ที่มา | นสพ.มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | แพงจ๋า |
อย่างที่บอกไว้ว่าจะมาเล่าความเป็นมาเป็นไปของวงการบันเทิงไทยกันต่อ หลังจากวานนี้พูดกันถึง ‘ก่อน 40 ปี การอ่านและการชม’ และ ’40 ปี การอ่านและการชม’ ไปแล้ว
….
2516 -2519
ชักแม่น้ำทั้งห้าอารัมภบทมา ก็เพื่อให้ภาพประเภทการอ่านที่ไม่หลากหลายดังกล่าว แต่คุณูปการของบรรดานักเขียนซึ่งปรากฏแต่ก่อนพุทธกาลกระทั่งหลังพุทธกาลเหล่านั้น ก็มีคุณค่ามากจนละไปไม่ได้ เนื่องจากให้รากฐานที่สำคัญในการต่อยอดการอ่านไปสู่ปริมณฑลอื่นๆ ดังเช่น 3 ปีหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม โลกการอ่านก็เหมือนไม้ร้อยดอกบานประชันกันอยู่ในสวน หนังสือการเมืองโดยเฉพาะความคิดฟากสังคมนิยม ได้ขยายมิติของจินตนาการให้กว้างออกไปอีก ขณะเพื่อนบ้านเวียดนามกำลังปลดแอกมหาอำนาจสหรัฐ เรื่องสั้นของเพื่อนบ้านเอเชียอาคเนย์ก่อนคำ ‘อุษาคเนย์’ ก็ถ่ายทอดบาดแผลของยุคอาณานิคมสู่กันพิจารณา ความใกล้ชิดที่ไม่เคยมีมาก่อนเริ่มสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น
เหตุการณ์ 14 ตุลาคมมิได้จู่ๆก็เกิดขึ้น หรือเป็นอุบัติเหตุทางการเมือง ก่อนหน้านั้นราวทศวรรษ นิตยสารที่สร้างแรงสะท้อนทางความคิดกับสังคมปัญญาชน สังคมศาสตร์ปริทัศน์เริ่มแสดงบทบาทขึ้นในปี 2506 โดยสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ส่งคลื่นกระทบเหล่านิสิตนักศึกษาและบรรดานักอ่าน หนังสือเล่มละ 1 บาทจากรั้วมหาวิทยาลัยต่างๆ ทยอยกันออกขายตามทางเท้าและบางแผง 7 สถาบัน อันเกิดจากมหาวิทยาลัยหลัก 7 แห่งมีพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร เป็นแกน นำขบวนมาแต่ปี 2507 ปลุกเร้าผู้คนให้ตื่นจากภวังค์ครอบงำทางการเมือง และต่อต้านสงครามเวียดนาม
ยังมีเช่น ลอมฟาง กับกลุ่มกิจกรรมกลุ่มสภาต่างๆในรั้วมหาวิทยาลัยอีกนานา สื่อสารความคิดกันระหว่างนิสิตนักศึกษารุ่นใหม่ จน 2510 จึงเกิดกลุ่มนักเขียน หนุ่มเหน้าสาวสวย กับกลุ่มนักเขียน นักทำละคร นักสร้างภาพยนตร์ ชมรมพระจันทร์เสี้ยว ขึ้น เป็นผลิตผลจากสถาบันอุดมศึกษาที่ร่วมกันเปิดประตูรั้วออกมาสู่สังคม สู่โลกกว้าง
ดังนั้น เมื่ออำนาจครอบงำถูกขจัดด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของผู้เสียสละ แสงสว่างแห่งปัญญาความคิดจากการอ่านการเรียนรู้จึงฉายฉาน หนังสืออ่านเอาเรื่องที่เคยถูกห้ามถูกปกปิดกลับสะพรั่งขึ้นเต็มแผง
แต่การเติบโตทางความคิดแตกกิ่งก้านสาขาได้ไม่นาน ก็สร้างความตระหนกกับอิทธิพลอำนาจซึ่งถูกลิดรอนไป การให้ร้ายป้ายสีทางการเมืองค่อยๆตั้งกระบวนขึ้นใหม่ จนกลายเป็นเหตุการณ์ล้อมสังหารและจับกุมนักศึกษาประชาชนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจะเกิดรัฐประหารอีกครั้งในท้ายที่สุด
….
2 ทศวรรษแรก
ก่อนหน้านั้น ปี 2513 เปี๊ยก โปสเตอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ได้สร้างเรื่อง ‘โทน’ หนังไทยยุคเปลี่ยนผ่านจากฟิล์ม 13 มิลลิเมตรมาเป็น 35 มิลลิเมตรขึ้นเปิดมิติหนังไทยยุคใหม่ ที่เดินเรื่องเป็นจริงเป็นจัง นางเอกถูกข่มขืนแหวกขนบที่เป็นมา ตัวตลกตามพระกลมกลืนกับเรื่อง ต่อด้วย ‘ดวง’ สร้างพระเอกใหม่และ ‘ชู้’ ซึ่งได้รับรางวัลจากต่างประเทศ ด้วยเนื้อหาและรูปแบบตัวละครเพียงสามคนเปี่ยมคุณภาพซึ่งผู้ชมส่วนมากไม่คุ้นเคย
เป็นหนังไทยที่เข้ามาแทรกความสนใจผู้ชมจากหนังฮอลลีวู้ดซึ่งอยู่ในยุคเนื้อหาเข้มข้น ระหว่างช่วงต่อต้านสงคราม บุปผาชนและแสวงหาขึ้นมาแบ่งพื้นที่น้อยนิดของงานที่ถูกวิพากษ์ว่าเป็นหนังน้ำเน่าได้
ขณะที่ปี 2514 กลุ่มพระจันทร์เสี้ยวเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการผลิตละครเวทีที่เรียกผู้ชมได้มากมาย ‘อวสานเซลส์แมน’ ที่หอประชุมธรรมศาสตร์
จากนั้นปี 2516 ยุทธนา มุกดาสนิท นักศึกษาธรรมศาสตร์ปีสุดท้ายก็ทำละคร ‘สี่แผ่นดิน’ เป็นวิทยานิพนธ์ ละครเรื่องที่ถูกกล่าวขวัญอึงคะนึง ซึ่งจัดแสดงถึง 2 ครั้ง ครั้งละหลายรอบ โดยครั้งที่ 2 อันเกิดจากพระราชปรารภในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงดำริจะเสด็จฯไปชม พร้อมสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี และพระเจ้าลูกเธออีกสองพระองค์ โดยมีพระราชอาคันตุกะอีกพระองค์ที่เสด็จฯไปนอกหมายกำหนดการเองซึ่งทุกคนคาดฝันไม่ถึง คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เพราะทรงอยากชมด้วย
ยุทธนากลายเป็นผู้กำกับหนังคุณภาพอีกคนหลังจากพ้นรั้วมหาวิทยาลัย
ครั้นปี 2520 รัฐบาลที่มาจากคณะปฏิรูปการปกครองหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคมขึ้นภาษีฟิล์มหนังต่างประเทศสูงขึ้นหลายเท่า จนบริษัทนำเข้าประท้วงด้วยการงดนำหนังเข้ามาฉาย หนังไทยจึงมีโอกาสมากขึ้นที่จะมีโรงรอรับ จึงเกิดงานอย่าง ‘แผลเก่า’ ของเชิด ทรงศรี กับ ‘ครูบ้านนอก’ ของสุรสีห์ ผาธรรม มาสร้างความแตกต่างจากอดีต
ขณะที่ปี 2522 ก็เกิดรางวัลประจำปีที่มอบแก่กวีและนักเขียนใน 10 ประเทศ เรียกว่ารางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน ‘ซีไรท์’ ขึ้น เป็นรางวัลซึ่งทำให้วรรณกรรมไทยที่ได้รับรางวัลขายดีในเวลาต่อมา
ปีเดียวกันนั้นเอง นิตยสารรายเดือนศิลปวัฒนธรรม โดยสุจิตต์ วงษ์เทศ ก็ถือกำเนิด เพราะต้องการสื่อกับสังคมว่าประวัติศาสตร์ไม่ได้สอนให้เราเชื่อ แต่สอนให้เราตั้งคำถามและใช้เหตุผล ซึ่งยืนหยัดยาวนานมาจนปัจจุบัน สร้างผลงานในการสำรวจรอยต่อที่ขาดหายหรือข้อมูลรายละเอียดที่กระเทาะหลุดไปจากฝาผนังวัด อย่างมีระบบในการตั้งสมมติฐานจากหลักฐานที่มี ด้วยมุมมองรอบด้านยิ่งกว่าเดิมและแตกต่างไปจากเดิม
‘แอ่งอารยธรรมอีสาน’ ของศรีศักร วัลลิโภดม ถูกใช้อ้างอิงโดยนักมานุษยวิทยาทั่วโลก และ ‘การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี’ ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ ก็ทำให้นักศึกษาประชาชนไทยหูตาสว่างขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
ช่วงเดียวกันนั้นเอง นิตยสารสำหรับคนวรรณกรรม ‘โลกหนังสือ’ โดยสุชาติ สวัสดิ์ศรี ก็เพิ่มบรรยากาศและรสชาติการอ่านสมทบเข้ามา
เวลาเดียวกับสถาบันวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ เคลื่อนไหวสร้างกิจกรรมกันอย่างต่อเนื่อง เช่นสถาบันวัฒนธรรมเยอรมันเกอเธ ซึ่งมีงานแทบทุกสัปดาห์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะนำวงแจซมาให้นั่งๆเอนๆฟังบนสนามหญ้า หรือเปิดให้แสดงละคร อภิปรายหัวข้อน่าสนใจต่างๆ หรือสถาบันสอนภาษาฝรั่งเศสอลิยอง ฟรองแซส ที่มีเทศกาลฉายหนังฝรั่งเศส ซึ่งนักชมมักค่อนกันแบบเอ็นดูว่า ‘หนังศิลป’ไม่หลับก็แล้วไป ถ้าดูได้ก็เพลิน
สำนักข่าวสารญี่ปุ่นก็มีเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นเป็นประจำเช่นกัน บางปีอาจมีผู้กำกับญี่ปุ่นมาสนทนาร่วมกับผู้ชมไทยด้วย บรรยากาศเช่นนี้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แม้กิจกรรมที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันอาจน้อยลง แต่การนำภาพยนตร์เข้ามาฉาย เป็นไปอย่างไม่ขาดตอนจนเดี๋ยวนี้
…
2 ทศวรรษหลัง
เมื่อโทรศัพท์มือถือค่อยแพร่หลาย และคอมพิวเตอร์เริ่มต้นด้วยการค่อยๆกินอาณาเขตการพิมพ์เข้ามา การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นในหลายๆทาง ทั้งรูปแบบการทำงานของผู้คนและการลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
การเดินทางไปมาหาสู่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมไปกับการท่องเที่ยวที่เติบโตตามกันทุกแห่ง คนรู้ภาษาเฉพาะเพิ่มขึ้น จากแต่ก่อนที่่นักแปลงานวรรณกรรมมีอยู่นับรายได้และส่วนใหญ่มักแปลงานจากภาษาอังกฤษที่อาจแปลต้นฉบับมาจากภาษาอื่นอีกที กลายเป็นผู้แปลซึ่งถ่ายทอดจากภาษาเดิมโดยตรง ไม่ว่าภาษาสเปน โปรตุเกส เยอรมัน โดยเฉพาะก็คืองานจากกลุ่มวรรณกรรมที่สังคมไทยส้องเสพอยู่ก่อนแล้ว เช่น แปลตรงจากภาษาญี่ปุ่น จีน และปัจจุบันเพิ่มภาษาเกาหลีเข้าไป ทำให้กิจการสำนักพิมพ์ขยายตัวอย่างกว้างขวาง แม้ทางธุรกิจไม่อาจเรียกว่าประสบความสำเร็จทั่วถึงกัน แต่คนรักหนังสือมีหนังสือให้เลือกอ่านหลากหลายประเภทและรสนิยมมากยิ่งขึ้น จากการลงทุนทำงานของคนรักที่จะผลิตหนังสือให้อ่าน
แผงหนังสือทุกวันนี้จึงมีวรรณกรรมแปลนานาลักษณะ กับนิตยสารเฉพาะด้านที่เลือกเจาะกลุ่มผู้อ่าน ไม่ว่าแม่และเด็ก บ้าน สุขภาพ สัตว์เลี้ยง ไม้ดอกไม้ใบไม้ผล แฟชั่น พระเครื่อง ฯลฯ
คุณูปการของนักแปล ทำให้นักอ่านมีโอกาสได้อ่านทั้งงานคลาสสิคของนักเขียนต่างชาติ งานเขียนขายดี นิยายนานาประเภทที่แผ่วงกว้างออกไปเกินกว่าคนรุ่นกึ่งพุทธกาลจะเคยนึกถึง
ระหว่างที่โทรทัศน์ดูฟรีไม่กี่ช่องยังมีรายการวาไรตี้ ทอล์คโชว์ กับละครหลังข่าวเป็นพื้น ข่าวโทรทัศน์ก็ถูกพลิกโฉมโดยสมเกียรติ อ่อนวิมล ทำให้คนหันมาเสพข่าวกัน จากที่ไม่เคยสนใจดูมาก่อน เพราะมีแต่ข่าวนายทหารในรัฐบาลออกงาน หรือมีแต่ข่าวฝ่ายรัฐบาลไม่เคยมีข่าวฝ่ายค้าน การส้องเสพข่าวของสังคมเริ่มลงหลักปักฐานมาแต่นั้น ก่อนจะกลายเป็นการเล่าข่าวที่อาจน่ารำคาญสำหรับบางคนไปในภายหลัง
เคเบิลทีวี.ที่ต้องเสียเงินซื้อรายการดูจึงเกิดขึ้นตามการเปลี่ยนไปของโลก และความต้องการของผู้คน จนมาถึงยุคดิจิตอลที่ผู้ลงทุนล้มระเนระนาดกันวันนี้
ส่วนวงการภาพยนตร์ก็เกิดคนรุ่นใหม่เดินตามกันเป็นขบวนเช่น ‘นางนาก’ ของนนทรีย์ นิมิบุตร หรือ ‘บางระจัน’ ของธนิตย์ จิตนุกูล หรือ ‘โหมโรง’ ของอิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์ หรือ ‘แฟนฉัน’ ของหกผู้กำกับ ที่ล้วนเป็นความสำราญระดับเยี่ยมของผู้ชม หรือชื่อที่โด่งดังไปนานาชาติ เช่น อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เป็นต้น
40 ปีหลังจากเหตุการณ์ล้อมสังหารนักศึกษาประชาชน แม้ในทางสำนึกร่วมทางประวัติศาสตร์ยังเต็มไปด้วยข้อขัดแย้งมากมาย การชำระข้อมูลหลักฐานร่วมสมัยก็ยังทำไม่ได้ลุล่วง แม้ตัวละครที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ยังมีชีวิตอยู่พอจะให้ปากคำของแต่ละฝ่ายแต่ละด้านได้โดยอิสระ ก็ไม่เคยมีแนวทางการทำความเข้าใจกับเนื้อหาการเปลี่ยนแปลงของสังคม เพื่อคนรุ่นต่อๆไปได้พิจารณาในอันจะรักษาอธิปไตยของประชาชนให้ยั่งยืนต่อไปอย่างสังคมประชาธิปไตยได้
แต่ผู้คนก็สามารถเรียนรู้ได้อยู่ดี ไม่ว่าจะเรียนรู้จากมุมมองด้านใด ไม่ว่าจะลืมตามองหรือหลับตาคลำหลักฐานข้อมูล สัจจะความจริงย่อมปรากฏแก่ผู้ยังสติปัญญาเสมอ
ถึงจะมีเพียงคนเดียวที่มองเห็นและเข้าใจ แต่คนเดียวนั้นสามารถขยายความรับรู้ให้กว้างขวางต่อไปได้ ประวัติศาสตร์ยังอยู่อย่างที่เป็นมา มองเมื่อไหร่ก็เห็น ต่อให้ไม่มองก็ยังดำรงสัจจะความจริงอยู่อย่างนั้นเอง จะบิดเบือนเบี่ยงเบนป้ายเปรอะไปได้ก็ชั่วครั้งชั่วครู่เท่านั้น.