คุยกับ ‘กัน นภัทร’ เวอร์ชั่นใหม่ ในวันที่ความคิดตกตะกอน

คุยกับ ‘กัน นภัทร’ เวอร์ชั่นใหม่ ในวันที่ความคิดตกตะกอน

ตอนนี้เป็นช่วงที่ กัน นภัทร อินทร์ใจเอื้อ ปล่อยผลงานออกมาให้แฟนคลับได้ติดตามแบบรัวๆ ทั้งละคร ‘ไมโครโฟนม่วนป่วนรัก’ ที่มาพร้อมกับเพลง ‘ฝันที่แปลว่าเธอ’ ที่เขาร้องประกอบเรื่อง อย่างภาคภูมิใจเป็นพิเศษ ด้วยเหตุที่นักร้องดัง ก้อง ห้วยไร่ มาช่วยแต่งเพลงให้

“พี่ก้องไม่เคยแต่งเพลงให้ใครร้อง ยกเว้นเมียแก เลยคิดว่าเราเป็นเมียคนที่ 2 หรือเปล่า” กันเล่าแล้วหัวเราะร่วน

ส่วนที่มาที่ไป กันบอกว่ามาจากครั้งไปขึ้นเวที ‘หมู่2’ ของ โน้ส อุดม แต้พานิช แล้วได้พบ ‘พี่ร่วมโชว์’ อย่าง สิงโต นำโชค และก้อง

Advertisement

“แล้วเฮียโน้สก็ฝากฝังพี่สิงโตกับพี่ก้องว่า ‘ฝากไอ้กันมันหน่อยนะ มันยังไม่ค่อยมีเพลงดังๆ กับเขา มึงแต่งเพลงให้มันเป็นแบบมาสเตอร์พีชของมันสักเพลงสิวะ'”

เพลงนี้กันบอกว่าจะมาในแนวลูกทุ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับลูกทุ่งจ๋า เพราะจะมีความเป็นลูกกรุงเข้ามาอยู่ด้วย

เขายังบอกอีกว่านอกจากแต่งเพลงนี้ให้ ก้องยังช่วยร้องไกด์ ซึ่งพอเขามาร้องตามคำแนะนำก็พบว่าเป็นเรื่องยากมากกว่าจะแกะลูกเอื้อนแบบก้องได้

Advertisement

“มันจะสไตล์พี่ก้อง กลิ่นพี่ก้องชัดมาก” กันบอก

ขณะเดียวกันยังเล่าอีกว่านอกจากก้องแล้ว เขายังได้รับคำแนะนำจากเหล่าปรมาจารย์ด้านเพลงลูกทุ่งอีกหลายคน อาทิ สลา คุณวุฒิ, เอกชัย ศรีวิชัย, นกน้อย อุไรพร ที่เมื่อเจอกันครั้งใดก็เมตตามาตลอด

สำหรับถ้อยคำของโน้สที่บอกว่า เขายังไม่มี เพลงดังๆ เหมือนคนอื่นเขา กันก็ว่าไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจ เนื่องจากพร้อมยอมรับตามตรงว่า นั่นเป็นเรื่องจริง เพราะแม้เพลงของเขาจะมีหลายเพลงที่คนรู้จักและร้องตามได้อย่าง ‘ระยะทำใจ’ หรือ ‘ข้างๆ หัวใจ’ แต่เขาก็ไม่เคยมีเพลงที่ฮิตระดับ ‘ร้อยล้านวิว’

“ผมยังไม่เคยไปแตะจุดนั้นไง”

ต้อง 10 เพลงรวมกันอาจจะมีถึง-เขาแซวตัวเองแล้วว่า

“ก็อยากมาใกล้เคียง มาแฉลบพี่ๆ เขาบ้าง อยากมีเพลงแตะร้อยล้านวิวกับเขาบ้าง” กันบอกพลางยิ้ม

การจะไปถึงเป้าหมายที่ต้องการ กันบอกต้องมีหลายองค์ประกอบเกื้อหนุน ยิ่งยุคนี้ที่เทรนด์ของเพลงเปลี่ยนไปไม่น้อย เขาเองจึงต้องปรับตัวเช่นกัน

“เรื่องของคอนเทนต์ เนื้อเพลง สไตล์เพลง อยู่ๆ ในติ๊กต๊อกมา คนเต้น คนร้องกันปุ๊บ ก็มาดังในยูทูบด้วย มันส่งๆ กันไปหมด”

“บางซิงเกิ้ลที่เราจะไปเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น เพลงของ LOVEis ‘คนขี้เหงา’ อะไรที่เราไม่เคยทำก็ต้องทำให้เข้ากับตลาดนี้ ต้องมีท่าเต้นติ๊กต่อก เขินเหมือนกัน แต่ก็ต้องทำ” กันเผยพลางหัวเราะ

อย่างไรก็ดี แม้จะยอมเต้น แม้จะมีการเปลี่ยนแปลง “แต่มันก็ต้องมีความเป็นเรา จะไปเปลี่ยนทั้งหมด 100% ตามใจเขา คนดูก็รู้ ว่าไม่ใช่เรา”

เขายังเปิดใจอีกว่า

“เมื่อก่อนตอนทำเดอะสตาร์ ผมจะมั่นใจมาก ว่าเพลงนี้มาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบละคร หรือซิงเกิลของตัวเอง วันเดียวยอดวิวเท่านี้แน่นอน แต่ยุคนี้เราทำใจพักใหญ่ๆ แล้ว ว่าไม่ได้คาดหวังกับยอดวิวแล้ว เราคาดหวังว่าทำยังไงให้เพลงเรามันอยู่ทน กลับมาฟังได้เรื่อยๆ ยังมีคุณภาพในดนตรี คุณภาพในการร้องอยู่”

“ผมคิดแบบนี้มากกว่า”

เรียกว่า “มีความเข้าใจมากขึ้น เข้าใจโลก” กันบอก

“เราเป็นนักร้อง ไม่ได้อยากถอดใจที่จะไม่ร้องเพลง ถ้ายังมีโอกาสที่ได้ทำ ค่ายเล็งเห็นว่ายังอยากให้ร้องเพลงอยู่ ผมก็คงทำต่อไปเรื่อยๆ ครับ อยากทำให้เป็นอาชีพที่อยู่กับมันไปได้นานๆ ซื่อสัตย์กับมันไปเรื่อยๆ เหมือนกับรุ่นพี่ เช่น พี่กบ ทรงสิทธิ์, พี่ก้อง สหรัถ ผมอยากเป็นแบบนั้น”

“เราอาจจะไม่ได้มีเพลงที่เปรี้ยงที่สุด แต่ด้วยคุณภาพในการร้อง คนยังคิดว่ากันร้องเพลงเพราะ ถ้าจะเอาคุณภาพ เอาความไพเราะ เอ็นเตอร์เทนได้บ้าง เรียกใช้งานผมได้” กันบอกข้อดีของตัวเองพร้อมรอยยิ้ม

นอกจากเป็นนักร้อง นักแสดง กันยังเล่าด้วยว่าการไปเป็นคอมเมนเตเตอร์ให้รายการ The Golden Song ก็ทำให้ภาพและฐานแฟนคลับของเขาส่วนนึงก็เปลี่ยนไป

“ไปเดินตลาดรู้จักผมทุกคน ได้ของกินฟรีกลับบ้าน” ตคือหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัด

ซึ่ง “ผมดีใจนะ เหมือนเป็นการขยายฐานแฟน ขอบคุณมากๆ ที่รักและติดตามผลงาน”

เรื่องอนาคตข้างหน้า กันบอกว่าเขาอาจผันตัวไปทำงานเบื้องหลังเปิดค่ายเพลงของตัวเองบ้าง

“ผมรู้สึกว่าผมก็ทำได้ เพราะเราเป็นคอมเมนเตเตอร์มา ค่อนข้างดูคนออกมาว่าคนนี้มีแววไหม มีพัฒนาการแค่ไหน”

“มีผู้ใหญ่ถามๆ มาเหมือนกันว่าสนใจจะทำไหม แต่ขอเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกนิด”

ทั้งยังคิดๆ ไว้แล้วด้วยว่า ถ้าทำค่ายที่ออกงานแนวลูกกรุงก็ดูจะน่าสนใจ เพราะตลาดนี้ยังไม่มีคู่แข่ง

รอติดตามกันได้เลย

*พลังรัก
จากเวทีเดอะ สตาร์ มาสู่เส้นทางในวงการบันเทิง กัน นภัทร ยอมรับว่า เขาเกิดมาจากจุดที่ได้รับความรักและการซัพพอร์ตอย่างมากมาโดยตลอด แต่แล้ววันหนึ่งก็ต้องเจ็บตัวกับกระแสดราม่าจากโลกโซเชียลที่ถาโถม
หากเขาก็ยอมรับแต่โดยดี ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาที่ได้รับมวลความรักแน่นๆ เกิด ‘นิสัยเสีย’ ไปบ้าง

“คิดว่าเมื่อก่อนเราทำอะไรก็มีคนป้องกัน มีคนซัพพอร์ท เกราะเราแข็ง”

กระทั่งเมื่อเกราะเริ่มปลิวหลุดไปทีละชิ้นๆ นั่นแหละ ที่ทำให้เริ่มกลับมามองและปรับตัว บอกกับตนว่า “เราก็ต้องอยู่เองให้ได้”

และ “เกราะที่สำคัญที่สุดในชีวิตเรา คือตัวเอง”

“วันที่มาอยู่กับตัวเองจริงๆ มันอยู่ได้ แล้วมันก็ต้องอยู่ให้ได้”

ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ความคิดเปลี่ยน

“เราคิดกว้างขึ้น คิดครอบคลุมขึ้นกับสิ่งที่เราจะทำ ให้มันถี่ถ้วนมากขึ้น”

จากวันนั้นจนวันนี้ หากจะให้พูดถึงแฟนๆ ที่รู้จักและติดตามกันมากันก็ว่า พวกเขาดีใจที่เห็นตนโตขึ้นมากๆ

“มันจะมีคำว่าภูมิใจ ดีใจ แล้วก็ยืนยันว่ารักคนไม่ผิด” กันเล่าพร้อมรอยยิ้ม ที่ไม่เพียงปรากฎที่ริมฝีปาก หากยังสะท้อนไปถึงดวงตา

“ขอบคุณกลุ่มคนเหล่านี้มากๆ ที่อยู่เคียงข้าง เคียงบ่าเคียงไหล่มาตลอด”

“ในวันที่เราโดนมา พอมาเจอเขา เห็นตาเขาแล้วรู้ว่าเขาทุกข์ไปกับเรา รักเรา และเขาก็เสียใจเหมือนเรา”

บอกอีกว่าในช่วงที่ทุกข์หนัก ยาวนาน นอกจากความรู้สึกขอบคุณที่ว่า ในอีกด้าน เขายังสงสารกลุ่มแฟนคลับ

“สงสารเขานะ เคยมีความรู้สึกว่าอยากให้เขาไปตามคนที่ไม่ต้องมาจมทุกข์แบบเราไหมวะ เมื่อก่อนผมเป็นคนหวงแฟนคลับมากนะ แต่หลังๆ คืออยากให้ไปเลย ไปดูคนอื่นแล้วมีความสุขกว่าเยอะ”

“อยากให้เขามีความสุข ไปเจอคนที่ให้พลังดีๆ ให้เขาได้มากกว่าเรา เพราะเราเจอเรื่องมาเยอะ บางทีก็ให้เขาไม่ไหว”

ในวันนี้ กันบอกว่า เขาเองอาจจะยังไม่ได้เป็นคนที่ดีที่สุด และก็รับประกันไม่ได้ด้วยว่า ในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่ แต่ที่แน่ๆคือ ที่ผ่านมาเขาได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง จนกลายเป็นกัน นภัทร ในเวอร์ชั่นที่โตขึ้น
และพร้อมจะรับมือกับทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตอย่างเต็มที่

ในแบบที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image