หมอริท เล่นซีรีส์วายประกบคู่ กัน นภัทร รับเป็นมิติใหม่ อ่านบทแล้วขนลุกเลย

หมอริท เล่นซีรีส์วายประกบคู่ กัน นภัทร รับเป็นมิติใหม่ อ่านบทแล้วขนลุกเลย

เตรียมหวนคืนจอให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงกันแล้ว สำหรับ หมอริท – นพ.เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช หลังจากที่ห่างหายจากงานแสดงไปนาน เพราะต้องโฟกัสธุรกิจคลินิกเสริมความงาม THE RITZ CLINIC เป็นหลัก โดยล่าสุดหมอริทได้มาทำหน้าที่พิธีกรใน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การจัดการประชุมวิชาการร่วมคณะแพทยศาสตร์ 4 สถาบัน พ.ศ.2568 จุฬาฯ – รามาฯ – ศิริราช – ธรรมศาสตร์ ก็ได้เปิดใจถึงซีรีส์วายเรื่องแรก “อาหารมื้อสุดท้ายก่อนโลกกลายเป็นทางด่วนอวกาศ (Last Meal Universe)” หลังจากกลับมารับงานละครอีกครั้ง โดยได้ประกบเพื่อนซี้ กัน นภัทร พร้อมเปิดใจถึงธุรกิจคลินิกเสริมความงามที่เตรียมวางแผนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์

 

ADVERTISMENT

เป็นยังไงบ้างกับการกลับมาเล่นซีรีส์หลังหายไปนาน?

“ก็ห่างหายไปนานแล้วครับ จริงๆ ก็ไม่ค่อยได้เล่นซีรีส์เป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ จังๆ ครั้งนี้เป็นการเล่นบทนำเป็นครั้งแรกเลย” (แตกต่างกันไปยังไงบ้าง?) “แตกต่างสุดๆ”

ADVERTISMENT

เคยให้สัมภาษณ์ว่าอยากเล่นซีรีส์วาย แล้ววันนี้ได้มาเล่นจริงๆ?

“ครั้งนั้นก็ตอบทีเล่นทีจริง เพราะคิดว่าถ้ามีโอกาสก็คงเล่นได้ แต่อันนี้โอกาสมันเหมาะเจาะเกินไปตรงที่เล่นกับเพื่อน คือจริงๆ ถ้าเรื่องนี้ไม่ใช่ ‘กัน (นภัทร)’ ก็คงไม่ได้เล่น แต่พอเป็น ‘กัน’ มันก็เหมือนว่า คือจริงๆ ริทเป็นคนถือคติยึดงานของหมอเป็นหลัก แล้วงานของวงการบันเทิงเหมือนเป็นงานผ่อนคลาย ยิ่งได้ไปเจอเพื่อนก็เหมือนได้ไปพักผ่อนกัน ทำงานแบบพักผ่อนอะไรอย่างนี้”

แล้วทำไมถึงจับพลัดจับผลูอยู่ดีๆ มาเล่นด้วยกันได้?

“นั่นน่ะสิ คือเขาไปตั้งต้นมาจากหนังในตอนนั้น (ภ. ดับแสงรวี) เล่นหนังด้วยกันแล้วออกไม่กี่ซีน ไม่กี่วิ คนดูบอกว่ารู้สึกว่ายังไม่เต็ม มันยังไปต่อได้” (เรามีขายไว้ว่าเรามีจูบกันได้?) “ใช่ครับ (หัวเราะ)”

แล้วจากวันนั้นมันสานต่อยังไง ว่าเราจะเล่นด้วยกัน?

“ก็จริงๆ ก็โทรคุยกันว่าแบบเล่นไหม ถ้าเล่นก็เล่นด้วยกัน แล้วก็คุยกันว่าถ้าเล่นเราจะทำออกมาให้มันเป็นซีรีส์วายอีกมิตินึงนะ” (มิติไหน?) “ อันนี้ต้องไปตามดูนะ เพราะว่าแอบเห็นที่ตัดต่อเวอร์ชั่นเตรียมออนแอร์แล้ว แอบเห็นแล้ว มันเป็นซีรีส์วายอีกมิตินึง คือเวลาเรานึกถึงภาพซีรีส์วาย มันก็จะนึกถึงภาพความวาย ความรักหอมกรุ่น ความจิ้นอะไรอย่างนี้ ซึ่งอันนี้มันก็คือวายอยู่ดี แต่ว่ามันจะออกมาเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง มิติใหม่เลย”

เป็นซีรีส์วายรสชาติไหน?

“ซีรีส์วายเรื่องนี้เหรอ มันจะรสชาติออกแนวขมๆ นิดนึง (หัวเราะ) ล้อเล่นๆ ด้วยความที่พล็อตเรื่องมันเป็นซีรีส์วายใช่ไหมครับ ในซีนมันก็จะมีการเข้าคู่กันบ้าง แต่ว่าด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกัน เราก็เล่นในฐานะนักแสดง จินตนาการว่าเราเป็นตัวละครนั้นๆ แต่พอเข้าคู่กันปุ๊บ มันไม่ได้ออกมาเป็นเคมีความวายแบบนั้น มันจะออกมาเป็นวายอีกแบบนึง มันเป็นอีกรสหนึ่ง คนละรสชาติ คือมันต้องดู คือถ้าไม่ดูก็ไม่รู้เลย”

ตอนที่อ่านบทรู้สึกยังไงบ้าง?

“ขนลุก บทธรรมดาๆ เลย แต่ตอนอ่านนี่คือบทขนลุกเลย ฟีลแบบมันจะเกิดขึ้นแล้วเหรอกับเรา (หัวเราะ) ประมาณนั้น แต่พอถึงตอนที่เข้าซีนจริงๆ ผู้กำกับเขาให้อิสระในการเล่น สมมุติว่าเทคที่หนึ่งเราเล่นตามสิ่งที่ควรจะเป็นก่อนตามบทก่อน พอเทคสอง ผู้กำกับก็บอกว่าลองอิสรภาพ เต็มที่เลย ลองอิมโพรไวส์ซิ ลองขายมาซิ มันก็จะเจออะไรใหม่ๆ ที่รสชาติมันไม่เหมือนซีรีส์วายเดิมๆ”

วันนั้นที่พูดไปว่ามันไม่น่าจะเป็นจริง แต่พอได้มาเล่นจริงๆ มันกังวลตรงไหนไหม?

“ไม่กังวลเลยนะครับ จริงๆ ไม่กังวลเลย จริงๆ ห่วงที่สุดคืออะไรรู้มั้ย? ห่วงคนดู เพราะเขาอาจจะคาดหวังฟีลเสิร์ฟๆ แพตเทิร์นซีรีส์วายว่าจะต้องออกมาเป็นแบบนี้ ต้องมีการทะเลาะกันก่อน แล้วไปเจอกัน แล้วมีความมุ้งมิ้งชอบกัน ห่วงคนดูว่าเขาจะคาดหวังแบบนั้น แต่พอเราถ่ายออกมา แล้วก็ตัดต่อมาแล้วอ่ะ มันคนละวายอ่ะ”

ตอนที่ดูตัดต่อมีความจิ้นไหม?

“มันได้ แต่มันไม่ใช่ฟีลแบบว่าฉันรักเธอจังเลย มันไม่ใช่แบบฟีลเดิมที่ทุกคนเคยเจอมา มันเป็นฟีลแบบมันได้ แต่มันได้อีกแบบนึง แต่ไม่รู้จะพูดออกมายังไงดี (แล้วตัวละครมันได้กันไหม ?) อืมมมม… อันเนี่ยบอกไม่ได้ ต้องติดตาม”

มันเป็นยังไงบ้างฉากเลิฟซีน?

“มันแบบถึงขนาดไหนเหรอ? มันก็จะมีความแบบร่างกายถึงกันระดับนึง แต่ไม่บอกว่าอวัยวะส่วนไหน (หัวเราะ) อาจจะแค่จับมือก็ได้ไง เข้าใจป่ะ หรืออาจจะแค่หัวชนกัน หรือซบไหล่ก็ได้ หลายอวัยวะที่มันสัมผัสกัน คือการแสดงความรัก มันแสดงความรักได้หลายทาง มันไม่จำเป็นจะต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจเสมอไป หรือมันเป็นแบบนั้นก็ได้ ต้องดู”

ตอนที่มองหน้ากันมันขำไหม?

“เอาจริงๆ ไหม? ริทเป็นคนที่หลุดขำง่าย แต่กันมันเหมือนมืออาชีพกว่า เขาเล่นละครมาเยอะ เขาเล่นมาหลายเรื่องแล้ว เขาก็จะรู้ว่า 5 4 3 2 แอ๊กชั่น เขาจะทำยังไงใช่ไหม  แล้วมันก็จะแกล้งริทให้หลุดบ้าง ให้โน่นให้นี่บ้าง คือริทมองหน้ากันก็ขำอยู่แล้วตั้งแต่แรก โดยเฉพาะซีนที่ต้องมาแบบสบตาปิ๊งๆ อ่ะ (ซีนทำอาหารเหรอ ซีนหั่นผักอะไรแบบนี้?) อ่ะ ใช่ฟีลๆ นั้นมี เราก็จะแบบมึงดีๆ ดิ เอออะไรอย่างนี้ (ต้องฮึบแค่ไหน?)  มันก็ต้องแบบฮึบ! (ทำหน้าเม้มปาก หัวเราะ) เอาตรงๆ เลยนะ ริทมั่นใจเลยว่าคนที่ดูเรื่องนี้จะรู้ว่าริทกลั้นขำอยู่ หน้ามันออก หน้ามันจะแบบ (ทำหน้าเม้มปาก) แต่คือบางอย่างผู้กำกับเขาตั้งใจใส่ลงไป เพราะว่ามันก็เป็นเสน่ห์ในเรื่องอีกแบบนึงเหมือนกัน เพราะอย่างที่บอกเราตั้งใจว่าเราจะไม่ทำวายปกติอยู่แล้วตั้งแต่แรก ไม่ใช่วายแพตเทิร์นแน่นอน ใครที่คาดหวังจะเจอวายแพตเทิร์น อินเลิฟ หวาน มองตาซึ้ง ฟีลๆ นั้นน่ะ ไปดูเรื่องอื่นก่อน (หัวเราะ ) อันนี้แจ้งให้ทราบเลย แต่ริทจะบอกว่ามันเซอร์ไพรส์ แล้วก็มันเกินคาดกว่าที่คิด เพราะมันเป็นวายที่ริทก็ยังไม่เคยดูวายแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน”

ในเรื่องจะเป็น ”กัน-ริท“ หรือ “ริท-กัน” ?

”เป็น ‘กัน-ริท’ หรือบางวันก็เป็น ‘ริท-กัน’ ได้ คือมันไม่มีการตกลงกันเกิดขึ้นไง มันต้องไปดูว่าอารมณ์วันนั้นว่าใครเป็น กัน-ริท ใครเป็น ริท-กัน”

พอได้เห็นออกมาเป็นหนึ่งอีพีแล้ว ได้คุยกับกันไหมว่าเป็นยังไง โอเคไหม?

“จริงๆ ริทชอบนะ คือริทรู้สึกว่าความตั้งใจแรกมันอยากสร้างมิติใหม่ในซีรีส์วาย เอาจริงๆ ตั้งแต่ประกาศมาว่าสองคนนี้มันจะเล่นซีรีส์วายด้วยกัน จนมาถึงวันนี้ เราคาดหวังไว้อยู่แล้วว่ามันจะไม่ได้ออกมาในแบบที่ทุกคนเคยดูกัน แต่มันก็จะแอบเขินๆ นิดนึงตรงเวลาเว็บไซต์ต่างชาติ หรือคนต่างชาติ ที่เขาชอบดู BL ไทย แล้วเขาอาจจะคาดหวังว่าคู่นี้มันต้องเป็นแบบที่เคยเป็นมาแน่นอนเลย แล้วเขาจะผิดหวังหรือเปล่า ก็อยากให้เตรียมใจไว้ก่อนเลยว่าอย่าคาดหวังในแบบที่เคยเห็นแต่สนุกแน่นอน แค่ไม่เป็นไปตามสิ่งที่เป็นมา”

แฟนคลับเราสองคนว่ายังไงบ้าง?

“เขาก็น่าจะปล่อยเลยตามเลย (หัวเราะ) เขารู้แล้วว่าอันนี้มันจะมาในรูปแบบอย่างนี้ เขาน่าจะรู้อยู่แล้ว ถ้าอยู่ดีๆ จะให้แสดงอินเลิฟอย่างนั้นเลย คนก็ไม่เชื่ออีกอยู่ดี แล้วบทมันก็ไม่ได้มาแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ”

เรื่องย่อมันเป็นประมาณไหน?

“เรื่องย่อมันคือตัวริทเล่นเป็น ‘ชุนณ์’ เป็นวิศวกรจากดาวนอกโลก หน้าที่จริงๆ คือมาระเบิดดาวโลกเพื่อสร้างทางด่วนอวกาศ แล้วพอตอนที่จะต้องลงมาระเบิดดาวโลก ก็เกิดเหตุที่จะต้องอยู่ในโลกต่อ แล้วก็ได้มีโอกาสไปลองชิมอาหารบนโลก แล้วคนที่ทำอาหารคนนั้นก็คือ ‘ชนแดน’ ก็คือกัน ซึ่งก็ทำอาหารอร่อยมาก แล้วชีวิตเราที่ผ่านมากินอาหารผ่านแคปซูลตลอด ไม่มีรสชาติ พอได้ลองทานอาหารที่ดาวโลก เรารู้สึกว่าอาหารอร่อยมาก เป็นอาหารไทย ซึ่งกันฝีมือสุดยอดมาก พอกินไปกินมาก็เริ่มรู้สึกว่าคนนี้ดูแลเราดีจัง ให้ข้าว เลี้ยงเรา ให้ที่พัก เราก็เลยรู้สึกขอบคุณในความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้ (ก็คือติดใจในรถมือเขา?)  ติดใจหลายๆ อย่างของเค้า จนไม่อยากกลับไปที่ดาวของตัวเองแล้ว แล้วก็เป็นเรื่องราวถัดๆ มา”

หลังจากปล่อยโปสเตอร์โปรโมตไปฟีดแบ๊กเป็นยังไงบ้าง?

“จริงๆ โปสเตอร์ยังปกติ Short TEASER ก็ยังปกติ แต่เดี๋ยวมันจะมีตัวยาวอีก ถ้าเกิดได้เห็นตัวยาวตัวเต็มคือรู้เลย”

มีเวอร์ชั่น Uncut ด้วยมั้ย?

“คิดว่ามีนะครับ แต่ Uncut ริท กับ Uncut ที่ทุกคนเข้าใจ จะไม่เหมือนกัน มันจะเป็น Uncut อีกแบบ ซึ่งริทเห็น Uncut นั้นแล้ว มันก็จะไปตีตลาดทางคาเฟ่อะไรอย่างนี้ เป็นแนวโบ๊ะบ๊ะ ช่วงนี้คนเครียดเยอะ ดูอะไรอย่างนี้อาจจะเอ็นเตอร์เทนก็ได้”

จะได้ดูเมื่อไหร่?

“วันที่ 2 มีนาคม ทางช่องวันครับ”

ถามเรื่องช่วงนี้คลินิกเดินสายรับรางวัล?

“ก็ไปเฉพาะช่วงที่ได้รางวัลใหญ่ๆ อย่างงี้ครับ ก็พยายามทำให้ดีที่สุด ในฝั่งคลินิกด้วย ฝั่งงานตัวเองด้วยอะไรอย่างนี้”

เรามีแผนขยายยังไง ตอนนี้มีกี่สาขาแล้ว?

“ถ้าเกิดเป็นคลินิก The RITZ มีทั้งหมด 10 สาขา แล้วก็มีอีกหนึ่งคลินิกที่เป็นน้องใหม่ชื่อ Space v อีกหนึ่งสาขา แล้วก็มีคลินิกศัลยกรรมตาชื่อว่า iLIDZ อีกหนึ่งสาขา รวมกันทั้งหมดเป็น 12 สาขาตอนนี้ครับ อยู่ในกรุงเทพฯหมดเลยครับ“

เห็นว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์?

“ใช้คำว่ากำลังเตรียมข้อมูลอยู่ ก็ระยะเวลาเตรียมข้อมูลที่ตลาดหลักทรัพย์เขากำหนดไว้ก็คือ 3 ปี ซึ่งก็เตรียมมาแล้ว 2 ปี ก็เหลืออีกหนึ่งปี ก็คือปีนี้ เป็นปีสุดท้ายที่จะต้องเตรียมข้อมูล แล้วก็เตรียมผลประกอบการ เตรียมแผนการเติบโต เตรียมผลกำไรอะไรประมาณนี้ ซึ่งก็จะใช้เวลาอีกประมาณปีหน้า ถึงจะรู้ว่าแผนการเข้าตลาดมันโอเคหรือไม่โอเค ทำได้หรือไม่ได้ ก็ต้องให้ทางตลาดหลักทรัพย์เขาตรวจ“

ณ วันนี้มองยังไง การทำศัลยกรรมในเมืองไทย เพราะตอนนี้คนจะทำในเมืองไทยมากกว่าที่จะบินไปทำต่างประเทศ?

“จริงๆ ต้องบอกว่าตลาดการดูแลตัวเอง ความสวยความงาม การศัลยกรรมในประเทศไทย ก็ยังถือว่าเติบโตอยู่ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจยังชะลอตัวในปัจจุบันนี้นะครับ แต่ว่าในกลุ่มของ well being เรื่องของสุขภาพ wellness ต่างๆ ความงามอย่างที่บอกไป ยังสามารถเติบโตได้อยู่นะครับ ตอนนี้ประเทศไทยเรามีแผนผลักดันให้ประเทศไทยเราเป็นเหมือนศูนย์กลางของการแพทย์ เป็น medical hub ซึ่งตอนนี้นโยบายก็กำลังผลักดันไปในทางนี้อยู่ เพราะฉะนั้นเนี่ยในเรื่องของทิศทางเกี่ยวกับการแพทย์ แล้วก็ wellness ความงามเนี่ย เรียกได้ว่ายังเติบโตต่อเนื่องอยู่ในตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี สำหรับคนทำธุรกิจในด้านนี้ ก็ยังรู้สึกอุ่นใจที่ยังเดินสายนี้อยู่ครับ“

แล้วในอนาคตวางแผนถึงขั้นที่อยากจะมีโรงพยาบาลเลยไหม?

“จริงๆ ปลายทางก็มีแผนที่จะเปิดโรงพยาบาลเหมือนกัน ก็อยากขยายสาขาไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะตอนนี้เราอยู่แค่กรุงเทพฯ ก็เอาตรงๆ จริงๆ คลินิกที่ทำมาตอนนี้อยู่แค่ในกรุงเทพฯ เราก็พยายามพัฒนาทีมงานของเราให้แข็งแรงมากขึ้น ทำระบบให้ดีขึ้น ทำเรื่องของนวัตกรรมเทคโนโลยีการรักษาให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ววันนึงที่พร้อมก็จะเริ่มออกจากกรุงเทพฯไปสู่ต่างจังหวัด ไปอยู่ทั่วประเทศ แล้วก็ขึ้นเป็นโรงพยาบาลให้ได้“

มีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์บ้างไหม?

“ก็มีคนติดต่อซื้อเหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้เปิดขายตอนนี้ ยังดูแลเองไหวอยู่ ตอนนี้ก็เป็นของเราคนเดียว“

เพราะอะไรที่เราอยากดูแลเอง?

“เอาจริงๆ ส่วนตัว นิสัยส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบทำตามใคร แล้วก็เป็นคนเชื่อมั่นเชื่อใจตัวเองว่าเราประกอบธุรกิจแบบมีจริยธรรม แล้วเราก็ไม่อยากให้ใครเอาเรื่องผลประกอบการ เรื่องเงิน หรือเรื่องอะไรมาเป็นตัวบังคับการเติบโตธุรกิจ เพราะถ้าเกิดเขามาอยู่กับเรา แน่นอนว่าเขาลงทุน เขาก็คาดหวังอะไรบางอย่าง ก็เลยยังไม่ตัดสินใจที่จะให้ใครเข้ามาในธุรกิจเรา เพราะว่ามันเป็นธุรกิจการแพทย์ แล้วโอกาสที่จะทำให้มันออกนอกลู่นอกทาง หรือมองเรื่องตัวเลขมากกว่าเรื่อง Ethics หรือเรื่องจริยธรรม มันมีโอกาสสูงที่จะบิดเบี้ยวไป ก็เลยขอคลุมไว้เองก่อนแล้วกัน แล้วทีมแข็งแรงเมื่อไหร่จะไปต่างจังหวัดทันที”

 

แล้วสมมุติในอนาคต 3 ปี ถ้าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ได้วางแผนไว้ยังไงบ้าง?

“จริงๆ ถ้าเกิดวันนั้นที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ เราก็จะได้เงินทุนจากมหาชน ก็จะต้องมีแผนในการขยายธุรกิจและการเติบโตของธุรกิจ แต่อย่างที่บอกไป คือการขยายธุรกิจภายใต้การกดดันของตัวเลข โอเคมันก็ต้องทำแต่ว่าการขยายธุรกิจภายใต้จริยธรรมมันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ถ้าเรายังควบคุมดูแลเองอยู่ ริทค่อนข้างมั่นใจว่าริทไม่ทำออกนอกลู่นอกทางแน่นอน เพราะตัวเองยังมีงานที่ยังต้องอยู่ในวงการแพทย์ งานที่ต้องเป็นอาจารย์โรงเรียนแพทย์ก็ยังทำอยู่ แล้วก็ไม่อยากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับรุ่นน้องหรือว่านักเรียนนักศึกษาแพทย์อะไรอย่างนี้ครับ”

12 สาขานี้เราสับเปลี่ยนไปดูแลยังไงบ้าง?

“จริงๆ ตอนนี้ริทไม่ได้ลงตรวจแล้วเลย เพราะว่าทำหลังบ้านอย่างเดียวเลย ทำบริหารอย่างเดียวเลย คือทุกวันนี้แค่งานบริหารอย่างเดียว ก็ไม่คิดว่ามันจะกินเวลาชีวิตขนาดนี้ เราก็เหนื่อยมาก มีปัญหาให้แก้ทุกวัน แต่ก็สนุกดีครับ ชอบทำงานธุรกิจอะไรพวกนี้”

เป็นคุณหมอที่เป็นนักบริหารได้นิดหน่อย แสดงละครได้ด้วย?

“แต่ซีรีส์นี้โปรเจ็กต์สุดท้ายแล้วเนี่ย เพราะทำไม่ไหวแล้วครับ พูดจริง คือจะบอกว่าจริงๆ ในช่วงที่ถ่ายทำ ตารางคือแบบทรหดอดทนมาก คือตอนที่ตัดสินใจเล่นซีรีส์เรื่องนี้คือเหมือนแผนการที่ทำโปรเจ็กต์ IDO มันยังไม่ฟันธง 100% แต่ว่าโปรเจ็กต์ซีรีส์นี้มันรับล่วงหน้ามาประมาณปีกว่าแล้ว แล้วปรากฏว่าช่วงที่ถ่ายซีรีส์ กับช่วงที่ต้องเดินสายโปรโมต คือเป็นช่วงปีสุดท้ายที่เราต้องทำแผน IDO ก็เลยกลายเป็นตารางงานริท แบบโอ้โห แน่นไปหมดเลย”

แสดงว่าจบจากเรื่องนี้ก็คือพักงานบันเทิงยาวๆ เลย?

“เอาตรงๆ ก็พักมานานแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเห็นตามแบบโซเชียลมีเดียตัวเอง ก็ไม่ค่อยได้เจอในงานทางบันเทิงทีวีจริงๆ แล้วอะไรอย่างนี้ (ร้องเพลงไม่ได้แล้ว?) มีเพลงประกอบซีรีส์ อะไรที่จัดสรรเวลาได้เราก็ทำไงครับ แต่อันไหนที่ต้องใช้เวลาเยอะ อย่างเช่น ถ้าสมมติว่าซีรีส์นี้เปลี่ยนใหม่ขอถ่ายเป็น 16 ตอน ริทก็อาจจะบอกว่าไม่ไหว แต่ 8 ตอนยังพอทำได้ เพราะดูคิวถ่ายและจำนวนวันที่ถ่าย ดูพอทำได้ก็ทำอะไรอย่างนี้ครับ”

ซึ่งทุกอย่างริทเริ่มจากความอยากหมดเลย ถ้าอยากทำก็ทำ?

“จริงๆ ทุกวันนี้ ถ้าเป็นวงการบันเทิงนะ ทำงานแบบนี้เลยก็คือถ้ารู้สึกว่าใจอยากทำก็ทำ หรือจัดสรรเวลาได้ก็ทำ แต่ถ้าอันไหนมันไม่ไหวก็ต้องยอมรับตัวเอง เพราะว่าสุดท้ายแล้วเราแบกบริษัทนึงอยู่อ่ะ แล้วพนักงานตอนนี้ก็ 200 กว่าคนแล้วอ่ะ ซึ่งเขาก็ต้องรอการดำเนินงานจากเราอยู่ ถ้าเราออกไปวอกแวกทำงานอย่างอื่นเยอะหรือหายไปเยอะ ไปเที่ยวเยอะอะไรงี้ เขาก็เหมือนต้องรอการบริหารงานจากเราอะไรอย่างนี้ อืม“

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image