ผู้เขียน | น้ำแข็งเปล่า |
---|
หลายคนคงคุ้นเคยกับการ์ตูนเรื่องดัง Beauty and the Beast หรือ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ที่เคยฉายให้ชมไปเมื่อปี 1991 กันไม่มากก็น้อย ล่าสุด บิล คอนดอน นำกลับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง เนรมิตรเหล่าตัวละครให้มีชีวิตในเวอร์ชั่นคนแสดง โดยได้ เอ็มม่า วัตสัน รับบท เบลล์ และ แดน สตีเวนส์ เป็น เจ้าชายอสูร
โดยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสกลางทศวรรษที่
ทั้งสองคนจึงต้องใช้ชีวิตร่วมกัน เรียนรู้ตัวตนที่แท้จริง เพื่อสร้างความรัก และทำลายคำสาปก่อนกุหลาบกลีบสุดท้ายจะร่วงโรยไป
หนังยังคงเคารพต้นฉบับ ด้วยการเล่าเรื่องแบบเดียวกับเวอร์ชั่นการ์ตูน โดยใช้วิธีการนำเสนอแบบมิวสิคัล ซึ่งเชื่อว่าใครที่เคยประทับใจกับเวอร์ชั่นก่อนจะยิ่งอินกับเวอร์ชั่นปัจจุบันเป็นอย่างมาก จนเรียกว่าต้องมนต์สะกด ไปกับภาพสุดงดงามตระการตา ราวกับอยู่ในโลกเทพนิยาย
ด้านฉาก เสื้อผ้า หน้า ผม มีความปราณีตบรรจง เพราะนอกจากจะถอดรายละเอียดต่างๆ มาจากการ์ตูนได้เป๊ะ ยังมีความสอดคล้องกับยุคสมัยที่อ้างอิง ทำให้นี่ไม่ใช่แค่โลกเทพนิยายที่ไร้กาลเวลา
ขณะที่บทเพลงซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของภาพยนตร์ ก็มีความไพเราะเป็นอย่างมาก ทุกจังหวะและทุกท่วงทำนองชวนให้เคลิบเคลิ้มไปกับเรื่องราว ทั้งยังช่วยเสริมอรรถรสในการชมให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น จนรู้สึกอยากลุกขึ้นมาเต้นไปกับเหล่าตัวละครที่กำลังร่ายรำ
นอกจากความเพลิดเพลินชวนฝันแล้ว Beauty and the Beast ยังคงแฝงไปด้วยข้อคิดดีๆ อีกมากมาย โดยใจความสำคัญคือ “การอย่าตัดสินคนแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก” เพราะสิ่งที่เราเห็นด้วยตาแม้ว่าจะถูกแต่งแต้มให้สวยงามเพียงใด สุดท้ายก็เป็นเพียงเปลือกที่ห่อหุ้มคนคนหนึ่งเอาไว้ แต่สิ่งที่ทำให้คนงดงามที่สุดคือความดีในจิตใจที่ไม่มีวันถูกทำลาย
มากกว่านั้น ยังสอดแทรกค่านิยมเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ โดยการปรับลุคให้ “เบลล์” เป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง มีความคิดเป็นของตัวเอง และรู้จักเอาตัวรอด เพื่อลบล้างความเชื่อสมัยก่อนที่มองว่าผู้หญิงไม่สามารถพึ่งพาตัวเอง หรือเป็นผู้นำได้
ซึ่งการแสดงของ เอ็มม่า ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและน่าประทับใจ ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะชวนฟัง และการสื่อสารทางแววตาที่ทำให้เชื่อว่าเธอคือ “เบลล์” จริงๆ เรียกว่าสลัดภาพของแม่มดน้อย “เฮอร์ไมโอนี่” ออกไปได้อย่างหมดจด
แม้ว่าจะไม่ใช่สาวกดิสนีย์หรือแฟนการ์ตูน ก็สามารถเพลิดเพลินกับภาพยนตร์คุณภาพเรื่องนี้ได้ บางทีคุณอาจหลงรักเจ้าชายอสูรโดยไม่รู้ตัว!