ผลพวงจาก ‘แค้น’ เรื่องที่ ‘แอน ทองประสม’ ได้รู้

 

ผลพวงจาก ‘แค้น’ เรื่องที่ ‘แอน ทองประสม’ ได้รู้

….

“แอนไม่กล้าพูดวันนี้ ว่าแอนจะไม่ทำอะไรแบบนั้นหรือเปล่า”

Advertisement

ดูเหมือนละครเรื่อง ‘แค้น’ ที่ แอน ทองประสม เป็นผู้จัด จะเป็นชิ้นงานที่เธอได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งถึงวันนี้ที่ละครอวสานไปท่ามกลางดราม่า ‘ความไม่เหมาะสม’ ในฐานะคนทำ เธอก็ว่า “ต้องเปิดใจรับฟัง”

“ตอนทำงาน ตอนอ่านบท แอนมีความสุขมากนะคะ กองถ่ายมีความสุข ทุกคนแฮปปี้ แต่พอละครออกก็มีทั้งคนที่ชอบและคนที่ไม่ชอบ มีคนติและคนให้มุมมอง ผสมๆ กันไป”

เรื่องการปรับเปลี่ยนคาแร็กเตอร์แบบข้ามขั้วของเหล่านักแสดง ไม่ว่า แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ที่เคยเรียบร้อย ให้กลายเป็นร้ายสุดๆ ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ที่แสบๆ ร้ายๆ ก็กลายเป็นคนเบาๆ อ้น ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์ ที่ส่วนใหญ่แสดงสายตลกเฮฮา ก็มาดราม่า แอนบอกว่า ตอนทำเธอมองทุกอย่างในแง่ดี

Advertisement

“ไม่ทันคิดจริงๆ ว่าอันนี้มันเสี่ยง คิดว่าคนที่รับ เขาน่าจะทำได้ และเขาก็ทำได้จริงๆ เพียงแต่จะถูกใจคนดูไหม มันก็อีกเส้นหนึ่ง คือเป็นเรื่องของจริตคนชอบมากกว่า บางคนอาจจะไม่ชอบที่เห็นคนนี้เปลี่ยนแปลงไปแบบนี้ แต่บางคนอาจจะเฮ้ย…ไม่เคยเห็น ว้าวว่ะ ก็มีทั้ง สองทาง”

ส่วนกระแสตอนจบที่มีดราม่าว่าละครได้เรต 13+ แต่มีการเสนอภาพความรุนแรง แสดงให้เห็นซีนฆ่าตัวตายอย่างโจ่งแจ้งนั้น

“มันก็มีมุมที่รู้สึกว่าเขาพูดถูก” เจ้าตัวยอมรับ

“บางทีแอนอาจจะปรุงขมไปหน่อย บางคนบอกฉันไม่กินรสชาตินี้ บางคนบอกมันส์จริงๆ สนุกจังก็มี บางคนไม่คิดอะไรเลย บางคนบอกว่าเยอะ มันก็หลากหลาย เราคนทำงานก็ต้องแยกชิ้น แอนว่าถ้าธรรมชาติคนไม่หลอกตัวเอง ก็จะบอกว่าคอมเมนต์นี้เราเชื่อเขาเถอะ เขาไมได้หลอกเรา เราทำไอ้นี่ไปแล้ว ก็ปรับ อันนี้มันคือการผสมเพื่อความเมามัน ท็อกซิก ก็เพิกเฉยไป เราก็ต้องพยุงตัวเราด้วย”

“หน้าที่คนเป็นผู้จัด ก็ต้องเปิดใจรับฟัง”

“อย่างพี่ สมรักษ์ (สมรักษ์ ณรงค์วิชัย) ผู้บริหารช่อง เขาบอกตอนท้ายมันเยอะไปนะ เลือด บางทีคนดูก็รู้สึกว่าตัวละครตัวนี้มันต้องเรียนรู้นิดนึง ทำสิ่งนี้ซ้ำซากไปนะ คนดูอึดอัด เขาเอาใจช่วยไม่ไหว คือของพี่สมรักษ์มันก็แมสเสจเดียวกับคนที่คอมเมนต์บอกแอน แต่คนละอารมณ์ (ยิ้ม) ซึ่งมันก็จริง แอนอาจต้องลดน้ำหนักมือลงหน่อย”

อย่างไรก็ดียืนยันว่าฉากดังกล่าวไม่ได้ทำเพราะอยากชี้นำใดๆ

“แอนไม่ได้ท้าทายหรือชี้นำใครนะคะ มันเป็นโทนละครที่เส้นทางเป็นแบบนี้ ก็บอกว่าละครเราชื่อแค้นนะ โทนละครเป็นแบบนี้ โปสเตอร์สีละครเป็นแบบนี้ ก็พยายามบอกทุกคน เพียงแต่ว่าคนไม่อยากเห็นหรือเปล่า ไม่อยากเห็นคนฆ่าตัวตาย อันนี้ก็ไม่รู้จะตอบยังไง แต่เจตนาเราไม่ได้ชี้นำให้ใครฆ่าตัวตาย”


ถามว่ามันมีวิธีการนำเสนอที่ไม่โจ่งแจ้ง ชนิด ‘เห็นทุกขั้นตอน’ แบบนั้นไหม แอนบอกตรงๆ “ก็ได้ค่ะ”

“ละครมันเป็นศิลปะ มันเป็นมิติไหนก็ได้ จะทำเป็นแบบเฟดไปเลย มืดดำ เห็นอยู่ในรถแล้วก็เงียบไปหมด หรือจะขยี้ให้มันบี้กันไปข้างนึง มันแล้วแต่ว่าเราจะไปทางไหน ของแอนเป็นการสื่อสารแบบตรงไปตรงมา บางคนก็รู้สึกว่าเฮ้ย…มันมันมาก ดูแล้วจุกจัง ก็มีหลายแบบ”

อย่างนี้แล้วเรื่องต่อๆไปจะยังไงดี?

“มันแล้วแต่เรื่อง” เธอบอก

“แอนไม่กล้าพูดวันนี้ ว่าแอนจะไม่ทำอะไรแบบนั้นหรือเปล่า เอาเป็นว่าแอนเชื่อว่าทุกอย่างมันจะต้องมีสมดุลของมันต่อไป เราใช้ชีวิต เราก็ต้องเรียนรู้ขึ้นทุกวัน ทำงานก็ต้องเรียนรู้ขึ้นทุกวัน เรายังต้องมีมุมมองของความหวังในการทำงานต่อไป ในขณะเดียวกันก็ต้องระวังอะไรที่มันรอบคอบให้มากกว่านี้ก็ได้”

ส่วนกับละครแนวนี้ “แอนยังไม่ได้เสียขวัญถึงขั้นจะแหยง ก็แค่เหมือนแบบประเมิน อ๋อ! อันนี้เขาไม่ชอบ อย่างนี้มากกว่า แต่มันจะไม่ถึงขั้นเอาตัวเองเข้าไปในซอก คุดคู้ แล้วกลัวไปหมด ไม่ได้อย่างนั้น เราก็โอเค ก็จับทิศ แค่นั้นเอง แอนไม่รู้จะตอบยังไง แต่แอนไม่พูดหรอกว่าแอนจะไม่ทำแบบนั้น เพราะแอนเชื่อว่าละครมันก็ต้องมีหลายๆรสชาติ บางทีแอนอยากทำละครตลก หรือบางทีอยากทำละครดราม่า หรืออยากจะทำละครรอมคอม ยังอยากทำได้หลากหลายเหมือนเดิม”

“อันนี้เขายังไม่น่าจะชอบ ก็เบรกๆไป คือไม่ต้องแอนเบรกหรอกช่องเขาเบรกแอนเองแหละ ช่วงนี้มือหนักไปหน่อย เอาเบาๆ เขาก็อาจจะไม่ให้แอนทำละครดราม่าแป๊บนึง อาจจะให้ทำละครรัก อย่างที่แอนทำอยู่เรื่อยๆ ก็ได้”

“ปกติแอนจะเป็นคนละครรักนำ ชอบเพ้อๆ หน่อยๆ อยู่แล้ว หมายถึงว่าเป็นคนมีความฝันหวาน เป็นคนรู้สึกดีๆ กับความรัก ชอบละครรัก แต่แค้นเป็นโจทย์ที่เส้นรักค่อนข้างบางกว่ารสชาติที่มีมันรุนแรง หรือรสชาติที่ความเคียดแค้นของตัวละครอาจจะจัดกว่า เลยทำให้สีนั้นมันโดดขึ้นมา คนเลยอาจจะมองว่า หรือจริงๆ แอนไม่ได้เหมาะที่จะทำละครขมๆ แอนก็ไม่แน่ใจว่าแอนจะไม่มีสิทธินั้นอีก แต่แอนอาจจะต้องปรับลีลาในการนำเสนอใหม่ หรืออาจจะต้องเข้าใจศิลปะในการนำเสนอมากขึ้น”

“ไม่ถึงขั้นบ๊ายบาย ต่อไปนี้จะไม่ทำ ให้เวลาแอนได้ลองไปเขย่าตัวเองก่อน เหมือนไปซื้อกาแฟ วันนี้เปรี้ยวมากเลย เมล็ดกาแฟพันธุ์นี้ เราไม่กิน ต้องคั่วเข้ม คั่วอ่อน ลูกค้าเขาว่ามาอย่างนั้น เราก็ต้องปรับ”

การที่คนคาดว่าในช่วงที่สังคมตึงเครียดจากหลายๆ อย่าง หลายๆสถานการณ์ของบ้านเมืองก็อาจเป็นผลให้ละครเรื่องนี้ไม่ได้รับความนิยม เธอก็ว่า “ช่วงนี้คนอาจจะมีเรื่องให้โฟกัสเยอะ อาจจะอยากดูอะไรที่เขาคลายตัว สบายใจ เราทำละครก็ต้องดูจังหวะนิดนึง ก็ไม่แน่ใจว่าถ้ามันไปอยู่ในช่วงเวลาอื่น หรือคนคลายตัวมากกว่านี้ เรายังถูกมอง หรือถูกตัดสินในลักษณะนี้หรือเปล่า แอนก็ตอบไม่ได้”

แต่ “ไม่ได้โทษบ้านเมือง” เผยพลางหัวเราะ

“เอาจริงๆ พูดตรงๆ แมนๆ คุยกัน ตรงนั้นเป็นปัจจัยภายนอกที่เป็นแค่เอฟเฟกต์เล็กๆ หลักๆ มาจากชิ้นงานของเรา ของที่มันจะอยู่ได้ มันอยู่ได้ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน หลักๆ ถ้ามันแข็งพอ ไม่มีอะไรต้านได้”

“แสดงว่าแอนยังทำไม่แข็งพอ มันก็เลยต้านไม่ได้”

แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ว่า “ทำงานก็ต้องเรียนรู้ขึ้นทุกวัน”

จากนั้นก็เริ่มต้นทำใหม่ ด้วยความตั้งใจให้ดีกว่าเดิม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image