‘แน็ก ชาลี’ บอกหมด เล่าจุดเริ่มต้นรัก ‘เก๋ไก๋’ จีบหลายรอบ เห็นต่างหลายเรื่องแต่แฮปปี้
หลังจาก “แน็ก ชาลี” ตอบรับว่ากำลังคบหากับ “เก๋ไก๋ สไลเดอร์” ที่ทำเอาแฟนๆพากันร่วมยินดี ล่าสุดวันนี้ (16 สิงหาคม) แน็ก ที่ไปร่วมงานภาพยนตร์เรื่อง Blue Beetle ที่ SF World Cinema เซ็นทรัลเวิลด์ ก็ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าว
โดยว่าความรักครั้งนี้ “เริ่มจากตัวผมรู้สึกว่าเราก็แก่แล้ว มีโอกาสได้เจอ ได้คุยกันอีก ก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ดี”
“แต่ก่อนจะชอบอยู่คนเดียวมาก ไม่ได้คุยกับใคร แต่พอเอาจริงก็รู้สึกว่ามี ก็รู้สึกดีกว่านะ มีความสุขดี”
กับฝ่ายหญิง แน็กบอก “เอาจริงๆ เราสองคนไม่ได้เข้ากันได้เลยนะ ผมรู้สึกว่าแต่ก่อน ทุกคนจะพูดว่าคนสองคนต้องมีอะไรที่คล้ายกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันได้ แต่พอมาเจอจังหวะชีวิตจริงๆ มันไม่ใช่เลย ถ้าตามความรู้สึกที่เราได้คุยกันนะ ไม่ได้มีอะไรคล้ายกันเลย ถามว่าประทับใจอะไรเขา ก็คงเป็นคนที่นิสัยดี น่ารักมาก”
เรื่องการ ‘จีบเขา’ แน็กบอก “ตอนหลังเราทำงานใช่ไหม ก็ได้คุย แล้วก็ไม่ได้คุย วันนั้นคือผมไม่ได้เปิดตัวอะไรนะ แต่ก็ตอบตามจริง เพราะสถานะเราก็ไม่ได้มาถามขอกัน ผมก็โตแล้ว แล้วก็ไม่ได้มุ้งมิ้ง รู้สึกเขินนะ ถ้าต้องมานั่งถามว่าเป็นแฟนกันไหม สำหรับผมมันเกินจุดนั้นแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้คุยกับใครเลย คุยอยู่คนเดียว เลยรู้สึกว่าถึงมันไม่เคยตกลงว่าคบกันหรือเป็นแฟนกัน แต่สำหรับผมมันก็เป็นแฟนกันแล้ว”
“คือช่วงนี้ตัวผมก็คุยกันแบบจริงๆ แล้วคนถามเยอะมาก เราก็ไม่รู้จะตอบยังไง ก็ตอบตามจริง คือผมอาจจะไม่ได้หวานเหมือนคู่อื่น หรือทำอะไรให้มันดูสวีต ไม่ค่อยได้ลงอะไรเยอะแยะมากมาย แล้วเราคุยอยู่คนเดียว มันก็ไม่ต่างอะไรจากแฟนสำหรับผม”
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างกันนั้น สำหรับเขาแล้วกับคนนี้ “จริงจังๆ จริงจังอยู่แล้ว รักๆ” แน็กบอก
ครั้นถามว่าอยากพาเข้ามาในโลกของแน็กไหม เจ้าตัวบอก “มัน แปลกมาก ตรงที่ว่าเราอาจจะไม่ได้มาอยู่โลกเดียวกันมาก เพราะว่าความเห็นไม่ตรงกันหลายอย่าง ไอ้สิ่งนี้มันแปลกดี ที่รู้สึกว่าทำให้เรายังคุยกันได้อยู่ สำหรับผมก็คือเรื่องนี้แหละ ที่เราปรับความเข้าใจกันไม่ได้สักที คุยกันไม่ได้ เถียงกันตลอด มันเลยอยู่กันนาน ไม่เหมือนคู่อื่นนะผมว่า เรื่องงานบางทีผมอยากทำนะ แต่ด้วยความคิดเราอาจจะยังไม่ได้ตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาเป็นคนที่มีหัวคิดเก่งมากๆ คนหนึ่ง ชอบคิดงานเอง เราก็ชอบคิดงานเองเหมือนกัน พอมาอยู่ด้วยกัน มันเลยยังร่วมงานกันไม่ได้ เราเลยรู้สึกว่าถ้าจะลง เราลงอะไรที่มันเป็นธรรมชาติ น่ารักๆ หรือสิ่งที่เราชอบคล้ายกัน จะมีเรื่องเพลง ที่เราชอบการร้องเพลง ชอบดนตรี ก็อาจจะให้คนได้เห็นมุมนี้มากหน่อย”
สำหรับงานคู่ที่มีติดต่อเข้ามา เขาก็ว่า “ถ้าวันหนึ่งเราคุยกันรู้เรื่องขึ้น แบบยอมคนละครึ่ง ก็อาจจะเห็นงานที่มากขึ้น แต่ผมว่าการทำงานที่ดีของเรา ก็อาจจะเป็นงานเกี่ยวกับด้านเพลง ด้านดนตรี ตลกๆ”
ในส่วนของสารพัดสัตว์เลี้ยงที่เขาดูแลอยู่ แน็กบอกคงไม่พาไปให้อีกฝ่ายรู้จัก “ผมรู้สึกว่าสัตว์เลี้ยงแปลกๆ เราก็ต้องดูแลเอง แต่ละคนไม่ได้ชอบเหมือนกันหมดครับ อยู่ดีๆ ผมจะอุ้มตัวเหี้ยไปเซอร์ไพรส์เขา มันไม่ได้แน่นอน ถ้าตัวแปลกมากจริงๆ จะไม่ได้แนะนำให้ใครรู้จักครับ”
แน็กยังบอกด้วยว่า ตัวเขาเองเป็นคนไม่ค่อยโรแมนติก
“ผมมีความสุขที่มันเป็นแบบนี้ เหมือนเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เราคุยกัน ก็มีความสุขที่เราเป็นอย่างนี้กันครับ”
เรื่องระยะเวลาการคุยกัน ว่านานขนาดไหนแล้ว แน็กก็ว่า “จริงๆ มีช่วงหนึ่งผมไปจีบหลายรอบอยู่ จนตอนหลังเรารู้สึกว่าต่างคนต่างไม่ได้คุยกับใคร แล้วได้มีโอกาสได้คุยกัน เลยรู้สึกว่ามันดีกว่าไม่ได้คุยกัน”
แม้จะเคยจีบมาหลายๆรอบ แต่แน็กบอกเลย “ไม่เหนื่อยหรอก เหนื่อยตรงที่เถียงกันมากกว่า” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะ
แน็กยังบอกอีกว่า ที่เก๋ไก๋บอกให้เริ่มนับวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมาว่าเป็นวันเริ่มคบ นั่นเป็นแค่การเล่นมุข
“เราไม่จำเป็นต้องระบุวันขนาดนั้น แค่ว่าคุยกัน มีความสุข ก็โอเคแล้ว เขาเป็นคนน่ารักๆ ชอบพิมพ์อะไรน่ารักๆ”
ทั้งนี้เขายังบอกอีกว่า ที่รู้สึกถูกใจ อยากเป็นแฟนเก๋ไก๋ ก็เพราะ “น่ารักนั่นแหละ แล้วก็นิสัยดี เขาชอบร้องเพลงด้วย ชอบทำดนตรี ผมเป็นคนชอบเวลาเขาร้องเพลงมากๆ เพราะเขาร้องเพลงเพราะมาก อยากให้หลายคนได้เห็นด้านเขาร้องเพลง เก่งมาก”
แล้วคิดว่าอะไรในตัวเราที่ทำให้เขายอมเป็นแฟนด้วย?
กับคำถามนี้ แน็กบอก “ไม่มี ผมหล่อเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว (หัวเราะ) หยอกๆ”
“คือผมรู้สึกว่ามันแปลก ตรงที่เราไม่ได้คลิกกันได้ทุกเรื่อง ไม่ได้คุยกันได้ทุกเรื่อง เรามีความเห็นไม่ตรงกัน แต่มันอาจจะแค่มีความสุขในการคุยกัน มันก็โอเคแล้ว”
เรื่องทะเลาะกัน เขาบอกว่าก็มีบ้าง จาก “การคุยไม่รู้เรื่องของเรา แต่สำหรับผมมันเป็นเรื่องปกติมาก จริงๆ ผมไม่ได้อายุน้อยกันแล้วนะทั้งคู่ แค่รู้สึกว่าถ้างานไหนความคิดไม่ตรงกัน เราแค่ไม่ทำ แค่นั้นเอง”
เขายังเล่าด้วยว่าที่ผ่านมาโดนแซวเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้คุยกัน เรื่อยมาจนถึงตอนที่คุย ซึ่งรู้สึกว่าเป็นอะไรที่น่ารัก
“แต่สิ่งสำคัญที่สุดเลยอาจจะไม่ได้เห็นผมหวือหวามาก ต้องลงอะไรเยอะ เพราะผมห่วงความรู้สึกคนนะ ถึงเราจะมั่นใจในการคุยกันแค่ไหน มั่นใจในความมั่นคงแค่ไหน แต่มันมีตัวอย่างให้เห็นหลายๆคู่ ผมรู้สึกว่าไม่ต้องหวือหวาอะไรเกิน เพราะเดี๋ยววันนึง พอคุณผิดหวังไปเราเดาไม่ถูกหรอก ชีวิตของคนจะเป็นอย่างไรบ้าง รอให้เวลาเป็นตัวที่ค่อยๆทำให้เห็นมากขึ้นๆ ดีกว่า”
ยืนยันด้วยว่าการคบกันครั้งนี้ไม่ใช่การทำคอนเทนท์
“ผมเป็นคนไม่โกหกคนอยู่แล้ว ความรู้สึกเราเป็นยังไงก็บอกแบบนั้น เราคุยกันยังไง ตกลงอะไรกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน มันเป็นตามที่ผมบอก”
ครั้นแซวว่ามีสาวอกหักทั้งประเทศแล้ว แน็กก็บอกพลางหัวเราะว่า
“สภาพผมมีคนอกหักด้วยเหรอ ไม่หรอก ผมรู้สึกว่าผมอายุเยอะแล้วและไม่ได้มีคนคุยแบบนี้มานานมาก ก็รู้สึกว่าทุกคนก็ยินดีกับพวกเราด้วย เหมือนเวลาผมเห็นคู่ใคร เราก็ต้องยินดีกับเขา”
ส่วนจะมองไปถึงเรื่องแต่งงานเลยไหม แน็กบอก “ต้องดูให้รอดก่อน ต้องให้สองคนอยู่กันรอดก่อน ต้องเห็นภาพที่ทำงานคู่กันให้ได้ก่อน ไม่เถียงกันแล้วก็คุยกันรู้เรื่อง เคลียร์ทุกอย่างก่อน อันนั้นเป็นเรื่องของอนาคต ตัวผมอาจจะอายุเยอะกว่าเขามากกว่า อาจจะต้องให้เวลาอะไรอีกหลายๆอย่าง”
แน็กยังตอบเรื่องที่ระยะหลังมาในลุคหล่อๆด้วยว่า “ช่วงนี้ขี้เก๊กครับ” พูดแล้วก็หัวเราะ
“เพราะคนชมเยอะขึ้น”
“หล่อเพราะร้อนเงิน เป็นเรื่องจริงนะ”
“เราแก่ขึ้นนั่นแหละ อายุ 30 เลยลองอีกครั้งว่าจะลดน้ำหนักให้ได้ อยากลองดูว่าจะทำได้ไหม เพราะว่าลองมา 6-7ปีแล้ว ไม่สำเร็จ ตอนที่ลดได้ก็ลงไป 30 โล ตอนนี้ขึ้นมาอีกแล้ว ผมอยากดูแลตัวเองมากขึ้น อายุเท่านี้แล้ว ถ้าปล่อยตัวอีกจะกลับมายาก”
อย่างนั้นจุดไหนที่ทำให้รู้สึกว่าต้องเปลี่ยนตัวเอง?
“เพราะเงินในธนาคารหมด” แน็กบอก
“พอเห็นจำนวนเงินว่าจะไม่เหลือแล้วนะ ยุคนี้ต้องยอมหนื่อยดูแลตัวเองหน่อย ที่จะกลับมาทำงานได้ เรื่องจริงนะครับ ไม่ใช่มุข (หัวเราะ) เมื่อก่อนผมเห็นเวลานักแสดงลดน้ำหนักเยอะ มีคอมเมนต์ว่าเสพติดความผอม เราก็ไม่เคยเป็น จนตอนลดน้ำหนัก ก็ชั่งทุกวัน เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาอยากลดลงเรื่อยๆ เมื่อก่อนน้ำหนักขึ้นไปแตะ 80 กิโล รู้สึกว่าไม่ได้แล้วเลยลดลงมา เดือนเดียวลงเกือบ 20 กิโล สองเดือนลงแตะเกือบ 30 กิโล ตอนนั้นมีที่ชั่งน้ำหนักทุกชั้นของบ้านเลย พอเริ่มรีวิวของกินก็กลับมาหยุดกินไม่ได้”
“ตอนน้ำหนักน้อยรู้สึกว่าสุขภาพดีมาก ร่างกายแข็งแรงกว่าเมื่อก่อน พอเห็นการเปลี่ยนแปลง คนก็ชม ตอนผมยาวก็อยากตัดผมนะ เมื่อก่อนไม่ยอมตัด ตอนหลังรู้ว่าเขาจะให้เงิน ก็แบบเมื่อไหร่จะตัดๆ ชีวิตนี้ขับเคลื่อนด้วยเงินจริงๆ พอตัดผมปุ๊บเงินเข้าบัญชี ก็มีแรงดูแลตัวเอง”
การทุ่มค่าตัวให้เราเปลี่ยนลุค?
“ไม่ๆ” แน็กบอก
“ไม่ต้องเยอะมากเดี๋ยวนี้ ก็ไปแล้ว (หัวเราะ) จะเป็นแนวที่คุยกันว่างานไหนตั้งเป้าสภาพตัวเราเหมือนใคร ยังไง ก็จะพยายามทำการบ้านเรื่องนั้นให้ได้”
เรื่องงาน แน็กบอกรู้สึกตัวว่าเป็นคนโชคดี
“ตัวผมช่วงที่สภาพแบบนี้หรือแบบโน้น ก็ยังมีผู้ใหญ่ใจดีให้โอกาสตลอด แต่มันอยู่ที่ตัวเราอยากรับ อยากทำไหม ตอนนี้ผมใช้วิธีเด็ดขาด เมื่อก่อนไม่ค่อยรับงาน พอรับปุ๊บ มีเงินก้อนนึง ก็หยุดทำแล้ว ตอนนี้ให้ผู้จัดการมาดูแล เขารับทุกอย่างเลย”
“ผมยังได้โอกาสจากผู้ใหญ่หลายๆ คน ที่ยังชอบในหนังเรื่องแฟนฉัน แฟนคลับจะเป็นคนโตหน่อย ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสครับ”