‘พิมประภา’ รับนอยด์โดนขโมยกระเป๋ารอบ 2 ไม่แปลกถูกมองเป็นคอนเทนต์ แค่หวังเป็นประโยชน์ต่อคนดู

‘พิมประภา’ รับนอยด์โดนขโมยกระเป๋ารอบ 2 ไม่แปลกถูกมองเป็นคอนเทนต์ แค่หวังเป็นประโยชน์ต่อคนดู

หลังจากที่นางเอกสาว พิม พิมประภา ตั้งประภาพร ได้ออกมาโพสต์สตอรี่ไอจีว่าโดนขโมยกระเป๋า ขณะไปเที่ยวยุโรป ซึ่งก็ทำเอาเจ้าตัวรู้สึกเซ็งสุดๆ เพราะถือว่าเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เจ้าตัวโดนขโมยกระเป๋า ล่าสุด มีโอกาสเจอ สาวพิม ที่มาร่วมงานเปิดตัว Galaxy S25 series #HereAIamMusicFest ณ Amphitheatre, ONE BANGKOK ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า

“มันกลายเป็นภาพจำไปแล้วนะ ไม่อยากเป็นภาพจำเลย (หัวเราะ) เหมือนครั้งนี้เราพลาดแหละที่เราคิดว่ามันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยบนรถไฟ และอยู่ในพาร์ตที่เป็นชั้นเฟิร์สคลาสของรถไฟ เราก็คิดว่ามันปลอดภัยแล้ว เราก็วางกระเป๋าไว้ตรงจุดที่พนักงานเขาบอกให้เราวาง

อันนี้พิมต้องบอกว่ามีหลายๆ คนคอมเมนต์มาว่าทำไมวางกระเป๋าเอาไว้ไกลตัว ซึ่งพนักงานเขาเป็นคนมาพูดกับเราเองว่าขอวางไว้ข้างบนที่มันเป็นชั้นวาง ก็เลยทำให้ต้องวางห่างตัวไป แต่ความพลาดก็คือในกระเป๋านั้นมีพาสสปอร์ตของแฟนพิมอยู่ ก็เลยวุ่นวายเวลาโดนขโมยไป ก็ไปด้วยกันหมดเลย

ADVERTISMENT

กระเป๋าที่เอาไปมีกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ แล้วก็มีกระเป๋าใบใหญ่ที่เป็น carry on ใบนึง ซึ่งใบที่โดนขโมยไปก็คือ carry on ก็มารู้ตัวตอนที่เราจะไปหยิบ ก็อ้าวหายไปไหนใบนึง พิมคิดว่าเขาดูจังหวะตอนที่เราหลับ เพราะมันเป็นรถไฟยาวประมาณ 3-4 ชม. ก็มีเผลอหลับ พิมว่าช่วงนั้นเขาน่าจะเล็งไว้ พอหลับก็หยิบไปเลย แต่ก็ได้ติดต่อพนักงาน แล้วก็ทางบริษัทรถไฟ แล้วก็ไปติดต่อตำรวจ ซึ่งเราก็รู้อยู่ในใจว่ามันไม่ได้คืน เพราะขึ้นชื่ออยู่แล้ว หลายคนก็บอกว่าเวลาไปเที่ยวยุโรปต้องทำใจว่าเวลาของหายไม่มีทางได้คืน

ตอนแรกก็ยังมีความเข้าใจว่าผู้โดยสารท่านอื่นหยิบผิดไป แล้วพนักงานเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ เขาก็บอกว่าให้ไปแจ้งตำรวจ เราก็ไปสถานีตำรวจแล้วก็แจ้งความ ซึ่งตำรวจเองยังพูดเลยว่าไม่ได้คืนหรอก พิมก็รู้สึกว่าต้องกลับมาทำบุญแหละ(หัวเราะ) คือรอบนี้พิมเหมือนจะเป็นบ้า เพราะพิมระแวงตลอดเวลา ของเอาไว้กับตัวตลอดเวลา แต่อันที่หายเป็นของแฟนพิม แต่อันของพิมไม่ได้หาย พิมก็คอยระแวงระวัง ตะโกนคำว่าระวังนะเป็นพันรอบได้ในทริป เราก็ระวังระแวงตลอดเวลา แต่ก็พลาดจนได้ พิมก็ระมัดระวังแล้วนะ คือโจรใต้ดินที่มาขโมยอะไรเราก็มีนะ แต่เรารอด เพราะเราป้องกันตัวเอง แต่ทีนี้เราชะล่าใจตอนที่เราขึ้นรถไฟ แล้วเราคิดว่าตรงนั้นมันปลอดภัย ไม่น่ามีแขกคนอื่นเดินเข้ามาได้ในพาร์ตตรงนั้น มันก็มีแค่ผู้โดยสาร ก็ไม่ได้คิดว่าจะมาโดนขโมย เหมือนเรานั่งเครื่องบินใครจะไปคิดว่าจะมีคนมาเอาของจากที่วางบนหัวเราไป ก็ไม่ได้คิด ซึ่งอันนี้ก็พลาดจริง

ADVERTISMENT

แพลนทุกอย่างหลังจากนั้นก็แคนเซิลหมดเลย ทั้งทริปก็คือต้องทำเรื่องเอกสารพาสสปอร์ต เพราะตอนนั้นพิมอยู่มิลาน แต่ที่ต้องไปทำพาสสปอร์ตกงสุลเขาอยู่ที่โรม ก็ต้องนั่งรถไฟ 4 ชม. ไปโรม และกลับมามิลานเพื่อนั่งเครื่องกลับ ก็เสียเวลาไปเลย วันที่เหลือก็ไม่ได้ไปเที่ยว ต้องจัดการเรื่องเอกสาร จริงๆ ทริปนี้แพลนประมาณ 19 วัน แต่วันที่โดนก็เหลืออีก 4 วัน ก็คือไม่ได้เที่ยวแล้ว จัดการเรื่องเอกสาร แล้วมันก็นอยด์แล้ว ก็เลยไม่ได้ไปไหน แล้วในกระเป๋าใบนั้นมีกระเป๋าเครื่องสำอางพิมอยู่ด้วย ก็ไปหมดเลย กลายเป็นว่า 4 วันที่เหลือก็คือหน้าสด ไม่ได้มีความรู้สึกอารมณ์จะไปถ่ายรูปเล่นหรือไปเที่ยวไหนแล้ว มันนอยด์ไปแล้ว”

ได้อ่านคอมเมนต์มั้ย?

“ได้อ่านคอมเมนต์ค่ะ แต่พิมต้องพูดตรงๆ ว่าพิมไม่ต้องลงคอนเทนต์นี้ก็ได้ เพราะพิมรู้สึกว่าลงไปคนก็ด่าว่าเราเลือกเองนี่ อีกแล้วเหรอ แต่เราแค่รู้สึกว่าในเมื่อพื้นที่โซเชียลของเรามันมีคนติดตามเยอะ และเราสามารถเตือนได้ เรายอมเป็นคนโง่ก็ได้ อย่างน้อยเราก็ได้ช่วยคน คนดูคลิปเป็นล้านคน เราก็ช่วยเตือนคนได้เป็นล้านคนเลยนะ ก็รู้สึกว่า ณ เวลานั้นที่มันเกิดเรื่องแล้วคนบอกว่าคอนเทนต์แน่เลย ตั้งใจถ่ายแบบโดนขโมย พิมก็คิดว่าในเมื่อมันเกิดเรื่องที่แย่แล้ว เราก็เอาเรื่องที่ดีให้มันอยู่ภายใต้เรื่องที่มันแย่สิ ตอนที่มันแย่พิมก็นั่งนอยด์อยู่ตรงสถานีตำรวจ ก็คิดว่าไม่ได้ ถึงเราจะเสียเงิน เสียทุกอย่างไปแล้ว เราก็ต้องได้อะไรกลับมาจากเรื่องนี้ อย่างน้อยเราต้องทำคลิปนี้เป็นประโยชน์ให้คนให้ได้ แล้วพิมก็หยิบกล้องขึ้นมาตั้ง แล้วก็ถ่ายคอนเทนต์เลย

พิมว่ามันก็เป็นประสบการณ์ เขาคงอยากให้พิมได้ประสบการณ์มากขึ้นในการเดินทาง (หัวเราะ) แฟนพิมเขาก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น และเขาก็ระวังตัวมากขึ้นแหละ หลังจากเหตุการณ์นี้พิมว่าเขาน่าจะได้รับบทเรียน และจะระวังตัวมากขึ้นในอนาคต

เสียใจมั้ยที่คนคิดว่าเป็นคอนเทนต์?

“ไม่แปลกใจนะ เพราะตอนที่เราลงไปก็ยังคิดในใจเลยว่ามันต้องมีกลุ่มคนที่คิดแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่เราไม่รู้นะว่ามันจะมี แต่ในเมื่อเขามองว่าเป็นประโยชน์ ก็ดีใจด้วย คุณได้รับประโยชน์จากคลิปนี้ไป แต่ถ้าคุณมองว่าเป็นคอนเทนต์ ก็หวังว่าคนที่มองว่าเป็นคอนเทนต์จะดูจนจบ และนำไปใช้ในชีวิตจริงได้แล้วกัน”

ต้องเปิดหน้าแฟนแก้เคล็ดมั้ย?

“ต้องเปิดหน้าแฟนแก้เคล็ดเหรอ (หัวเราะ) พิมว่าเปลี่ยนที่ตัวเองดีกว่า น่าจะง่ายกว่า จะได้ระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่ก็เป็นปกติว่าหลายๆ คนก็คงอยากเห็นหน้าตาเขา เพราะโดนถามมาจะ 4 ปีแล้ว แต่ขอยังไม่พูดเรื่องความสัมพันธ์ตอนนี้แล้วกัน (หัวเราะ) พิมว่ามันไม่แปลกที่คนจะอยากรู้ เพราะถ้าสมมติเพื่อนเราลงสตอรี่แล้วไม่อัพรูปผู้ชาย เราก็อยากรู้เหมือนกัน เราก็คงถามว่าทำไมไม่เปิดหน้า ก็เป็นเรื่องปกติ เราเองยังอยากรู้เลย

แต่แฟนพิมเขาไม่เล่นโซเชียลด้วยแหละค่ะ ก็เลยไม่มีรูป ไม่มีอะไรเลย (ยิ้ม) แต่ถามว่าก่อนจะลงภาพต้องเช็กก่อนมั้ย คือพิมไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น เพราะแฟนคลับหลายๆ คนที่คอมเมนต์ก็บอกว่าเขาเห็นกันหมดแล้ว เพราะในสตอรี่ก็มีเห็น แต่แค่คนเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจดู เพราะเวลาพิมไปกินข้าวกับครอบครัวก็จะมีเขาอยู่ในสตอรี่ด้วย ก่อนหน้านี้ก็จะมีเห็นตลอด ถามว่าตื่นเต้นเร้าใจมั้ยที่คนตามหาว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง พิมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เพราะพิมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติที่คนอยากจะรู้

แต่ตัวเขาเองเป็นคนอินโทรเวิร์ต ไม่ได้ชอบให้คนมาสนใจอยู่แล้ว แต่เขาไม่ได้มีปัญหานะ เพราะเขาก็เข้าใจงานของเรา แต่แค่เราเซฟอะไรให้เขาได้เราก็เซฟกับความส่วนตัวของเขา อะไรที่เราทำให้เขาได้เราก็ทำ พิมไม่ได้กลัวอะไรเลย แค่เอาเรื่องความเป็นส่วนตัวของเขาเป็นหลัก

พิมก็แค่มองว่าเขาโอเคยังไง เขาเป็นคนชอบความส่วนตัว เขาไม่ได้อยากให้ใครมายุ่งอะไรกับเขา เราก็ให้พื้นที่ส่วนตัวเขา  เพราะแค่มีเราอยู่ข้างๆ มันก็ไม่ส่วนตัวมากพอแล้ว แต่ถามว่าหล่อมั้ย ไม่รู้สิ เพราะหล่อของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่ก็ดูดีสำหรับเรา (ยิ้ม)

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์พิมยังไม่อยากพูดถึงความสัมพันธ์ตอนนี้ เพราะมันเป็นช่วงปรับตัวกัน มันไม่มีทุกคู่ที่เป็นเรื่องที่ดี พิมว่าตอนนี้ก็เป็นช่วงที่เราไม่ได้สื่อสารกันมากพอ ก็เลยยังไม่อยากตอบเรื่องความสัมพันธ์ตอนนี้ดีกว่าค่ะ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image