เคยฝากความร้ายไว้ใน คมพยาบาท เมื่อ 2 ปีก่อน แถม เพลิงพระนาง ที่กำลังถ่ายทำก็ร้ายเต็มขั้นกับบท “เจ้านางปิ่นมณี” ทว่าใน มรสุมสวาท ที่เพิ่งจบไป เปรี้ยว – ทัศนียา การสมนุช กลับเรียกเสียงชื่นชมได้ล้มหลามจากบท “กวาง – กุมาริกา” หญิงสาวผู้แสนดี
และด้วยความที่เล่นดีก็ได้ เล่นร้ายก็ยิ่งดี ทำให้สาววัย 21 ถูกจับตามองว่าเป็นหนึ่งในนางเอกดาวรุ่งของช่อง 7 ณ ขณะนี้
“ฟีดแบกดีค่ะ ดีมาก เวลาไปไหนคนชอบเรียกกวาง เหมือนคนดูอินไปกับเราด้วย” เปรี้ยวบอกยิ้มๆ ถึงงานล่าสุดซึ่งได้รับกระแสนิยมเพียบ
ก่อนจะว่า “มันน่าจะเป็นด้วยแนวละครมันมีครบทุกรสชาติ อีกอย่างหนึ่งคือในเรื่องเล่นเป็นนักเรียน เล่นกับ พี่เวียร์ (ศุกลวัฒน์ คณารศ) ซึ่งในเรื่องเขาจะเป็นแนวมาเฟียรักเด็กนักเรียน คนดูก็จะฟิน จะชอบกัน”
ซึ่งเนื้อหาที่กินเวลายาวหลายช่วงอายุ นั่นบอกเลยว่า “ไม่ง่าย”
“มันต้องทำคาแรกเตอร์ของตัวละครให้ต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่เป็นเด็กนักเรียนแล้วค่อยๆ โตมาเรื่อยๆ จนทำงานแล้ว ซึ่งบุคลิกมันต้องต่างกัน”
อย่างไรก็ตาม “พี่เวียร์เขาเก่งด้วย เวลาเล่นเรารู้สึกว่าได้ทำงานเต็มที่เพราะว่าพี่เขาเล่นละครเก่ง แล้วใส่อารมณ์มา เขาใส่ให้เราเต็มๆ เราก็จะได้โต้ตอบเขาไปเต็มๆ”
โดยที่ได้รับบทดีๆ ละครฟอร์มยักษ์บ่อยครั้งจนถูกสงสัยในข้อหา “เด็กดัน” นั้น เปรี้ยวรีบปฏิเสธ
“ไม่ๆ เป็นนักแสดงในช่องปกติ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการที่ให้เราลงละคร เขาก็น่าจะดูถึงความเหมาะสม องค์ประกอบหลายอย่าง”
ซึ่ง “จริงๆ เปรี้ยวได้รับบทแตกต่างกันแทบทุกเรื่อง ด้วยความที่เราเป็นนักแสดง ผู้ใหญ่ก็น่าจะอยากให้เราได้ลองเล่นอะไรหลายๆ แบบดู เพื่อให้เราพัฒนาฝีมือตัวเองเรื่อยๆ”
เช่นใน “เพลิงพระนาง” นั่นอย่างไร
“อันนั้นฟอร์มยักษ์ บทหนักด้วย ยากมาก ก็กดดันนะคะ เพราะว่าเป็นละครไม่เคยเล่นพีเรียดขนาดนั้นมาก่อน” คนเล่นเล่า
ก่อนจะย้ำ “แล้วเราเล่นร้ายเลย”
โดยเล่นเป็นลูก อั้ม – พัชราภา ไชยเชื้อ ที่ความร้ายได้แม่ แต่ทะเยอทะยานกว่า ซึ่งเล่าไปสาวสวยก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะสารภาพ “ดีใจอ่ะ (หัวเราะ) ดีใจมากที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสเรา ให้ลองเล่นในบทที่ท้าทายตัวเราเองด้วย ได้ร่วมงานกับพี่ที่มีความสามารถมากๆ แล้วก็เป็นซูเปอร์สตาร์”
และด้วยความที่เล่นเป็นแม่ – ลูกกัน ยิ่งทำให้ถูกจับตากรณีที่มีคนเม้าท์ว่าอนาคตเปรี้ยวนี่แหละจะขึ้นมาแทนเป็น “อั้ม 2”
“ไม่มีการแทนกันหรอกค่ะ” ฟังแล้วเธอรีบบอก
“มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะขึ้นไปอยู่จุดไหนมากกว่า พอเราอาจจะใช้ระยะเวลาในการทำงานมากขึ้นเราก็อาจมีชื่อเสียงมากขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น”
แถมที่ใครๆ ต่อใครมองว่าทั้งคู่ดูคล้ายกัน ก็ “ไม่คล้ายหรอกค่ะ พี่อั้มเขาเป็นในแบบของเขา เราเป็นแบบของเรา”
ซึ่ง “กดดันนะคะ”
“ไม่อยากให้คนมองแบบนั้น รู้สึกว่าการที่เรามาเป็นของเราแบบนี้ก็น่าจะแบบพัฒนาตัวเองให้อยู่ในความสามารถของเราให้ดีที่สุดมากกว่า ดีกว่าให้คนอื่นมองว่าเราจะไปเทียบใคร”
“เปรี้ยวจะเป็นคนที่แบบเข้ากับคนอื่นได้ง่ายนะ แต่ว่าเป็นคนหน้าหยิ่งนิดหนึ่ง เป็นคนหน้านิ่งอ่ะ จริงๆ ไม่มีอะไร” อันนี้นางเอกสาวว่าถึงตัวตน
ตัวตนที่บอกเลยว่า 3 ปีครึ่งในวงการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเยอะ
“อันดับแรกเลย คือ ความรับผิดชอบแล้วก็ความอดทน เราต้องทำงานกับหลายคน เมื่อก่อนเราเป็นนักเรียนม.ปลายธรรมดา เรียนหนังสืออยู่กับเพื่อน พอเราได้เข้ามาทำงานกับหลายคนที่เขามีความสามารถ เป็นมืออาชีพในการทำงาน ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าเราเข้ามาทำงานเราต้องมีความอดทนนะ มีสัมมาคารวะนะ”
“เราเข้ามาว่ายากแล้ว แต่อยู่ให้นาน อยู่ให้ได้เปรี้ยวว่ายากกว่า” เธอตั้งข้อสังเกต
“อย่างเปรี้ยวก็จะรักษาระเบียบวินัยของตัวเอง จะอยู่ในกรอบที่เคยเป็น อาดาว (ดวงดาว จารุจินดา) อาโย (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์) จะคอยสอนว่าเราต้องมีสัมมาคารวะนะ เราน่ารักยังไงก็ต้องน่ารักยังงั้น เป็นยังไงก็เป็นแบบนั้น อย่าเสแสร้งแกล้งทำ นิสัยแบบนี้คนเขาก็จะจำเราไปตลอดว่าเราเป็นแบบนี้”
“ถามว่าวงการนี้อยู่ยากไหมก็อยู่ยากนะคะ แต่ถ้าเราวางตัวดี ถ้าเราไม่ทำตัวให้น่าเกลียดมันก็อยู่ได้”
เช่นเดียวกับเรื่องการแสดงที่ว่า “เราก็ต้องคอยพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ต้องคอยดูแลตัวเอง คลื่นลูกใหม่เยอะ บางทีเราอาจดูดรอปลง แต่ถ้าเราดูแลตัวเอง ถ้าเราตั้งใจแล้วก็เป็นนักแสดงที่มีระเบียบวินัยเราก็น่าจะอยู่ได้”
“อนาคตก็อยากพัฒนา เพิ่มชื่อเสียงของตัวเองสั่งสมไปเรื่อยๆ” เปรี้ยวว่าถึงความหวังข้างหน้าซึ่งไม่ยึดติดว่าจะต้องได้รับบทไหน อย่างไร
“จริงๆ เท่าที่เล่นร้ายมา ตอนคมพยาบาท พอมาเล่นเพลิงพระนางอีก คนก็ยังมองว่าเป็นนางเอกคนหนึ่งอยู่เพราะเขาก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดเราจนมาถึงเรื่องนี้ได้ เพียงแต่เขาเห็นว่าเราสามารถแสดงร้ายได้ ไม่จำเป็นต้องยึดติดเป็นนางเอกแสนดี”
เพราะเธอคือ “นักแสดง” ที่ไม่ใช่แค่ “นางเอก”
ขอบคุณภาพประกอบจาก @preawwnp
