‘เคมีปีศาจ’ อิงฟ้า-เจฟ การฟาดฟันสุดดุเดือดใน “วิมานหนาม” แรงทะลุ 150 ล้าน

‘เคมีปีศาจ’ อิงฟ้า-เจฟ การฟาดฟันสุดดุเดือดใน “วิมานหนาม” แรงทะลุ 150 ล้าน

ทำรายได้ไปกว่า 150 ล้านแล้ว สำหรับ ภาพยนตร์ “วิมานหนาม” นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ยกระดับมาตรฐานของวงการหนังไทย ที่ได้ศิลปินมากความสามารถอย่าง เจฟ ซาเตอร์ และนางงามมหาชน อิงฟ้า วราหะ มาร่วมถ่ายทอดบทบาทกันอย่างเชือดเฉือน พร้อมตีแผ่ประเด็นเรื่องของความเท่าเทียม โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากความไม่เท่าเทียมในสังคมไทย

สิ่งที่หนึ่งที่ผู้ชมชื่นชมเป็นเสียงเดียวกันคือการต้องฟาดฟันแย่งชิงกัน ของ ทองคำ ที่รับบทโดย เจฟ และ โหม๋ แสดงโดย อิงฟ้า เรียกว่าเป็นซีนดุเดือดสุดๆ เลยทีเดียว แถมกลายเป็น ‘เคมีปีศาจ’ ของทั้งคู่ไปแล้ว

โดยอิงฟ้าเผยว่า ตอนแรกยังไม่กล้าคุยกับเจฟ เพราะเราไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน ด้วยความที่เจฟจะมีอารมณ์ของศิลปิน ซึ่งเราเองก็มีเช่นเดียวกัน แต่เขาจะออกไปคล้ายอินโทรเวิร์ตนิดนึง จะเงียบๆ หน่อย เราเลยไม่รู้ว่าจะเข้าหาเขาอย่างไรดีในการร่วมงานกันเพื่อหาจุดตรงกลาง

Advertisement

“แต่พอเราได้ละลายพฤติกรรมผ่านการเวิร์กช็อปไป ก็ได้รู้ว่าเขาก็เป็นคนบ้าคนหนึ่งเหมือนกัน เคมีในห้องที่มวนไปด้วยความเดือดมากๆ ก็เลยรู้สึกว่าคนนี้แหละที่มาเล่นปะทะอารมณ์กับเราในเรื่อง แล้วมันต้องสนุกมากๆ”

“เรียกได้ว่าเป็นเคมีปีศาจมากกว่า”

Advertisement

ด้านเจฟ ก็ได้พูดถึงอิงฟ้าว่า รู้ว่าเขาเป็นคนเก่ง ทั้งในพาร์ตการร้องเพลง พาร์ตงานแสดงที่เราได้เห็นผลงานเขามาบ้าง และพาร์ตนางงาม แต่เมื่อมาเจอกันจริงๆ กลายเป็นว่าอิงฟ้าทิ้งเรื่องเหล่านั้นไว้ข้างหลัง แล้วเอาความเป็นนักแสดงออกมา แล้วเราละลายพฤติกรรม และคุยกันแบบมนุษย์ปุถุชนที่คุยกัน ซึ่งในฐานะนักแสดงเราก็คุยกันว่า เราจะทำสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ดีอย่างไร

“อย่างซีนที่ต้องเล่นกับอิงฟ้า เป็นซีนที่ต้องใช้อารมณ์กันเยอะมาก ซึ่งมันต้องใช้ความเชื่อใจกันมาก ว่าเราจะส่งกันอย่างไร บางทีอิงฟ้าก็ขอให้เราด่าเขาแรงๆ หน่อย และให้พาเราไป ด้วยความที่เชื่อว่าเราอุ่นใจที่มีเขาอยู่”

กับสิ่งที่ผู้ใหญ่ให้ความเชื่อมั่นในตัวหนังและความสามารถของทั้งคู่ อิงฟ้าก็ว่า “มีความรู้สึกภูมิใจมากกว่า เพราะอย่างน้อยด่านแรกที่เราทำไป ก่อนที่จะไปถึงคนดูก็ต้องเป็นผู้จัดและผู้สร้าง และเขารู้สึกได้ว่าเราทุกคนตั้งใจ“

”และสิ่งที่มันกำลังจะเกิดตามหลังมา คิดว่ามันคุ้มทั้งคนดู และคุ้มทั้งเราที่ตั้งใจ เพราะกว่าจะออกมาเป็นวิมานหนามได้มันผ่านอุปสรรคที่หลายขั้นตอน พอทุกอย่างมันสำเร็จแล้วรวมกัน และออกมาได้ดีขนาดนี้ ก็รู้สึกภูมิใจ และดีใจที่ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านรวมไปถึงทาง GDH ที่ชื่นชอบ“

ขณะที่ เจฟก็บอกว่า “รู้สึกดีใจมากกว่ากดดัน เพราะนั่นหมายความว่าเขาดูหนังแล้ว และมันดีในตรงนั้นแล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ว่าจะทำเพลง ถ้าคนรับรู้ว่ามันดี ก็ถือว่าจบแล้ว แม้ว่าสุดท้ายมันออกไปแล้ว ทุกคนมีรสนิยมการดูไม่เหมือนกัน ถ้ามันดีสำหรับ 1 คน ผมก็ถือว่าคอมพลีตแล้วในหน้าที่การงาน และยิ่งเป็นทีมงานที่เขาดูโปรเจ็กต์นี้มาตั้งแต่แรก ผมก็รู้สึกว่าเป็นเกียรติที่เขาชื่นชมแล้วก็อยากจะอวดผลงานชิ้นนี้

กับภาพยนตร์เรื่อง “วิมานหนาม” ยังสามารถรับชมกันได้ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image