เปิดใจ ‘อ้น สราวุฒิ’ ถึง 3 สิ่งในชีวิต ยากล่อมประสาท เสาวรส และคู่แข่งคนสำคัญ

“บอกเลยว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมรักมากๆ” อ้น-สราวุฒิ มาตรทอง หนึ่งในนักแสดงคุณภาพเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่มถึงงานละครเรื่องล่าสุด ‘เงาเสน่หา’

“เพราะว่าตั้งแต่อยู่ในวงการบันเทิงมา ไม่เคยเล่นบทแบบนี้เลย”

บทที่มีรายละเอียดซับซ้อน บทที่เป็นตัวร้ายครั้งแรกในชีวิตตลอด 21 ปีที่อยู่ในวงการ แถมตัวร้ายตัวนี้ยังเป็นหลักในการดำเนินเรื่อง

ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานหนักในการเตรียมตัว รวมถึงต้องใช้สมาธิอย่างมากในการเข้าฉากแต่ละฉาก

Advertisement

เล่าด้วยว่าตอนโด่ง-องอาจ สิงห์ลำพอง ผู้บริหารช่อง 8 ซึ่งโดดมากำกับละครเรื่องนี้โทรมาชวน เล่าพล็อตซึ่งเขียนขึ้นมาใหม่ให้ฟัง ก็รู้สึกถึงความท้าทาย และรับทราบได้ทันทีว่าเป็นบทที่ดีมากๆ จึงตอบรับ ซึ่งมาถึงตอนนี้ เมื่อละครปิดกล้องไปเรียบร้อย

15535600_1216288251772262_80036930309324800_n.jpg-ig_cache_key=MTQwNTYyNjExODExMTY5MjI1OQ==

“ผมรู้สึกภูมิใจกับตัวเองมาก ดีใจที่เลือกทำงานนี้”

Advertisement

“เพราะทุกครั้งที่ทำงานยาก มันเหมือนได้ฝึกตัวเองไปในตัว”

บอกอีกว่า ความจริงงานทุกชิ้นที่ทำ ละครทุกเรื่องที่เล่น เขาก็รักทั้งหมด

“แต่เรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องที่ผ่านมาๆ แล้วก็ยากที่สุดตั้งแต่เคยเล่นละครมาเลย”

“บทมันเด่นมาก เหมือนว่าแทบจะเป็นเรื่องของตัวละครตัวนี้ สำหรับผม ผมคิดว่า ในเมืองไทยบทบาทแบบนี้ไม่ค่อยได้เห็น เพราะเมืองไทยเราจะเห็นคนดำเนินเรื่องเป็นพระเอก นางเอก หรือตัวร้ายไปเลย จะเป็นทางเดียว แต่นี่คือตัวเอกของเรื่องเป็นตัวร้าย แต่เป็นตัวร้ายที่ดีมีมุมดีอยู่ด้วย เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวต่างๆ จนสุดท้ายก็มีปลายท้ายของเขาเอง

ดังนั้นตัวละคร ‘พงศธร’ ที่เขาเล่นจึง “ไม่ได้เป็นพระเอกหรือตัวร้าย แต่นำเสนอความเป็นมนุษย์คนหนึ่งมากกว่า”

“เขามีชีวิตวัยเด็กที่ค่อนข้างโหดร้าย บ้านยากจนมาก แม่ทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่เขาเด็กๆ เพราะความจน ต้องโตมากับพ่อ และต่อมาพ่อก็ยิงตัวตายต่อหน้าเขา เขาถูกทิ้ง จนมาอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็ถูกรังแกตั้งแต่เด็ก หัวใจเขาแตกสลาย”

และแม้เขาจะเอาชนะอุปสรรค จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด แต่ความเจ็บช้ำจากอดีตก็ทำให้เขา ‘ตอบแทน’ คนเหล่านั้นอย่างสาสม

ทั้งหมดนี้ทำให้ ‘เงาสเน่หา’ ซึ่งเป็นเรื่องดราม่า ทิลเลอร์ อัน “ตื่นเต้นดี” น่าจะถูกใจผู้ชม

อ้นยังเล่าด้วยว่า แม้งานชิ้นนี้จะเป็นงานดีที่ เล่นแล้วสนุก แต่กระนั้นก็ทำให้เครียดถึงขั้นที่เขาต้องอาศัยยาเพื่อคลายประสาท

“เรื่องนี้อารมณ์เยอะมาก แล้วเราต้องตัดนะ ตัดที่หน้ากอง ก็ไม่อยากเอากลับบ้านหรอ” ว่าพลางหัวเราะ

แต่ก็นะ บางครั้งก็ทำไม่ได้

15035667_165056820629390_2083833121731510272_n.jpgig_cache_key=MTM4Nzc3Mzk1NDY0MjU2MTc2OA==

“มันเหมือนเครื่องจักร เวลาหยุดทำงาน มันไม่ได้หยุดกึก ค่อยๆผ่อนไป อารมณ์ทางการแสดงก็เป็นอย่างนั้น บางทีกลับมาบ้าน 4-5 ทุ่ม ตี 2 กว่าจะได้นอน เพราะเหมือนอารมณ์มันกลับมาปกติตอนนั้น แล้วถ้าวันรุ่งขึ้นนัดกองหกโมงเช้า ก็ต้องรีบนอนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เลยต้องเพิ่งยากล่อมประสาท ยาคลายประสาท เพื่อให้หลับ พอช่วงหลังๆที่บ้านเป็นห่วงเลยค้นหาวิธีอื่น ซื้อเสาวรสติดไว้ เพราะมีสรรพคุณในการช่วยคลายประสาท นอนหลับง่าย ถึงบ้านก็กินสามลูกก่อนนอน ช่วยได้จริงๆ กินเสร็จขึ้นห้อง เปิดธรรมะ ใส่หูฟัง หลับไป เราก็ไม่รู้นะว่าคนอื่นเป็นยังไง แต่ว่าขณะที่นอนบางทีเราแว่บคิดไปถึงฉากที่เล่น แล้วเหมือนไปรู้สึกถึงอารมณ์ตรงนั้นใหม่ กเลยต้องเพิ่งยา”

“จริงๆ สมัยก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้ เพราะอาจจะไม่ได้เจอบทหนักๆ ตอนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งหนัก ท้าทายนะ แล้วผมรัก เพราะได้ฝึกฝน แต่ก็ทำให้เสียสุขภาพไปเหมือนกัน แต่ตอนนี้ดีแล้วครับ”

“โชคดีเจอเทปธรรมะแล้วเจอเสาวรสแล้ว” อ้นบอกพลางหัวเราะ

ก่อนบอกอีกว่าในการทำงานของเขานั้น ไม่เคยเลยที่จะมองใครเป็นคู่แข่ง เพราะที่รู้สึกตลอดมา คือ “ผมแข่งกับตัวเองทุกครั้งที่ทำงาน”

“เพราะฉะนั้นวันนี้เทียบกับเรื่องที่แล้ว ก็จะเป็นอะไรที่พัฒนาไป จะโตขึ้น โตขึ้น แล้วระหว่างที่โตขึ้น ระหว่างที่ผมถ่ายหรือไม่ได้ถ่าย ผมก็พยายามหาความรู้ทางการแสดงเพิ่ม ไปเล่นละครเวที อ่านหนังสือ แล้วก็เรียนจากหนังเรื่องต่างๆ หาข้อมูลเกร็ดต่างๆ ทุกอย่างคือคลังความรู้ที่ผมเก็บมาตลอดทาง เรื่องไหนที่ผมแบ่งไปใช้ได้ ผมก็แบ่งมา เหมือนเราเก็บสะสมเงินไว้ พอถึงจังหวะที่ต้องใช้ เราก็เอามาใช้”

“เพราะเราก็อยากทำงานให้ดีขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น เพราะเรารักงานนี้มาก”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image