ถูกแบนมา 25 ปี ทีมกำกับ ‘คนกราบหมา’ หนังอินดี้รุ่นแรก เฮ! ผ่านเซ็นเซอร์แล้ว

ถูกแบนมา 25 ปี ทีมกำกับ ‘คนกราบหมา’ หนังอินดี้รุ่นแรก เฮ! ผ่านเซ็นเซอร์แล้ว

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม มานิต ศรีวานิชภูมิ นักถ่ายภาพ นักเขียน ศิลปินอิสระแนวมโนทัศนศิลป์ และนักเคลื่อนไหวทางสังคม ได้โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งข่าวดี หลังจากภาพยนตร์ไทย เรื่อง “คนกราบหมา” ที่เขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับภาพ ได้ผ่านกองเซ็นเซอร์ และอนุญาตให้ฉายได้แล้ว

โดยกำหนดเรตภาพยนตร์ อยู่ที่ น.15 + ซึ่งมีความหมายว่า “ดูได้ทุกวัย แต่เนื้อหาเหมาะกับคนอายุ 15 ขึ้นไป” หลังจากที่ถูกแบนมานานกว่า 25 ปี

โดย มานิต ระบุว่า “ไชโย! คนกราบหมา ผ่านเช็นเชอร์แล้วหลังจากถูกแบน มา 25 ปี! ได้ 15 +” และว่า

Advertisement

My Teacher Eats Biscuits หนังอินดี้รุ่นแรกของไทย กำกับโดย อิ๋ง กาญจนะวณิชย์ ถูกแบนห้ามฉายในเทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพ ปี 2541 ข้อหาหมิ่นศาสนา ในยุคที่กรมตำรวจยังคุมกองเซ็นเซอร์ ซึ่งอยู่ในยุครัฐบาลประชาธิปไตยมีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ครั้นเมื่อผู้กำกับถามหาเอกสารคำสั่งแบน ทางตำรวจที่ดูแลบอกไม่มี แต่ถึงไม่มีตัวผู้กำกับหนังกลับถูกเชิญให้ไปรัฐสภาเพื่อพบคณะกรรมาธิการศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ที่มีนายเด่น โต๊ะมีนา เป็นประธาน แต่เนื่องจากนายเด่นเป็นมุสลิม ดังนั้นท่านจึงปล่อยให้บรรดาส.ส. และที่ปรึกษาคณะที่เป็นพุทธขวาจัดชายทั้งหลายเล่นงานผู้กำกับหญิงคนเดียวอย่างเมามัน ตั้งแต่กล่าวหาว่าหนังเรื่องนี้หมิ่นศาสนาพุทธและทุกศาสนา จนกระทั่งเลยเถิดไปถึงเรื่องล้อเลียนเจ้า

หนังที่ผู้กำกับและทีมงาน (มีผมเป็นผู้กำกับภาพและถ่ายทำ) ตั้งใจให้เป็นหนังตลก บ้าๆ ดูสนุก ขำๆ ถ่ายทำกันแบบเจียมตัวเพราะผู้กำกับควักกระเป๋าเอง ใช้โลเกชั่นบ้านญาติ บ้านพี่และเพื่อนๆ กลายเป็นหนังที่เซ็นเซอร์ยุคนายชวนไม่ขำ และเห็นเป็นการหมิ่นศาสนา ผ่านไป 25 ปี หลังจากเอาฟิล์ม 16 มม.ไปทำเทเลซีนแปลงเป็นดิจิตอล ผู้กำกับตัดต่อใหม่ให้สั้นกระชับลง 10 นาที จากความยาว 2 ชม. เหลือเพียง 110 นาที แล้วให้ชื่อหนังภาษาไทยตามชื่อที่สื่อและคนทั่วไปเรียกขานหนังเมื่อตอนตกเป็นข่าวยุคนั้นว่า “คนกราบหมา” และเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษใหม่ว่า “DOG GOD” ถือเป็นเวอร์ชั่น Director’s Cut

Advertisement

เกณฑ์หนึ่งของเซ็นเซอร์เมื่อหนังมีการตัดต่อใหม่และเปลี่ยนชื่อหนัง ก็สามารถยื่นตรวจพิจารณาได้อีกครั้ง ผมจึงอาสาเอาไปยื่นเซ็นเซอร์เอง เพราะไม่อยากให้ผู้กำกับต้องเผชิญกับความรู้สึกบอบช้ำอีกครั้งหลังจากหนัง “เชคสเปียร์ต้องตาย” ที่ถูกแบนและยังค้างคาอยู่ในศาลปกครองสูงสุด เข้าเป็นปีที่ 12 ซึ่งยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมีคำตัดสินออกมา แน่ละครับ! การเหยียบเข้าไปในตึกสำนักพิจารณาภาพยนตร์ที่ใหญ่โตกว่าเมื่อสิบปีที่แล้ว มันก็ต้องรวบรวมกำลังใจ ทำใจดีสู้เสือ หลังจากยื่นเอกสารเมื่อวันที่ 9 ตุลา, เมื่อวาน 24 ตุลา ทางเจ้าหน้าที่โทรมาให้ไปรอหน้าห้องพิจารณาเผื่อมีข้อซักถาม เพราะเป็นคิวตรวจหนังคนกราบหมา และเนื่องจากหนังเคยมีประเด็นถูกเซ็นเซอร์มาก่อน

อย่างไม่คาดคิด เจ้าหน้าที่สำนักเซ็นเซอร์เดินมาถามว่า “15+ ได้ไหมคะ” ถึงตอนนั้นก็โล่งอกแม้จะขอไว้ 13+ ก็ตาม “ได้ครับ” เจ้าหน้าที่หญิงท่านนั้นรีบเดินกลับเข้าห้องประชุม สมองผมยังงงๆ ปนดีใจเพราะ “กูไม่ต้องฟ้องเซ็นเซอร์อีกคดี” ระหว่างรอเอกสารและชำระเงินค่าธรรมตรวจพิจารณา เจ้าหน้าที่ชายอาวุโสท่านหนึ่งเดินมาคุยผ่านแมส “ทำไมถึงถูกแบน?”; เออ! แปลกดีกับคำถามนี้ของเจ้าหน้าที่รัฐ “มันเป็นเรื่องการกลั่นแกล้งมั้งครับ” ผมตอบไปอย่างนั้น; “ผมชี้ให้กรรมการดูช่วงท้ายของหนัง หนังให้แง่คิดดี ลึกซึ้ง” เจ้าหน้าที่คนเดิมพูดต่อ; “มันคงเป็นเรื่องของยุคสมัยมั้งครับ คนรุ่นหนึ่งเห็นว่าหนังเป็นภัย แต่มารุ่นคุณก็เห็นไปอีกแบบ” ผมให้ความเห็นก่อนจะแยกไปจ่ายเงิน

“คนกราบหมา” – “DOG GOD” กำหนดเข้าฉายโรงเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง!

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image