ผัว เมีย ชู้ สถานการณ์เหนือกาลเวลา

 

ผัว เมีย ชู้ สถานการณ์เหนือกาลเวลา

“มีการเปรียบเทียบแน่นอน” คือคำฟันธงจาก แอน ทองประสม ผู้รับบท ‘หมอเจน’ แห่ง ‘เกมรักทรยศ’ ละครที่ช่อง 3 HD นำมารีเมคจากเวอร์ชั่นต้นฉบับ ‘Doctor Foster’ ของประเทศอังกฤษ เรื่องเดียวกับที่ก่อนหน้านี้เกาหลีนำมาทำเป็น ‘A World of Married Couple’ ที่ผู้ชมชาวไทยรู้จักกันดี

“แต่เราก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด” แอนบอก

ADVERTISMENT

ขณะ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม นักแสดงนำอีกคนเล่าว่า โดยส่วนตัวเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวละคร ‘อธิน’ ที่เขาสวมบทบาททำ“มันก็เศร้านะ” ขณะเดียวกันก็ “จะมีมุมเห็นใจหมอเจน”

บอกด้วยว่า ช่วงการถ่ายทำซึ่งยาวนานแรมปี เขากับเธอ “เหมือนเราสร้างความสัมพันธ์อะไรบางอย่าง”

ADVERTISMENT

“ตอนท้ายๆ ยอมรับว่าเขามีส่วนหนึ่งเหมือนเป็นภรรยาผมจริงๆ ผมรู้สึกแคร์คนนี้จริงๆ พอไปทำอะไรที่ทำร้ายความรู้สึกเขา ก็มีความรู้สึกว่าทำไมวะ”


ตัวแอนเองก็จำได้ ว่าบทในวันนั้นหนักหนาสาหัส และรู้สึกได้ชัดว่าอนันดาพยายามมาซัพพอร์ต มาดูแลความรู้สึก มากอด มาถามว่าเป็นยังไง โอเคไหม

“คือในเรื่องเขาแทบจะบีบคอ แต่วันนั้นแอนพังจริงๆ ไม่รู้ว่าตัดออกมาแล้วแอนจะรอดมั้ยฉากนั้น”

ด้านแพทริเซียรับว่า ขณะที่เล่น เธอก็อินไปกับตัวละครไม่ใช่น้อย

ที่เป็นอย่างนี้ แอนวิเคราะห์ว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเวิร์คชอปร่วมกันเพื่อทลายกำแพงต่างๆ ซึ่งสำหรับเธอเองสิ่งหนึ่งที่เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังเวิร์คชอปดังกล่าว คือ “ทุกเช้าอนันดาก็เริ่มมาคิส หอมหัว โอบเรา ทำเหมือนเป็นสามีภรรยาปกติ ซึ่งแอนตกใจ เพราะไม่เคยเจอวิธีแบบนี้”

“แต่มันก็ช่วยได้”

ดังนั้น “พอแอนจะต้องหย่าร้างกับเขา มันก็มีความเจ็บปวดขึ้นมาก็เลยทำให้เราอินๆ ในระหว่างที่เล่น”

ในส่วนแพทริเซีย ความเคยเจออนันดามาก่อน ก็ทำให้การเข้าบทกัน “เกร็งน้อยหน่อย” ขณะการปะทะคารมกับแอนก็เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่แฮปปี้มาก

แพทริเซียยังพูดถึงตัวละคร‘เคท คาริสา’ ผู้เป็นภรรยาน้อยด้วยว่า สำหรับเธอ บทนี้ “มันยาก” จากความสัมพันธ์ที่ผิดที่ผิดทาง อย่างนั้นแล้วจะทำอย่างไร ให้คนดูสัมผัสได้ถึงเหตุผลของเขา

แอนยังบอกอีกว่า ในความคิดเธอ เนื้อหาของละครเรื่องนี้ “ไม่มียุคสมัย”

“มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นทุกวัน มีทุกยุค ทุกเจน เกิดได้กับทุกคน ไม่มีความเชย ความเป็นผัวเมีย นอกใจ ทรยศ มันเป็นความรู้สึกที่คลาสสิกมาก และก็เหนือกาลเวลาจริงๆ”

“แอนค่อนข้างเชื่อ ว่าเรื่องนี้ถูกรีเมคไปหลายประเทศ แสดงว่ามันต้องมีอะไรที่น่าสนใจในเนื้อหา ซึ่งแอนรู้สึกว่าวิธีการจัดการปัญหาของตัวละครทุกตัว มันมีเวย์ของมัน ที่อยู่ในยุคสมัยได้ตลอด เพียงแต่ว่ามันไปอยู่ในบริบทของเหตุการณ์ตรงไหน”

“เชื่อว่าถ้าจะโดนด่าว่าละครผัวเมียเชย ถ้าดู ทุกคนจะลืมตรงนั้นไปเลยจริงๆ”

ฝั่งอนันดาเขาก็ว่า “มันไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะไปดูเมียน้อยเมียหลวงตบตี ธีมหลักเป็นเรื่องของครอบครัว จริงๆ ความสนุกอยู่ที่การแก้ปัญหามากกว่าการปะทะกัน ไม่ใช่ 2 คนนี้มาเจอกันแล้วขยำกัน ไม่ใช่แนวนั้น”

เมื่อเทียบกับเรื่องต้นฉบับของอังกฤษ แอนบอกว่าค่อนข้างจะไปในทิศทางเดียวกัน มีแตกต่างบ้างในรายละเอียด หากหลักๆ ยังคงเดิม

“เพียงแต่แอคติ้งก็เป็นในแบบของเรา อยู่ในสวนยาง ป่า ตัวละครก็จะเป็นอีกอารมณ์”

ส่วนถ้าเปรียบกับเกาหลี ทางนั้นก็จะมีมุมของเขา ก็คนละบรรยากาศ

“นี่มันเป็นรสชาติของเรา กลิ่นแบบบ้านเรา”


ในฐานะนักแสดงนำที่มีบทบาทในแทบทุกฉาก ตลอดเวลานั้นแอนจึงรู้สึกเหมือน “ใช้ชีวิตเป็นหมอเจนจริงๆ”

“ทีมงานใช้งานแอนทุกวัน ตั้งแต่เช้าถึง 4 ทุ่ม อย่างอนันดากับแพท เขาจะมีการแตะมือกันมาเล่นงานเรา แต่เรายืนสแตนด์บายอย่างดี แต่บางครั้งก็เหนื่อยจนไม่สามารถงัดมันขึ้นมาได้ มันยากตรงนั้น และตอนนี้แอนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาเล่นแล้วได้รางวัลกัน หรือได้รับความชื่นชม”

เพราะ “ถ้าเล่นแล้วทะลุมิติไปได้ มันยากจริง”

และถ้าจะให้พูดกันตรงๆ บทบาทในเรื่องนี้ถือว่าเกินมาตรฐานที่เธอมี

“แอนยอมรับเลยว่า กับจ่อย (อนันดา) เขาเป็นเรื่องราวใหม่ในชีวิตการแสดงของเรา ที่เขาเข้ามาแล้วทำให้เห็นตัวเอง ว่าแอนยังกระจอกมากในหลายๆ เรื่อง อันนี้เรื่องจริงนะ เราคิดว่าเราเก่งแล้ว คิดว่า 30 ปีของเราก็อาจจะใช้ได้ประมาณนึงกับประสบการณ์ แต่พอจ่อยมา โห…ฉันนี้ลูกทุ่งมาก…” แอนในวัย 46 ปี เล่าพลางยิ้ม

“คือเขามีทฤษฎี เขาเข้าคลาสกับหนังนอก ผ่านการเวิร์คช็อป มันจะมีทฤษฎีซึ่งเจ๋งมาก แต่แอนเป็นเด็กที่ถูกสอนมา ใช้ประสบการณ์…เขาสอนแอนหลายๆ อย่างมากเลย พอมาเจอเรื่องนี้ แอนรู้เลยว่าตัวเองไม่ได้เก่งสักเท่าไหร่หรอก แอนเหลือพื้นที่ที่ต้องให้ถมเยอะ”

“อันนี้ไม่ได้ถ่อมตัวนะ พูดตรงๆ”

ฟังแล้วอนันดาก็ว่า คงเพราะมีแบ็คกราวนด์ไม่เหมือนกัน ด้วยในขณะที่แอนอยู่กับช่อง 3 มาตั้งแต่อายุ 13 เขากลับไปทำงานหลากหลายที่ กับผู้ร่วมงานหลากหลายแห่ง และขอพูดตรงๆ เหมือนกันว่า เขาเองก็ทึ่งกับคนแสดงละครอย่างแอนและแพทริเซียด้วยเหมือนกัน

“ละครเป็นสิ่งที่ผมรู้จักน้อยมาก บางทีผมนั่งอยู่ในฉาก เขาแสดงด้วยกัน ผมก็ยังลืมตัว หลุดจากบท แล้วมานั่งดูเขาอ่ะ ทำแบบนี้กันได้ด้วย โห…มาถึงเจอ ใส่กัน คือโคตรเอ็นเตอร์เทนนิ่ง”

“มันเป็นเทคนิคที่ล้ำมากจริงๆ ในบางโมเมนต์ ผมว่ามันเป็นอาร์ตฟอร์มของมันเอง อาจจะเหมือนคนที่ร้องเพลงแบบนึง เป็นอาร์แอนด์บี ไปร็อก หรืออะไรสักอย่างแบบนี้ แต่มันสนุก”

“มันเอ็นเตอร์เทน คุณสามารถทำฉากเรียบๆ ให้โคตรสนุกได้ทันทีเลย เหลือเชื่อ”


ในฐานะน้องเล็กเมื่อเทียบกัน 3 คน แพทริเซียบอกว่า การมาร่วมงานกับพี่ๆทั้ง 2 เธอได้อะไรๆกลับมาแบบ “ล้นหลาม”

“เอาจริงๆ แค่ดูก็คุ้มแล้ว รู้สึกอย่างที่พี่อนันดาบอกค่ะ บางทีเราก็ยังหลุดไปกับมัน”

ตอนถ่ายทำละครเรื่องนี้ แพทริเซียบอกชีวิตเธอเหมือนไล่สเต็ปตามตัวละครเป๊ะ คือมีการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว จากนั้นก็ตั้งท้อง ซึ่งบอกเลยว่า การอุ้มท้องมารับบท “ไม่ง่ายค่ะ”

“เพราะมันสวิงเยอะมากเวลาท้อง แล้วมาเจอบทแบบนี้ เราก็ต้องเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ไม่รู้ว่าลูกในท้องจะเป็นยังไง” เล่าพลางหัวเราะ

แล้วเสริมว่าจริงๆก็ไม่ถึงกับกลัว ผลกระะทบด้านอารมณ์จะส่งผลถึง ‘เอลิเซีย’

“เพราะเราสนุกกับการทำงาน ถึงแม้ว่าจะร้องไห้หรือทรมานแค่ไหนในฉาก เรามีความสุข เวลาคัทแฮปปี้มาก ก็เลยโอเค”


เล่าด้วยว่า ตอนแรกเธอคิดว่าการตั้งครรภ์จะมาหลังละครปิดกล้อง แต่พอไม่ใช่ ช่วงนั้นเวลาจะถ่ายทำเธอจึงบอกลูกในท้องตลอดๆ ว่าแม่กำลังทำงาน

“จำได้เลยว่าหลังๆพอเขาเริ่มโต แล้วเรายังเป็นฉากปะทะอารมณ์หรือบทเครียด ด่าพี่อนันดา น้องจะถีบด้วย เหมือนใส่อารมณ์ด้วย แปลกมาก เป็นนักแสดงร่วม” คิดถึงตอนนั้นแล้วแพทริเซียก็หัวเราะ

สำหรับละครเรื่องนี้ นอกจากจะมีเวอร์ชั่นที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 HD ทุกวันพุธและพฤหัสบดี หลังข่าวภาคค่ำแล้ว แพทริเซียบอกว่ายังมีเวอร์ชั่นอันคัทให้ดูในแอพพลิเคชัน 3 พลัส ซึ่งอยากให้ได้ดูกัน
เพราะ “ชีวิตของเกมรักทรยศมันน่าสนใจจริงๆ”

*เรื่องของ ‘เราสามคน’

*อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม

“การแต่งงานของผม มันก็ยูนีคผมกับภรรยา แต่ผยอมรับว่าในสังคมไทยมันให้พื้นที่กับผู้ชายในทางผิดๆค่อนข้างมาก แล้วมันก็พาไปสู่สิ่งพวกนี้ ก็ไม่เห็นด้วย ผมรู้สึกว่ามันไม่โอเค ไม่ควรเป็นสิ่งที่เราเอามาเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย ว่าผู้ชายสามารถมีอะไรนอกพื้นที่ของการแต่งงานได้อีก”

“เราไม่ควรโอเคกับมัน”

*แอน ทองประสม

“แอนรู้สึกว่าต้องใจเย็นกันนิดนึงถ้าเจอปัญหาอะไรแบบนี้ ต้องค่อยๆคิด”

เพราะเอาเข้าจริง เรื่องที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้ส่งผลแค่ต่อตัวเอง แต่ยังกระทบไปถึงคนอื่น อย่างเช่น ลูก ดังนั้นการจะแก้ปัญหา หรือตัดสินใจใดๆ จึงควรไตร่ตรองให้ดี

“แต่ถ้าแอนเป็น ‘หมอเจน’ แอนบ๊ายบายแล้ว แอนไม่ได้พูดโน้มนำสังคมนะ คือหมายความว่าถ้าอยู่แล้วมันแบบนี้ เราก็ใช้สองมือเราเลี้ยงลูกต่อ โดยที่ไม่ต้องอยู่กับผู้ชายที่มีความคิดที่ทรยศเรา”

“เราจะไม่รับคนแบบนี้ สำหรับแอนนะ”

*แพทริเซีย กู๊ด

“เรื่องของอารมณ์หรือความสัมพันธ์เป็นอะไรที่พูดยากมาก”

“จริงๆคุณแค่ยับยั้งห้ามใจตัวเอง มันก็ไม่เกิดปัญหานี้แล้ว”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image