พูดกันมานานเป็นสิบๆปีว่าปัญหาหนึ่งของวงการหนังบ้านเรา คือขาดแคลนคนเขียนบท ซึ่งที่ผ่านมาหลายๆหน่วยงานก็พยายามแก้ไข แต่สุดท้ายแล้ว ปัญหาก็ยังเป็นปัญหา และเราก็ยังขาดแคลนคนเขียนบทเหมือนเดิม
ล่าสุด ปรัชญา ปิ่นแก้ว เลยเปิดโครงการ “เข็นบทขึ้นภูเขา” เปิดสอนเขียนบทฟรีแก่ผู้สนใจ
“ต้องการสร้างคนเขียนบทฮะ” ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และคนเขียนบทภาพยนตร์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีส่งเสียงมาตามสาย
“แล้วก็คิดไปว่าถ้าเราจัดแบบให้เสียตังค์ปั๊บ จะกลายเป็นบางคนอาจจะไม่คิดเสียเงินมา เลยเปิดกว้าง อยากเรียนมาเลย เรื่องเงิน ยกออก ไม่เอา”
โชคดีที่ในส่วนสถานที่จัดงานตลอด 12 ครั้ง 12 สัปดาห์ ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใจดี ขณะที่ในส่วนการสอนเขาก็เหมา สอนให้
“สอนเองเลยไม่เคยิดอะไร”บอกตามตรง
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากจัดอีกก็คิดๆอยู่ว่าจะหาสปอนเซอร์ เพื่อจะได้ให้ผลตอบแทนแก่คนอื่นๆที่เขาเชิญมาเข้าร่วม
ที่ผ่านมา การเรียนการสอนส่วนใหญ่ของงานเขียนนั้น มักจัดกันเป็นคอร์ส จบแล้วก็จบกัน แต่ครั้งนี้เขาตั้งใจจะสานต่อให้คนที่มีแววดีได้เข้ามาทำงานในวงการจริงๆ ดังนั้นหลังจากรอบแรกที่คัดไว้ 40 คน เมื่อเรียนไปได้สักพักก็จะคัดให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่ง เพื่อสอนแบบเน้นๆ เฟ้นกันมากๆ
“เพราะว่าวงการมันขาดจริงๆ ส่วนตัวผม ผมทำปีนึงเรื่องหนึ่งก็เก่งแล้ว แต่โดยรวมเราต้องการมากกว่านั้น ถ้าเขาทำได้เขาก็จะสามารถเขียนให้โดยไม่สังกีดค่ายไหน ทุกคนอิสระ ทำกับใครก็ได้ ผมแค่อยากเพิ่มบุคลากรให้วงการ อยากได้นักเขียนเก่งๆมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ที่เก่งมากๆ มีไม่ถึง 10 คน แล้วส่วนใหญ่อยู่ที่จีดีเอช ซึ่งมันไม่พอ”
เขายังแสดงความเห็นถึงเรื่องที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้จะมีการอบรมลักษณะนี้หลายครั้ง แต่คนเขียนบทก็ยังไม่เพิ่มขึ้นในระดับน่าพอใจว่า เอาเข้าจริงคนฟันธงชัดๆไม่ได้
“ไม่รู้เพระาอะไร เราไม่ถนัดกันหรือเปล่า เพราะจริงๆคนก่งๆเรามี แต่ทำไมมันน้อยจัง หรือมันน่าจะต้องเปลี่ยน ‘วันแมน โชว์’ เขียนคนเดียวอาจจะไม่ได้แล้ว ก็จะเน้นเป็นกรุ๊ป ให้เขาทำงานเป็นกรุ๊ป ซึ่งผมก็อยากจะทดลองอยู่ เป็นการระดมสมอง ซึ่้งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ไหม เพราะมันต้องอยู่ที่คนมาเรียนเอง”
“แต่มั่นใจในชุดวิชาที่มี เคล็ดลับที่ผมทำไว้ จากประสบการณ์ที่ผมรวบรวมมา ทั้งจากการทำงาน และการไปบรรยายบ่อย สอนบ่อย ก็คิดว่าตรงนี้มันใช่”
เป็นเคล็ดลับที่เขาซุ่มทำไว้โดยใช้ระยะเวลาเป็นปีๆ
“ที่ผ่านมาเวลาคนเชิญเราไปสอน ไปบรรยายบางทีมันมีเวลาแค่นั้น ไม่มาก หรือบางทีคนมาเรียน คุณสมบัติอาจจะยังไม่พอ”
หลักสูตรที่จัดขึ้นมานี้จึงมุ่งเน้นแก้ปัจจัยปัญหาทั้งหมด ทั้งการสอนที่จัดเตรียมเวลาไว้มากพอ ทั้งคนเรียนที่มีการคัดฝีมือก่อนเข้าคลาส ซึ่งเจ้าตัวว่าหลังจากอ่านงานที่ทุกคนส่งเข้ามาหมด มีที่ถูกใจ และคาดว่าน่าจะพัฒนาได้ดีไม่ถึง 10 คน
“ที่เหลือก็กลางๆ ซึ่งผมก็จะเอาไว้ 40 คน ซึ่งก็ไม่แน่ว่าจะเป็นยังไง อาจจะดีหมดเลยก็ได้ เพราะบางคนอาจจะยังจับทางไม่ถูก แต่พอมาเข้าคอร์สก็จับทางและไปได้”
ซึ่งหวังไว้สุดหัวใจ ว่าจะเป็นอย่างนั้น