นใจด้วย”
เรื่องแฟนเก่า ‘จูบเท้า’ ที่คนออกมาบอกว่าพูดทำไม หยุดพูดได้แล้ว ต่ายบอก “พอพูดว่าอดีต คนก็จะคิดว่าคนนี้แหละ มีคนเดียว แล้วก็เข้ามาด่า มาคอมเมนต์ ศึกษาข้อมูลก่อนนะคะ คือเวลาไปออกรายการทุกคนก็โดนถามความรักครั้งแรกเป็นยังไง อดีตมีเรื่องราวอะไรบ้าง อยากให้ดูที่เจตนาของคนตอบจริงๆ มากกว่า ไม่ใช่มีอะไรจะจับโยงไปหมดทำไมคะ โยงเก่ง โยงเก่งมาก”
ยืนยันว่าเหตุการณ์นั้นไม่ใช่พิธา?
ได้ยินแล้ว ต่ายหัวเราะ แล้วตอบ “จะบอกว่าแฟนเก่าดิฉันมีหลายคนค่ะ จะเป็นใครก็เถอะ แต่มันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นกับหนึ่งคนแล้วกัน โอเคไหม จบปะ แต่ก็ไม่อยากจะไปเจาะจงว่าเป็นใคร ก็แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ ถ้าบอกว่าได้ดอกไม้ คุณจะมานั่งถามกันไหม เพราะไม่ว่าจะคบใครก็ต้องดอกไม้ทุกคนนั่นแหละ”
การที่บางคนมองว่าเธอโหนกระแส เป็นนักปั่น?
ต่ายบอกเลย “เราไม่ได้อยู่ดีๆ เดินไปพูดนะ รายการเชิญไป แล้วเขาก็ถาม ไม่ใช่ว่าเราไปขอออก ไม่ใช่ เราอยู่ในวงการ การไปออกรายการก็เป็นเรื่องปกติไหม ก่อนหน้านี้เราอาจจะถอยจากวงการออกมา เพราะไปมีครอบครัว แต่ตอนนี้กลับมาทำงานแล้ว เขาก็เชิญเราไป”
ส่วนกรณีมีชาวเน็ตขอไม่ให้พูดเรื่องอดีตแล้ว เธอก็ว่า “คือเขาหวงส่วนตัวรึเปล่า”
“ฉันพูดแล้วเธอรู้สึกอะไรเหรอ ทำไมอะ”
ถือเป็นสิทธิของเรา?
“ใช่ แล้วอดีตที่ฝั่งนั้นเขามี เป็นหนังสือเขาก็มี ทุกคนก็มีเรื่องราว มีความประทับใจ มีอดีตที่สามารถเล่าได้”
ที่โดนแซวว่าไปต่อแถวใหม่ค่ะ ต่ายยืนยัน “ก็บอกแล้วไง ไม่ได้ต่อแถวแล้ว ทุกวันนี้คือช่วยกันเลี้ยงลูกกันไป”
“อยู่หัวแถวค่ะ เข้าใจไหม คืออยู่ช่วยกันเลี้ยงลูก ช่วยกันดูว่าลูกจะเรียนอะไร ค่าเทอมยังไง”
“พูดว่าอยู่หัวแถวก็เจอดราม่าอีก คืออยากจะบอกว่าอยู่หัวแถวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ มันต้องรับผิดชอบลูกนะคะ ไหนจะค่าเรียน ค่าอะไรทุกอย่าง ต้องช่วยกันเลี้ยง”
