ส้มเช้ง เล่าปรับตัวเลี้ยงลูกยุคใหม่ ถูก ‘ลูกสาว’ เรียกปรับทัศนคติ เคลียร์ใจทั้งน้ำตา
เป็นอีกหนึ่งคนใหม่สายสตรองที่เลี้ยงลูกสาวด้วยลำแข้งตัวเองจนประสบความสำเร็จ สำหรับตลกหญิงอารมณ์ดี ส้มเช้ง สามช่า หลังดันสองลูกสาว หยก-คิม เป็นดาวเด่นในโลกโซเชียลมีเอฟซีตามติดชีวิตมากมาย งานนี้ใช่ว่าการเลี้ยงลูกสาววัยเจนZ จะเป็นเรื่องง่ายๆ
ส้มเช้ง ต้องผ่านทุกเรื่องราวดราม่า และ การปรับจูนเพื่อเข้ากับลูกๆที่มาพร้อมปัญหามากมาย ล่าสุดพร้อมเล่าวิธีเผชิญปัญหาการเลี้ยงลูกผ่านรายการ โต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกรตัวแม่ หนูแหม่ม สุริวิภา ที่ครั้งนึงเคยเจอสองลูกสาวสุดสวย “หยก-คิม” เรียกแม่มาปรับทัศนคติจนบ่อน้ำตาแตกเลยทีเดียว
ทั้งสามคนสนิทกันจนสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง?
หยก : “จริงๆกับแม่เองเคยเป็นคนที่แบบว่าหนูกับน้องไม่อยากคุยด้วย มันจะมีช่วงก่อนหน้านี้หนูไม่คุยด้วยเลย เป็นช่วงที่หนูกำลังเริ่มเป็นวัยรุ่น และแม่ก็ยังไม่ได้ปรับตัว มันเกิดการปรับตัวกันครั้งใหญ่มานั่งคุยกัน เปิดใจน้ำตาไหลร้องไห้กันสุดๆ หนูก็พูดบอกเขาว่าหนูถึงวัยที่มีวุฒิภาวะแล้ว และบรรลุนิติภาวะแล้วแม่ควรเคารพการตัดสินใจหนูด้วย เคารพความคิดหนูด้วย เคารพความคิดน้องด้วย แล้วก็เคารพความคิดแม่ด้วย แต่ทุกคนต้องมาคุยกันหาตรงกลาง”
ในวันที่คุยกันไม่รู้เรื่องปัญหาเกิดมาจากอะไร?
หยก : “จริงๆมันเป็นเรื่อง เหมือนเรื่องจุกจิกเลยค่ะ เรื่องความต้องการของหนู เรื่องความต้องการของน้อง แล้วแม่เค้าก็มีความเป็นหัวโบราณอยากให้ลูกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มีความคาดหวังเล็กๆอะไรแบบนี้ ซึ่งวันนั้นก็เปิดใจคุยกันว่าหนูไม่สามารถเป็นเวอร์ชั่นนั้นที่แม่ต้องการได้ เพราะหนูมีความเป็นตัวของตัวเองสูงด้วยกันทั้งคู่เลย”
คุณแม่เลี้ยงเด็กๆยังไงให้ลูกออกมามีความเป็นตัวของตัวเองสูงขนาดนี้?
ส้มเช้ง : “เลี้ยงแบบบุฟเฟต์ค่ะ (หัวเราะ) ส้มว่าส้มก็เลี้ยงแบบแม่ทั่วๆไป ให้ความรักเขาเต็มร้อย แล้วเค้าไม่มีพ่ออะไรที่เราทดแทนได้เราก็จะทดแทนให้ ก็อย่างที่ลูกบอกส้มเองก็ยังมีความที่เป็นความเป็นคนหัวโบราณ เพราะเราโตมาแบบยุคของเรา สมัยนั้นผู้ชายมาจีบมันไม่เหมือนยุคนี้ปัจจุบันเดี๋ยวนี้ผู้ชายเจอก็ขอไลน์หน่อย สมัยก่อนได้แค่ผ่านหน้าบ้านสบตามองกันนิดหน่อยแค่นั้นเอง
ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดพอเรามีลูกปุ๊บ ภาพในหัวของเรามองเห็นลูกอยากให้เป็นเหมือนเราสมัยก่อน แต่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว พอเรามาคุยกัน พอได้คุยกันอัดยูทูปได้เปิดใจกันมันก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง อะไรที่เราแรงไปเราก็ต้องขอโทษ”
คิม : “วันนั้นนับถือใจแม่มากค่ะ ที่แม่เป็นคนพูดขอโทษคนแรก มันเลยเป็นการปลดล็อคของทั้ง3คน”
หยก : “เป็นการคุยกันแบบประชาธิปไตย ถ้าอยากคุยกันได้ทุกเรื่อง ต้องรับฟังกันได้ทุกเรื่อง”
