เงียบไม่ไหวแล้ว ‘แจ๊ส-แจง’ งัดหลักฐานท้าชน ‘บู๊’ ลั่นไม่ขอนับญาติแล้ว

เงียบไม่ไหวแล้ว ‘แจ๊ส-แจง’ งัดหลักฐานท้าชน ‘บู๊’ ลั่นไม่ขอนับญาติแล้ว

จากกรณีที่ นักร้อง-นักแสดงตลกชื่อดัง แจ๊ส ชวนชื่น และภรรยา แจง ปุณณาสา ถูกโจรขึ้นบ้านขโมยรองเท้าผ้าใบสะสม รุ่นหายาก ไปหลายคู่ มูลค่าประมาณ 300,000 บาท อีกทั้งพบอุปกรณ์เสพยาอยู่ในบ้าน และได้ทราบตัวผู้ก่อเหตุรวมถึงเข้าแจ้งความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนตอนนี้ได้มีหมายจับ บู๊ พี่ชายของแจง โดยล่าสุดทั้งคู่ได้จูงมือมาเปิดใจถึงกรณีดังกล่าว ที่เวิร์คพอยท์ สตูดิโอ ว่า

วันที่เราทราบเรื่อง?
แจง : “จริงๆ เราพอทราบมาคร่าวๆ แล้ว แต่ว่าเรายังไม่มีหลักฐาน ประกอบกับที่เขาไลฟ์สดแล้วมีคนอัดเอาไว้ในช่วงที่เขาบอกว่า มีคนถามเขาไปว่ารองเท้าพี่แจ๊สป่านนี้ไปแล้วสิ เขาก็เลยบอกมาทั้งหมดว่าเขาเป็นคนเอาไป ก็เอาหลักฐานอันนี้ส่งให้ตำรวจ แล้วก็นัดกับตำรวจว่าเราจะว่างวันที่ 29 มีนาคม เพราะฉะนั้นเราก็เลยผ่านไปหน้าบ้านก่อน เราก็ตกใจว่าประตูหน้าบ้านแตกไปหนึ่งบาน เราเลยโทรไป 191 เพื่อแจ้งเหตุให้ตำรวจเข้ามาดู เพราะเราไม่มั่นใจว่ายังมีคนอยู่ในบ้านหรือเปล่า เพราะมีช่วงนึงที่เขาเข้ามาแล้วออกไป เราเลยให้ตำรวจเข้ามาที่บ้าน ทีนี้พอตำรวจมาเห็นประตูแตกแต่มีการล็อกกุญแจด้านนอกไว้ เลยแจ้งไปที่ สน.มีนบุรีเพิ่มเติมเพื่อให้กำลังเสริมเข้ามา

เราในฐานะเจ้าบ้านก็ไม่มีกุญแจ ก็เลยงัดเข้าไป ตรวจดูในบ้านมีร่องรอยของคนอยู่ ก็เลยไปตรวจที่ห้องชั้น 3 ที่เป็นห้องรองเท้าก่อน ซึ่งเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคมของปีที่แล้ว เราถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้ว่ามาเยี่ยมบ้านหลังเก่า เลยมีรูปภาพและวิดีโอของรองเท้าที่ยังอยู่ที่นั่น ส่วนคนที่ถามทำไมไม่ย้ายของออก เพราะเรายังไม่ได้ทำห้อง”

Advertisement

แจ๊ส : “ยังไม่ได้ทำห้องเสื้อผ้าผม เลยเก็บร้องเท้าโซนที่เป็นคอนเวิร์สไว้บ้านหลังนี้ คู่อื่นก็เก็บไว้ก่อน”

แจง : “บ้านหลังนี้ ห้องนั้นคนที่มีกุญแจคือพี่ต่อ คือเพื่อนแจ๊สที่จะเป็นคนดูแลของทั้งหมดของแจ๊ส ทีนี้ห้องนั้นมันเปิดได้เลยแปลว่ามันมีร่องรอยการถูกงัด พอเข้าไปพบว่ารองเท้าหลายคู่ที่เป็นแรร์ไอเท็มหายไป ก็กลายเป็นว่าวิดีโอนั้นมันมีมูลความจริง ตำรวจก็เลยเรียกกองพิสูจน์หลักฐานทั้งหมดเข้ามา แต่ทีนี้ในห้องนึงที่เป็นชั้น 3 ตรงข้ามห้องรองเท้า มีร่องรอยของการพักอาศัย แล้วพบอุปกรณ์เสพยา พบถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้ ทำให้รู้ว่าบ้านเรามีคนอยู่จริงๆ แล้วลงไปชั้น 2 ห้องนอนเก่าของแจงกับแจ๊ส พบห้องนั้นล็อกอยู่ตำรวจเลยงัดพังประตูเข้าไป ก็พบว่าแอร์เหมือนเพิ่งจะปิดไป ทิ้งของใช้ส่วนตัว เช่น นาฬิกา โทรศัพท์มือถือไว้ แปลว่าวันนั้นเขาหนีออกไปทางหลังบ้าน คลาดเคลื่อนกัน คิดว่าเขาน่าจะรู้เพราะแจงให้คนไปดูหน้าบ้านแล้วรอบนึง เขาเลยหนีไป”

“แต่ทั้งหมดทั้งมวล มีคำถามว่าทำไมแจงถึงเงียบได้ขนาดนี้ แจงไม่ได้เงียบนะ ตั้งแต่เขาออกมาไลฟ์เดือนธันวาคม แจงได้แจ้งความไว้ที่ สน.ลาดพร้าว โดยมีทนายเป็นตัวแทนไปแจ้งความวันที่ 26 ธันวาคม 2566 ที่แจงเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร พูดตรงนี้เลยว่าสิ่งที่แจงและครอบครัวโดนกระทำมามันสุดจริงๆ แล้วทำไมเราต้องมาพูดให้ทุกคนเข้าใจเราด้วย การที่เราไม่พูดกลับกลายเป็นว่ามองว่าเรายอมรับ แล้วเราไม่เคยปกป้องแจ๊ส”

Advertisement

แจ๊ส : “บอกก่อนว่าตอนนี้ผมกับแจงกำลังสร้างตัวกัน ผมเชื่อว่าไม่มีใครยอมใครนะ ถ้าใครมาร้ายกับคุณ แต่ผมต้องเงียบ ผมต้องทำงานหาเงิน ถ้าไปปะทะบางทีมันมีผลกับงาน แล้วบางทีที่เขาไลฟ์เหมือนต้องการให้พวกผมเสียชื่อเสียง ไม่มีงาน แต่เมื่อวาน (28 มี.ค.67) เงียบไม่ไหวแล้ว คนเราไม่ได้อยากโดนกระทำย่ำยีบ่อยๆ หรอก”

รู้เหตุผลที่เขาทำไหม ทำไมทำซ้ำๆ?
แจง : “แจงก็นั่งถามตัวเองนะว่าแจงผิดอะไร นั่งย้อนไป 2 ปี ตั้งแต่ออกจากคุกมาช่วงโควิด วงไม่มีงาน พอเริ่มมี 1 งาน 2 งาน ก็ให้มาช่วยขับรถส่งของ ทีนี้เริ่มมีฤทธิ์กับที่บ้าน เอารถส่งของที่เป็นของบริษัทแจ๊สไปชนหน้าบ้านแม่ที่มีนบุรี มีเรื่องไปเคลียร์ที่โรงพัก แจงไม่เคยเอามาบอกเพื่อทำลายใครนะ แต่วันนี้แจงกับแจ๊สโดนทำลายจนแย่ไปหมดแล้ว แจงขอพูดบ้าง (โชว์ภาพ) เป็นภาพที่ไปเคลียร์กันที่ สน.มีนบุรี มีท่านผู้กำกับท่านเดิมอยู่ในเหตุการณ์ ก็จบด้วยการออมชอม จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ผ่านไปแป๊บนึงเพราะเหตุผลอยากจะมีรถขับ แจงซื้อรถ CIVIC ปี 2564 เนื่องจากว่าน้องมือกีตาร์ไม่มีเงินส่ง กำลังจะถูกยึด แจงซื้อคืน 7.9 แสนบาท เพื่อให้เขา ถามว่าทำไมแจงโอนชื่อให้เขาเลย เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้น นานมากแล้วแต่ไม่อยากพูด ไม่อยากให้มีปัญหาถึงตัวแจงและแจ๊ส เพราะแจงเชื่อว่าเขาไม่ได้มีความบริสุทธิ์ใจ ต่อมาเมื่อได้รถไปมีปัญหาอีก นี่คือหนี้การพนัน (โชว์หลักฐาน) สิ่งที่เอาหนี้สินมาให้แจงกับที่บ้านใช้เยอะมากนะ

“แต่แจงก็ทนเพื่อให้โอกาสเขา แจงกับแจ๊สหาเงินเหนื่อยมาก แต่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ แจงแค่มองว่ามันไม่แฟร์กับแจงเลย กับสิ่งที่เขาออกมาด่าแจง โพสต์ว่าแจงนู่นนี่นั่น ลามมาถึงลูกแจง ขู่ฆ่า ขู่ปืน แจงเก็บหลักฐานไว้หมด บางทีคนเราโดนขู่มากๆ มันไม่ได้รู้สึกดีนะ ตอนแรกแจงไขว้เขวนะ รู้สึกว่าแจงประมาทเพราะว่าสามีเราทำงานในที่แจ้ง ลูกเราอีก จนเมื่อวานนี้รู้สึกว่าแจงยอมไม่ได้แล้ว แจงขอใช้ความเป็นผู้หญิงออกมาสู้เลย ออกมาเลย มาวัดกัน ว่าจะเอายังไง”

แจ๊ส : “คือเมื่อวานมันก็ไม่ไหวเหมือนกัน จิตมันหลุดจริงๆ ทั้งผมทั้งแจง จิตหลุดแต่ผมมีสติที่ผมจะพูด เพื่ออยากให้ทุกคนรู้ว่าจริงๆ มันคืออะไร อันไหนมันจริง อันไหนไม่จริง คนเวลาฟังเขา คนเชื่อเยอะ เขาเป็นญาติแจง แต่ถ้ามาคุยกันต่อหน้าจริงๆ เอาจริงๆ เลยนะ คุยกันต่อหน้าแบบนี้ คุณได้รู้แน่ว่าจริงๆ มันคืออะไร“

แจง : ”ที่แจงไม่เอาหลักฐานทุกอย่างออกมาพูดหรือให้ใครเห็น เพราะแจงคิดว่ามันเป็นเรื่องของคนในครอบครัวและเราไม่ได้ทำ เราใช้หนี้ให้คุณจริงๆ เสียใจมาก (ตอนนี้ยังนับญาติกันได้มั้ย?) ไม่ได้ค่ะ มันเสียใจจนพูดไม่ออก ทุกคนบอกว่าทำไมแจงไม่ออกมาพูด ทำไมแจงไม่ปกป้องแจ๊ส จริงๆ ทุกคนไม่มีใครรู้เลยว่า ในใจเราทำอะไรกันอยู่ เขาขู่เราสารพัด เรามีหลักฐานครบค่ะ เราห่วงความปลอดภัยคนในครอบครัว ตอนแรกแจงเป็นบ้าเลย ถามแจ๊สดู”

แจ๊ส : ”ต้องบอกกันก่อนเลยนะ ผมไม่เคยมีปัญหากับใครอยู่แล้ว ถ้าผมกับครอบครัวเป็นอะไร ก็คือเขา แค่นั้นเองที่ผมจะบอก ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหนด้วย“

แจง : ”ตอนนี้ไม่ระแวงแล้ว ตอนแรกๆ ระแวงมาก แจงเป็นหนักกว่าทุกคนเพราะเราเป็นโรคแพนิก เอาจริงๆ นะที่ไม่อยากเอาหลักฐานออกมาเพราะอยากให้เขามีเส้นทางทำมาหากิน แจงไม่เคยทำร้ายใครเลย ตลอดเวลาที่อยู่กับแจ๊สมา 13 ปี ไม่เคยสร้างเรื่องลำบากใจให้ใครในบ้านทั้งสิ้น“

แจ๊ส : ”ที่ออกมาพูดผมไม่ได้จะมาพูดเอาความดีมาโชว์ว่าผมดีกับเขา อันนี้ผมพูดจากใจ ผมพูดจริงๆ จากที่ผมเห็นมาคบกับแจงมา แจงดูแลเขามาตลอดเลย แจงไม่เคยทิ้งพี่น้อง แล้วไม่เคยทำร้ายพี่น้องด้วย แต่ครั้งนี้มันหนักจริงๆ มันหนักมากๆ แล้วตอนนี้ในส่วนของผม เรื่องรองเท้า ผมโกรธ ตังค์ผมกว่าจะหามาได้ พ่อแม่ผมไม่ได้รวย ผมทำงานหาเงินสุจริตหาเงินซื้อของของผม แล้วคุณมาเอาของของผม พูดตรงๆ ตอนนี้ผมซื้อใหม่ก็ได้ แต่ความรู้สึกตรงนั้นที่ผมเก็บไว้ มันตั้งแต่ครั้งแรกในชีวิตของผมที่อยากมีรองเท้าคอนเวิร์สที่ผมอยากได้คู่แรกของผม มันอยู่ในตู้นั้นหมดเลย ตอนนี้คุณแสดงตัวเถอะ แสดงตัวออกมาเลย คุณอยากจะออกรายการกับผม อยากให้คนในประเทศรู้ คุณมาได้เลย ขอให้คุณแสดงตัวเถอะตอนนี้ พวกผมพร้อมแล้ว ผมพูดเสมอว่าผมพร้อมกับคุณมากๆ คุณอยู่ที่ไหน“

แจง : ”แล้วอีกอย่างก่อนที่จะมาเป็นแบบนี้ พอเราใช้หนี้สินให้เขาครบหมดแล้วประมาณ 7 แสนกว่าบาท หลังจากนั้นก็ไปหาเรื่องแม่อีกที่บ้านเมื่อปีที่แล้ว จำได้ว่าวันที่ 14 ก.พ. ทุกวันเกิดแม่จะมีการทำบุญอยู่หน้าบ้าน เขาเดินเข้าไปแล้วก็ไปหาเรื่อง เจตนาที่เข้าไปมันไม่ดี เข้าไปต่อยหลาน“

แจ๊ส : ”แล้วไปต่อยพี่ชายของแม่แจง แล้วลูกเขาก็มาช่วย แล้วเขาก็โดน พอเขาโดนก็มีอาการ สิ่งที่เขาพูดบอกว่าคนในบ้านเอาปืนจะไปยิงเขา ในบ้านนั้นไม่มีใครพกปืนครับ พอเขาออกมาแล้วรถคันนั้นเป็นรถวงผม รถที่ขนเครื่องติดรูปแจ๊สเลย“

จะหยุดพฤติกรรมเขาได้ยังไง?
แจง : เอาเป็นว่าแจงไม่ต่อความยาวสาวความยืดแล้ว เขาอยากพูดอะไรปล่อยเขาเลย เพราะเราไม่มีเวลาว่างเหมือนเขา เรามีงานที่ต้องทำ เราต้องรับผิดชอบอะไรหลายอย่าง ไหนจะงานส่วนตัว เวลาพักผ่อน เอาจริงๆ อินเตอร์เน็ตที่เข้าไปดูเขาแจงยังเสียดายเลย ส่วนเรื่องคดีรองเท้าเราดูครบหมดแล้วว่าใครเป็นคนซื้อขาย มาจากทางไหน ต้องขอบคุณน้องที่เอารองเท้ามาคืนให้ เพราะเขามาแสดงความจำนงเลยว่า ไม่อยากมีเรื่อง เราต้องขอบคุณที่เข้ามาในวันแรก และน้องผู้หญิงที่มาชี้แจงว่าเขาได้รับรองเท้ามาจากไหน แล้วก็มีรูปการซื้อขาย อันนี้จะให้ตำรวจเป็นคนจัดการแทน เรากลัวว่ามันจะไปยุ่งกับรูปคดี

นอกจากรองเท้ามีอะไรหายอีกบ้าง?
แจง : บ้านหลังนั้นไม่ค่อยมีอะไรค่ะ ไม่มีใครอยู่แล้ว มีคนถามทำไมไม่ติดกล้องวงจรปิด คือถ้าจะติดแจงต้องติดไวไฟต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก แล้วบ้านหลังนั้นกะไม่ให้ใครอยู่จริงๆ มิเตอร์น้ำก็โดนยึดไปแล้ว แจงคิดว่าไม่มีใครสามารถอยู่ได้อ่ะ แต่เขาอยู่ได้ แล้วแจงก็แจ้งทาง รปภ.ของทางหมู่บ้านตามคำแนะนำของคุณตำรวจ คือส่งรูป ชื่อ ใบหมายจับ ให้เรียบร้อยแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องกันแต่ตอนนี้มีคดีเกิดขึ้น ก็รบกวนทางหมู่บ้านปละ รปภ.ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและแจ้งกลับมา
แจ๊ส : และล่าสุดที่ผมคุยกับเขาทะเลาะกับเขาอยู่ เพื่อนๆ เขามาโพสต์รูปปืน ถ้าผมเป็นอะไรคือเขา ตอนนี้ผมไม่ยอมจริงๆ แต่ผมจะไม่ทำก่อนนะ ถ้าคุณทำอะไรพวกผมก่อนก็ตามนั้น

คิดว่าเขาจะไปถึงจุดนั้นไหม?
แจ๊ส : ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมแค่บอกว่า ตอนนี้ทุกคนรู้แล้ว นั่นแหละ
แจง : เขาก็มีรูปปืน แต่เมื่อเช้าเข้าไปดูเขาก็รีบไปลบนะ เอาง่ายๆ ในเฟซบุ๊กเขาอ่ะ มีแต่ขู่
แจ๊ส : แต่ตอนนี้เราก็เก็บหลักฐานหมดแล้วนะ รู้หมดแล้วว่าใครคนไหน ตอนนี้ผมตั้งรับเต็มระบบเหมือนกันเพราะว่าผมอยู่ในแสง ผมไม่ได้อยู่ที่มืดไง

เขาขู่อะไรบ้างที่เรารับรู้ ณ ตอนนี้?
แจง : ไม่รู้นะ เอาจริงๆ แจงอ่านใจเขาไม่ถูกเลย อย่างเช่นเมื่อวานแจงขึ้นไลฟ์ด้วยกันเขาก็คงน่าจะตกใจพอสมควรเพราะแจงไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เอาง่ายๆ ทุกวันนี้ที่แจงเงียบแจงห่วงแจ๊สคนเดียว ห่วงครอบครัวอย่างเดียว อดทนทุกอย่างเพื่อไม่ให้เขาเสียหาย แล้วเขาเสียหายเรื่องเกิดจากญาติพี่น้องเราอ่ะ เรายิ่งทุกข์นะ แจงทุกข์มากนะทุกคนแจงบอกเลย ว่าการที่ออกมาไปไม่ใช่ว่ามีความสุขอ่ะ คือเราวางแผนเราต้องทำยังไง เราต้องคุยกับตำรวจยังไง เรื่องไปถึงไหน ตอนนี้คดีไปถึงไหนแล้ว คือตามเองทุกอย่างเพื่อให้มันจบ เขาบอกว่ามาแกล้งเขามานัดเจอเขาตอนที่เขามีหมายจับ แจงถามคำเดียวเมื่อวานที่ 29 ตอน 11 โมงพวกแจงไปถึงหน้าบ้านถ้าคุณไม่ผิดคุณหนีทำไม ตอนนั้นยังไม่มีหมายจับด้วยซ้ำ
แจ๊ส : เขาอยู่ไหนแค่นั้นเองตอนนี้

เขามีอาการทางจิตไหม?
แจง : แจงว่าไม่น่านะ เพราะแจงกับน้องชายตอนนั้นที่เขาออกมาจากทัณฑสถานก็ให้น้องชายเป็นคนพาไป ที่โรงพยาบาลรามคำแหง หมอก็บอกว่าเขาปกตินะ

เคยคุยกับเขามั้ยว่าเขาอยากได้อะไรบ้าง?

แจง : เคยคุยจนไม่รู้จะคุยอะไร คุยแต่เรื่องเดิมๆ เรื่องแบบนี้วนอยู่อย่างนั้น เอาจริงๆ คนเราอ่ะ มันมีอดีตทุกคน แล้วยังไงต่อ ถ้าคุณไม่มูฟออนแล้วมาบอกว่าที่หมั่นไส้แจงเพราะว่าแจงไม่เข้าข้าง แจงจะเข้าข้างคนผิดได้ยังไง ในเมื่อมันผิด มันผิดก็คือผิด แล้วแจงต้องไปอยู่ข้างล่างกับเขาเหรอ ในเมื่อแจงเดินไปข้างหน้าแล้ว แล้วจะมีกี่คนที่มีเงินใช้ มีรถใช้ มีคนใช้หนี้ให้ มีบ้านให้อยู่ ค่าน้ำค่าไฟมีกี่คน

แจ๊ส : พูดไปก็เหมือนลำเลิกบุญคุณ

แจง : ใช่ มันไม่ดีไง เราเลยไม่อยากพูด แต่วันนี้มันไม่ไหวแล้ว มันไม่ไหวจริงๆ ไม่ต้องขู่ ไม่กลัว เพราะถ้าเรามัวแต่กลัวก็อยู่แต่ในจุดตรงนั้น เราออกมาไม่ได้เลย แต่วันนี้แจงพร้อมมาก คือ แมนๆ คุยกันเลยดีกว่า มาเลยมาคุยกัน

คนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไรกัน?

แจง : ก็ยังเป็นคำถามอยู่เนี่ย

แจ๊ส : ผมสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในนี้นะ ถ้าผมพูดไม่จริง ขอให้ชีวิตผมฉิบหายเลย เมียผมไม่ได้ผิดอะไรกับเขาแม้แต่นิดเดียว ครอบครัวไม่มีใครผิดอะไรกับเขาเลย ช่วยมาตลอด จากที่แจงเล่าให้ผมฟัง เดี๋ยวจะหาว่ามาทีหลังแล้วมาพูด น้ำลาย เมียผมไม่ได้ผิด พวกผมไม่ได้ผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ และผมไม่มีจุดอะไรด่างพร้อยกับตัวเขาด้วย แต่ใครอยากจะเชื่อก็เชื่อ แล้วแต่เลย

มันกระทบกับแจ๊สเรื่องงานมั้ย?

แจ๊ส : คนเราอยู่วงการบันเทิง รู้อยู่แล้วผมไม่พูดหยาบคายขึ้นไลฟ์กับเขา แจงก็ห้ามผมตั้งหลายครั้ง พี่ๆ ก็พร้อมจะช่วยทุกคน เราก็ต่างคนต่างห้ามกัน ถ้าพูดหยาบออกลูกนักเลง งานก็เสีย เพราะเราอยู่ในแสงสว่าง ก็อย่างที่บอกว่าอย่าไปให้ค่าเพราะเราอยู่ในแสง ก็ถูก แต่บางทีมันไม่ไหวนะ มันเป็นมานานแล้ว มันพาครอบครัวเดือดร้อน ต้องไปหาตำรวจ

ตอนนี้โดนยกเลิกงานหรือแคนเซิลงานมั้ย?

แจง : ไม่มีค่ะ แจงก็ยังเชื่อว่า แจงขอบคุณลูกค้ามากๆ ที่เชื่อในตัวเราและเข้าใจในตัวเรา 2 คน เราไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน เราทำงานให้ทุกคนเต็มที่ เรามาจุดนี้ได้ด้วยความสามารถและโอกาส เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่มี 2 อย่างนี้ เรามาถึงจุดนี้ไม่ได้แน่นอน เราไม่คิดจะทิ้ง 2 นี้อยู่แล้ว ขอบคุณลูกค้าที่เข้าใจ

แจ๊ส : ก็ขอบคุณพี่ๆ ที่อยู่ข้างหลังด้วย ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยว่าผมจะเป็นอะไรมั้ย ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนด้วย

อยากให้เรื่องมันจบยังไง?

แจง : ไม่ แจงไม่มีอะไรเลย แจงถึงบอกว่า ก็ไม่มา

แจ๊ส : ตอนนี้อยู่ที่เขาเลย เอาทีละอย่าง อันนี้หมายจับ หมายจับมาแล้ว ก็เคลียร์เรื่องจับกันก่อน ถ้าจับแล้ว คุณจะสู้คดีก็สู้ไป สิทธิของคุณ ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อน ส่วนถ้าติดใจข้องใจหรืออยากจะสัมภาษณ์ต่อหน้า ก็อีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้มันรวมหลายเรื่อง มันอยู่ที่เขา เขาจะกระตุกแบบไหน ทีละขั้นตอนค่อยๆ ไป แต่อันนี้เอานี่ก่อน

แจง : เขาน่าจะไม่กลัวเข้าคุกมั้ย เพราะเขาก็เข้าๆ ออกๆ มาหลายรอบแล้ว

กลัวว่าเขาจะลามมาที่ครอบครัวเรามั้ย?

แจง : มาแล้วค่ะ มาแล้ว และแจงก็ไม่เข้าใจโซเชียลเท่าไหร่ การที่แจงไม่มาพูดไม่ใช่ว่าแจงยอมรับความจริงทั้งหมดค่ะ

ตำรวจยังจับตัวเขาไม่ได้?

แจง : ก็ยังจับไม่ได้ ก็ยังนั่งไลฟ์สดอยู่

มีอะไรมาช่วยป้องกันเรามั้ย?

แจง : เอาจริงๆ แบบแค่ทีมงานเรา เขารู้อยู่แล้วว่าเขาต้องดูแลพี่แจ๊สอย่างเต็มที่ เวลาเราไปเล่นร้านเหล่าก็จะมีการ์ดช่วยดูอยู่แล้ว เพราะว่าค่อนข้างดังพอสมควรนะ คนนั้น

เราหวาดระแวงกับการใช้ชีวิตมั้ย?

แจง : แต่ก่อน เมื่อ 2-3 เดือน มี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลัวทำไม รายละเอียดแจงบอกไม่ได้ ต้องลองให้พี่ตำรวจเป็นคนให้รายละเอียดดีกว่า ก็มาคุยกัน ถ้าไม่ผิดก็มาแก้ต่างให้ตัวเองสิ ไม่จำเป็นต้องหนีเลย

เจอหน้ากันได้?

แจง : อันนี้ตอบไม่ได้เหมือนกัน สำหรับแจงนะ คนมันสุดแล้วอ่ะ แจงยังคิดว่าโอเคถ้าทำดีไม่ได้ดี ก็ไม่ทำกับคนนี้นะ กับคนอื่นแจงก็ทำอยู่

แจ๊ส : ตั้งแต่ตอนโกรธแจง ตอนไลฟ์ด่า ผมไปเกี่ยวอะไรด้วย ก็มาโกรธผม เอาปืนมาวางตรงโลโก้วง แต่ก็ลบไปแล้วนะ บอกว่าได้เปลี่ยนนักร้องแน่ ผมก็งงว่าไปทำอะไรให้ ไม่เข้าใจ ผิดอะไร ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวกับผมเลย

แจง : ยังมีอยู่ แต่แจงมีหลักฐาน แล้วแจงอยากถาม เงินทั้งหมด ถ้าแจงไม่มีแจ๊ส ใคร แจงต้องทำอะไรถึงจะเอาเงินไปใช้หนี้ให้เขาได้ แล้วคนนี้ คือคนที่ทำมาหากินอยู่คนเดียว นอกจากไม่เห็นใจแล้วยังทำลายมันควรจะยืนอยู่บนสังคมนี้มัน แจงขอถามแค่นี้ เอาแค่วันนี้ แจงอยากขอบคุณแจ๊สและขอโทษแจ๊สแค่คนเดียว (ร้องไห้) ไม่ได้ร้องเพราะอะไรนะ ร้องเพราะความแค้น มันแค้นจริงๆ

ถ้าฝั่งนั้นไม่กล้ามาสู้หน้าเรา เราจะมีตัวกลางมั้ย?
แจง : “ก็ให้ตำรวจจัดการอย่างเดียวเลยค่ะ ต่อไปนี้คือตัดขาด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น และบ้านที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ปัจจุบัน ซึ่งแจงแจ้งขายเอาไว้ในหมู่บ้านอยู่แล้ว และแจงขายในราคาถูกด้วย ตอนนี้มีคนติดต่อเข้ามาเรียบร้อยแล้ว ก็กำลังซ่อมบ้านและทำเรื่องซื้อขาย ตัดขาดไปเลยจบ จริงๆ บ้านหลังนี้ใครไม่มีที่อยู่ แจงจะให้อยู่ ตั้งแต่เด็กวง ใครไม่มีที่อยู่มาอยู่ที่นั่นได้เลย จนทุกคนแยกย้ายไปมีชีวิต ก็แยกย้ายกันออกไป แต่ถ้ามีแล้วมีปัญหาก็ไม่ต้องมี“

เรื่องที่แจ๊สไปฉี่ใส่กระเป๋าแจง?
แจ๊ส : ”ไม่รู้ตัวจริงๆ“

แจง : “ไม่อยากจะเมาธ์ คืนนั้นเราก็เครียดมากว่าจะเอายังไงกับชีวิต ก็เลยโมโหกินยานอนหลับนอนซะเลย ตื่นเช้ามาเขาทำท่าแบบไม่รู้เรื่อง แล้วมาบอกว่า แจงๆ กระเป๋าแจงเปียกหมดเลย เราก็งงว่าเปียกได้ไงวะ เราก็รีบเอากระเป๋าออกไปนอกระเบียงเพื่อเทออก แล้วน้ำเต็มเลย และน้ำที่เทออกมามันเป็นสีเหลือง (หัวเราะ) คือแจ๊สชอบละเมอฉี่หลายรอบแล้ว”

แจ๊ส : “ไม่รู้ตัวจริงๆ ก็เอะใจว่ามันเป็นไปได้ยังไง คือน้ำตรงส่วนอื่นมันไม่มีเลย คงเล็งที่กระเป๋าอย่างเดียวเลย ไม่รู้จริงๆ เมาจนจำอะไรไม่ได้เลย ตื่นมาเราก็พยายามเถียงนะ แต่มันก็เยี่ยวนั่นแหละ ไม่รู้ด้วยว่ากระเป๋าใบละเท่าไหร่ แต่เขาพูดว่าใบนี้เขาอยากได้มาก”

แจง : “ไม่ขอบอกราคาแล้วกันค่ะ (หัวเราะ) แต่มันหาไม่ได้ แจงกำลังจะเก็บคอลเล็กชั่นนี้ เพราะเวลาไปเมืองนอกก็จะถามว่ายังมีอยู่มั้ย เขาก็จะบอกว่า sold out แล้ว มันไม่มีแล้ว เราก็คือหมดทุกอย่าง ขนาดเขาเพิ่งอวยพรนะว่าขอให้สิ่งไม่ดีหายไป เหลือเขาไว้แค่คนเดียว (หัวเราะ) แต่เราก็โกรธลงนะ ไม่เป็นไร เราก็จะได้มีเหตุผลว่าขอใบใหม่นะ (หัวเราะ)”

สรุปแจ้งข้อหาอะไรไปบ้าง?
แจง : ”ก็น่าจะเป็นลักทรัพย์ในเคหสถานค่ะ“

แจ๊ส : ”แล้วมีเป็นทอดๆ ไปอีกนะ คนที่มาขายไล่จากเขาไปอีก ตำรวจบอกว่ายังเป็นความลับทางราชการ แต่ตอนนี้เขากำลังดำเนินคดีทีละคนแล้ว”

แจ๊ส : “แต่เขาลงว่าเขายังอยู่ในทะเบียนบ้าน”

แจง : “อันนี้มันเป็นข้อนึง แจงก็ถามไปที่สำนักงานเขตว่าทำยังไงถึงจะเอาชื่อเขาออกไปจากทะเบียนบ้าน เพราะว่าเขาก่อเหตุแบบนี้ ทางสำนักงานเขตก็แจ้งว่า คือบ้านหลังนั้นเราไม่ได้อยู่ เราก็ไม่ได้ไปเป็นเจ้าบ้าน แต่ตอนนี้ย้ายคนมาเป็นเจ้าบ้านเรียบร้อยแล้ว อีก 6 เดือนมันจะเด้งออกไปเอง“

โทษร้ายแรงขนาดไหน?
แจง : ”น่าจะประมาณมากกว่า 3 ปีหรือเปล่า“

แจ๊ส : ”ไม่รู้เหมือนกัน ก็ทีละสเต็ป ให้เขาเคลียร์อันนี้ของผมก่อน หรือถ้าเขาออกมาจะอะไรยังไง แต่ก็ยังยืนยันว่าตั้งแต่วันนี้ตลอดไป ผมไม่ค่อยมีโจทก์กับใครนะ ผมมีกับเขาคนเดียวที่แล้วกันจบ เขาแค่คนเดียว“

หลักๆ แค่ข้อหาลักทรัพย์อย่างเดียวใช่มั้ย?
แจง : ”ลักทรัพย์ ข่มขู่ และที่ยังอยู่ที่ สน.ลาดพร้าว ก็จะเป็นหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้าเกิดเขาไลฟ์แล้วพูดอีก แจงก็ไปแจ้งอีก ก็นับเป็นกรรมๆ ไป เขาพูดกี่ครั้งแจงก็เซฟไว้แล้วก็แจ้งความ“

กลัวมั้ยว่าเขาจะไม่เข็ด?
แจง : “ก็เพราะเขาคิดแบบนี้ไง”

แจ๊ส : “ก็บอกแล้วไงว่าก็เท่าเทียมนะ คุณมาลูกไหนก็ลูกนั้น แต่มันไม่ได้เป็นการแก้แค้นนะ แต่มายังไงก็ยังงั้น แค่นั้นเอง”

แจง : “ก็ให้รู้ว่าเราไม่กลัวแล้ว และเราก็ไม่กลัวว่าชื่อเสียงเราจะเสีย เพราะถ้าคนแบบนี้ ถ้าเสียแล้วจะไม่มีงาน ก็แค่ต้องยอมรับกับมัน แต่ว่าเรื่องลูกเรื่องอะไรตอนที่เขาไลฟ์ แจงแค่รู้สึกว่าการที่เราจะใช้โซเชียล เราควรใช้มันอย่างมีสติ อย่างเช่นเขาพูดเรื่องลูกของแจง และเราก็เห็นคอมเมนต์นึงที่บอกว่าเราเล่าเรื่องแตงโมต่อเลยค่ะ เฮ้ย มันเป็นแบบนี้แล้ว เราเลยคิดว่าถ้าเกิดคุณใช้โซเชียลไม่เป็น แล้วถ้าเราฟ้องหรืออะไรแบบนี้คุณก็อย่าโกรธเรา ว่าเราพูดถึงไม่ได้ พูดอะไรไม่ได้ แต่ถ้าพูดในทางที่ดีหรือพูดในความจริงเรายอมรับได้ เราไม่เคยโกรธ ไม่เคยฟ้องใครเลย เพราะมันเสียเวลา แค่อยากจะแนะนำว่าใช้โซเชียลกันอย่างมีสติค่ะ”

รองเท้าที่หายไปมีกี่คู่?
แจง : ”เอาคร่าวๆ ที่เรารู้มาคือ 5 คู่ก่อน ตอนนี้ได้คืนมา 1 คู่ค่ะ แต่การที่นำออกมาขายน่าจะประมาณ 5 คู่“

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image